สืบค้นงานวิจัย
โครงการประเมินปริมาณน้ำฝนในพื้นที่ที่ได้รับประโยชน์จากการปฏิบัติการฝนหลวง บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย
ศิริลักษณ์ ชุ่มชื้น - กรมฝนหลวงและการบินเกษตร
ชื่อเรื่อง: โครงการประเมินปริมาณน้ำฝนในพื้นที่ที่ได้รับประโยชน์จากการปฏิบัติการฝนหลวง บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: ศิริลักษณ์ ชุ่มชื้น
หน่วยงานสังกัดผู้แต่ง:
บทคัดย่อ: การวิจัยเรื่อง "แผนงานวิเคราะห์ประเมินผลการปฏิบัติการฝนหลวง กรณีศึกษา : การประเมินปริมาณน้ำฝนใน พื้นที่ที่ได้รับประโยชน์จากการปฏิบัติการฝนหลวง" มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการประเมินน้ำฝนจากเรดาร์ตรวจอากาศใน พื้นที่ได้รับประโยชน์จากฝนหลวงในบริเวณลุ่มน้ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือและเพื่อปรับปรุงแบบจำลองการประเมินปริมาณ น้ำฝนด้วยเรดาร์บริเวณาาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย โดยมีระยะเวลาการวิจัยตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2552 ถึง เดือนมิถุนายน 2553 รวมเป็นระยะเวลา 12 เดือน ในการศึกษาครั้งนี้ได้ใช้ข้อมูลฝนที่เกิดขึ้นภายใต้รัศมีสถานีเรดาร์ฝนหลวงพิมาย ซึ่งประกอบไปด้วย ข้อมูลฝนจาก โครงข่ายสถานีวัดน้ำฝนอัตโนมัติเก่าจำนวน 50 สถานี และโดรงข่ายสถานีวัดน้ำฝนอัตโนมัติใหม่จำนวน 34 สถานี และ ข้อมูลเรดาร์ CAPPI ที่ระดับความสูง 2.5 กม. ที่มีรัศมีการตรวจวัด 160 กม. และ 240 กม. ของเหตุการณ์ฝนที่เกิดขึ้น ระหว่างปี พ.ศ. 2546 - 2552 จำนวนทั้งสิ้น 115 เหตุการณ์ โดยการศึกษาในโครงการวิจัยฯ นี้ประกอบไปด้วย 4 หัวข้อ หลักคือ 1) การใช้ข้อมูลเรดาร์ตัดขวางในแนวดิ่งเพื่อศึกษาลักษณะความแตกต่างของกลุ่มเมฆฝนที่เกิดจากการปฏิบัติการ ฝนหลวงและที่เกิดตามธรรมชาติและการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลที่ได้จากข้อมูลเรดาร์ตัดขวางในแนวดิ่งและข้อมูล เรดาร์ CAPPI ของกลุ่มเมฆฝนที่เกิดจากการปฏิบัติการฝนหลวงและที่เกิดตามธรรมชาติ 2) การศึกษาลักษณะความ ดลาดเคลื่อนของข้อมูลฝนที่ประเมินได้จากเรดาร์ (ซึ่งคำนวณโดยใช้สมการความสัมพันธ์ 2-R เฉลี่ยของพื้นที่ศึกษา) ตามระยะทางจากสถานีเรดาร์และวิธีการปรับแก้ปริมาณฝนเรดาร์ที่เหมาะสมสำหรับพื้นที่ศึกษา 3) การจัดสร้างแบบจำลองการประเมินน้ำฝนจากเรดาร์สถานีพิมายเพื่อให้สามารถประเมินน้ำฝนที่ตกภายในและภายนอกพื้นที่ได้รับประโยชน์จากการ ปฏิบัติการฝนหลวงให้มีความถูกต้อง และ 1 การประเมินปริมาณฝนในพื้นที่ได้รับประโยชน์จากปฏิบัติการฝนหลวง ผลจาก การศึกษาสรุปได้ดังนี้ ㆍ กลุ่มเมมฝนที่เกิดจากปฏิบัติการฝนหลวงและที่เกิดจากธรรมชาติมีความแตกต่างกันของระดับความสูงของ ฐานเมผ ความสูงของกลุ่มมฆฝน ความสูงของยอดเมฆ พื้นที่ปกคลุมของกลุ่มเมมฝน ปริมาณฝน และค่าการสะท้อนกลับ มากสุดของเรดาร์ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับความเชื่อมั่น 95% แต่ช่วงอายุของกลุ่มเมฆฝนทั้งสองนี้ไม่แตกต่างกัน · การใช้ข้อมูลเรดาร์ตัดขวางในแนวดิ่งร่วมกับข้อมูลเรดาร์ CAPPI สามารถนำมาใช้พื่อจำแนกกลุ่มเมฆฝนที่ เกิดจากปฏิบัติการฝนหลวงและที่เกิดจากธรรมชาติได้ในเบื้องต้น ซึ่งข้อมูลนี้สามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ของการปฏิบัติการฝนหลวงได้ต่อไป ㆍ จากผลการทดสอบทางสถิติด้วยวิธีหาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เพียร์สันโพรดัคโมเมนต์ที่ระดับความ เชื่อมั่น 95% พบว่ากลุ่มเมฆฝนที่เกิดจากปฏิบัติการฝนหลวงมีความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลลักษณะเมฆฝนที่เห็นได้ชัดเจน