สืบค้นงานวิจัย
การศึกษาอัตราของจุลินทรีย์ละลายฟอสเฟตรองก้นหลุมปลูกยางพารา
ประภาศิริ ตงศิริ - การยางแห่งประเทศไทย
ชื่อเรื่อง: การศึกษาอัตราของจุลินทรีย์ละลายฟอสเฟตรองก้นหลุมปลูกยางพารา
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: ประภาศิริ ตงศิริ
บทคัดย่อ: ในดินปลูกยางพารามักมีปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ต่ำ โดยส่วนใหญ่เนื่องจากดินปลูกยางพารามีสภาพเป็นกรดจัดมาก เป็นผลให้เหล็กและอลูมินั่มละลายออกมาได้ดี สารประกอบของฟอสฟอรัสที่มาจากการสะสมของฟอสฟอรัสที่ได้จากการใส่ปุ๋ยอย่างสม่ำเสมอ จึงจับกับเหล็ก หรืออลูมินั่ม เกิดเป็นสารประกอบฟอสฟอรัสที่ไม่ละลายน้ำ พืชนำไปใช้ประโยชน์ไม่ได้ ปัจจุบันกรมวิชาการเกษตรได้มีการผลิตปุ๋ยจุลินทรีย์ละลายฟอสเฟตที่สามารถละลายอนินทรีย์ฟอสฟอรัสและละลายหินฟอสเฟตให้พืชใช้ประโยชน์ได้ จึงได้ทำการศึกษาหาอัตราที่เหมาะสมสำหรับแนะนำให้ใส่รองก้นหลุมปลูกยาง วางแผนการทดลองแบบ RCB จำนวน 4 ซ้ำ ประกอบด้วย 6 วิธีการทดลอง คือ ไม่ใส่เชื้อจุลินทรีย์ละลายฟอสเฟต (control) กับใส่เชื้อจุลินทรีย์ละลายฟอสเฟต อัตรา 10, 20, 40, 80 และ 100 กรัม/ต้น ปลูกยางพันธุ์ RRIT 408 ดำเนินการทดลองในพื้นที่ศูนย์วิจัยยางฉะเชิงเทรา ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรเชียงใหม่ และศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรสุราษฎร์ธานี เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนตุลาคม 2554 สิ้นสุดกันยายน 2558 ผลการศึกษาพบว่า ในดินก่อนการทดลองทั้ง 3 แปลงตรวจไม่พบจุลินทรีย์สายพันธุ์ RPS 003 F ที่ใช้ในการทดลอง การตรวจนับปริมาณจุลินทรีย์ละลายฟอสเฟตสายพันธุ์ RPS 003 F หลังจากใส่เชื้อจุลินทรีย์ไปแล้ว 3, 6 และ 12 เดือน ปรากฎเชื้อจุลินทรีย์ละลายฟอสเฟตสายพันธุ์ RPS 003 F ในทุกวิธีการทดลอง ยกเว้นวิธีการไม่ใส่เชื้อจุลินทรีย์รองก้นหลุม แต่จำนวนที่พบนั้นไม่ได้แปรผันตามอัตราของจุลินทรีย์ละลายฟอสเฟตที่ใส่รองก้นหลุม อีกทั้งในแต่ละอัตราที่รองก้นหลุมมีจำนวนจุลินทรีย์ละลายฟอสเฟตผันผวนขึ้น ๆ ลงๆ และจำนวนก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นเมื่อระยะเวลาเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด ปริมาณธาตุอาหารในดินหลังการทดลอง 1 ปี พบว่าดินในทุกวิธีการทดลอง มีปริมาณแคลเซียม (Ca) และแมกนีเซียม (Mg) ลดลง ปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ (Available P) เพิ่มขึ้น แต่ยังอยู่ในระดับต่ำมาก ปริมาณโพแทสเซียม (K) เพิ่มขึ้นจนถึงระดับที่เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของต้นยาง ส่วน pH และอินทรียวัตถุ (OM) เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ผลการวิเคราะห์ใบยางในแปลงทดลองที่ศูนย์วิจัย และพัฒนาการเกษตรสุราษฎร์ธานี เมื่อต้นยางอายุ 