กว่ากลุ่มเมฆฝนที่เกิดจากธรรมชาติ ·ㆍ กลุ่มเมฆฝนคิวมูลัสในฤดูฝนและฤดูร้อนมีค่าความเร็วการเคลื่อนที่ของกลุ่มเมฆฝนเฉลี่ยเท่ากับ 6.37 ม./ วินาที และ 4.93 ม./วินาที ตามลำดับ และทิศทางการเคลื่อนที่ของกลุ่มมมฝนคิวมูลัสใน ฤดูร้อนและฤดูฝนจะแตกต่าง โดยในฤดูร้อนกลุ่มเมฆฝนจะมีทิศทางการเคลื่อนที่แบบปั่นป่วน ส่วนในฤดูฝนกลุ่มเมฆฝนจะเคลื่อนที่จากทิศตะวันตกเฉียง ใต้สู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ในบางช่วงเวลาอาจเคลื่อนจาก ทิศตะวันออกเฉียงใต้สู่ทิศเหนือหรือตะวันตกเฉียงเหนือ ㆍ ค่าความคลาดเคลื่อนของข้อมูลฝนที่ประเมินได้จากเรดาร์สถานีพิมายโดยใช้สมการ 2-R เฉลี่ยที่เหมาะสม สำหรับพื้นที่ศึกษา (2-56.5R.1.5) มีค่าคงที่ที่ระยะ ( - 70 กม. จากสถานีเรดาร์ และมีค่าเพิ่มขึ้นตามระยะห่างจากสถานี เรดาร์หลังระยะ 70 กม.จากสถานีเรดาร์เป็นต้นไป . วิธีการปรับแก้ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับพื้นที่ศึกษาที่ทำให้ความคลาดเคลื่อนของปริมาณฝนเรดาร์ที่ประเมิน ได้มีค่าน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับวิธีอื่นๆ ได้แก่ วิธีการปรับแก้ตามเวลาและระยะทางจากสถานีเรดาร์ ซึ่งแฟคเตอร์การปรับแก้มื การเปลี่ยนแปลงทุกๆ ชั่วโมง โดยแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ดีอ ระยะ 0 - 70 กม. และมากกว่าหรือเท่ากับ 70 กม. จากสถานีเรตาร์ โดยการใช้วิธีปรับแก้ดังกล่าวสามารถลดค่าความคลาดเคลื่อนในการประเมินน้ำฝนจากเรดาร์ได้ 28 % (25%) และ 27% (24%) สำหรับเหตุการณ์สอบเทียบ (ทวนสอบ) เมื่อเทียบกับวิธีไม่ใช้การปรับแก้และวิธีการใช้การใช้ค่าปรับแก้เฉลี่ย เพียงค่าเดียวในทุกเหตุการณ์ฝน .จำนวนสถานีวัดน้ำฝนที่น้อยที่สุดที่จำเป็นต้องใช้ร่วมกับข้อมูลเรดาร์ในการประเมินปริมาณน้ำฝนจากเรดร์ สถานีพิมาย คือ 37 สถานี ㆍ แบบจำลองการประเมินฝนที่ตกในพื้นที่ได้รับประโยชน์จากการทำฝนหลวงได้ถูกจัดทำขึ้นโดยใช้วิธีการ ปรับแก้ปริมาณฝนเรดาร์ตามเวลาและระยะทางจากสถานีเรดาร์ดังที่กล่าวข้างต้น โดยมีข้อมูลเรดาร์ CAPPI ที่รัศมี การตรวจวัด 240 กม. ข้อมูลฝนจากสถานีวัดน้ำฝน และข้อมูลพิกัดของพื้นที่ได้รับประโยชน์จากการปฏิบัติการฝนหลวง เป็นข้อมูลนำเข้าแบบจำลองฯ ผลลัพธ์ที่ได้จากแบบจำลอง ได้แก่ อนุกรมเวลาของปริมาณฝนสะสมเฉลี่ยภายในและ ภายนอกพื้นที่ได้รับประโยชน์จากการปฏิบัติการฝนหลวง ㆍปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่ได้รับประโยชน์จากการปฏิบัติการฝนหลวงจะแปรผันตามความเหมาะสมของสภาพ อากาศของวันปฏิบัติการฝนหลวงและความสมบูรณ์ของขั้นตอนและวิธีการทำฝนหลวง ซึ่งบ่งชี้ให้เห็นถึงความน่เชื่อถือ ของแบบจำลองประเมินน้ำฝนจากเรดาร์ที่จัดสร้างขึ้นสำหรับพื้นที่ศึกษา ㆍ จากข้อมูลเหตุการณ์ฝน 22 เหตุการณ์ พบว่าประมาณ 71% และ 63% ของวันปฏิบัติการฝนหลวงในฤดูฝนและฤดูร้อน จะมีปริมาณฝนสะสมเฉลี่ยที่ตกในพื้นที่ได้รับประโยชน์มีค่ามากกว่าภายนอกพื้นที่ได้รับประโยชน์ผล การศึกษาที่ได้จากโครงการวิจัยฯ นี้ สามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการปฏิบัติการฝนหลวง เช่น การประเมินประสิทธิผลของการปฏิบัติการฝนหลวง, การพัฒนาวิธีการทำฝนหลวงให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น, การพัฒนา เกณฑ์การตัดสินใจในการทำฝนและแผนการปฏิบัติการฝนหลวง ตลอดจนการวิจัยเกี่ยวกับการประเมินน้ำฝนโดยเรดาร์ ตรวจอากาศในประเทศไทยต่อไป
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://164.115.23.116:8060/Frontend/download?DocumentID=61&fileIndex=0&originalFileName=41%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%