2.5 ปี ก็ไม่พบความแตกต่างของปริมาณธาตุ อาหารต่าง ๆ ในแต่ละวิธีการทดลองเช่นกัน โดยมีค่าไนโตรเจน (N) 2.13 – 2.29 % ฟอสฟอรัส (P) 0.11 – 0.12 % โพแทสเซียม (K) 0.68 – 0.74 % และแมกนีเซียม 0.16 – 0.21 % ซึ่งทุกค่ายังมีระดับต่ำกว่าระดับวิกฤต สำหรับการเจริญเติบโตของต้นยาง พบว่าการเจริญเติบโตทางด้านความสูงและขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางลำต้นของยางพาราพันธุ์ RRIT 408 ทั้ง 3 แปลงทดลอง ที่อายุ 3, 6 ,9 ,12 และ 18 เดือน ไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ ขนาดเส้นรอบวงลำต้นเฉลี่ยที่อายุ 2 และ 2.5 ปี ซึ่งวัดที่ความสูง 170 ซม. จากพื้นดินไม่พบว่ามีความแตกต่างกันทางสถิติเช่นกัน โดยต้นยางอายุ 2.5 ปี ที่แปลงทดลองศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรสุราษฎร์ธานี มีขนาดเส้นรอบวงลำต้นเฉลี่ย 15.9 – 17.8 เซนติเมตร ศูนย์วิจัยยางฉะเชิงเทรา 11.10 – 13.22 เซนติเมตร และศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรเชียงใหม่ 10.71 – 11.75 เซนติเมตร ดังนั้นในเบื้องต้นอาจกล่าวได้ว่าการใส่เชื้อจุลินทรีย์ละลายฟอสเฟตสายพันธุ์ RPS 003 F ไม่ว่าจะใส่อัตราเท่าใด ไม่ได้มีผลทำให้ปริมาณธาตุอาหารในดิน ในใบ รวมถึงการเจริญเติบโตของต้นยางพันธุ์ RRIT 408 ในแต่ละช่วงอายุตั้งแต่ 3 เดือน ถึง 2.5 ปี แตกต่างกันทางสถิติ และไม่แตกต่างจากการไม่ใส่เชื้อจุลินทรีย์ละลายฟอสเฟตสายพันธุ์ RPS 003 F รองก้นหลุมปลูกยาง
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: การยางแห่งประเทศไทย
คำสำคัญ: หลุมปลูกยาง
เจ้าของลิขสิทธิ์: การยางแห่งประเทศไทย
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การศึกษาอัตราของจุลินทรีย์ละลายฟอสเฟตรองก้นหลุมปลูกยางพารา
การยางแห่งประเทศไทย
2558
กลุ่มวิจัยยางพารา การศึกษาเบื้องต้นในการส่งถ่ายยีนเข้าสู่ยางพาราด้วยเทคนิค Agrobacterium transformation โครงการวิจัยคัดเลือกจุลินทรีย์เพิ่มความอุดมสมบูรณ์และป้องกันโรคพืชในดินเพื่อเพิ่มผลผลิตพืช การยับยั้งอย่างจำเพาะเจาะจงต่อการแสดงออกของยีน Rubber Elongation Factor (REF) ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างโปรตีนก่อภูมิแพ้ในยางพาราด้วยเทคโนโลยีแอนติเซน โครงการฝึกอบรมการผลิตกล้ายางพาราและการปลูกยางพาราแบบมืออาชีพ ขนาดของหลุมปลูกยางและอัตราปุ๋ยอินทรีย์รองก้นหลุมในยางอ่อน ระดับธาตุอาหารพืชในดินเหลืองดินแดงที่ใช้ปลูกยางพาราในเขตปลูกยางใหม่ ประสิทธิภาพและกลไกของเชื้อรา Trichoderma spp. ในการควบคุมโรคใบร่วงและโรครากขาวของยางพารา และบทบาทในการเป็นจุลินทรีย์ละลายฟอสเฟต อิทธิพลของปุ๋ยเคมีและวัสดุปลูกที่มีผลต่อการผลิตกล้ายางพาราคุณภาพดี ระดับธาตุอาหารในดิน และในต้นยางพารา ในเขตปลูกยางใหม่
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก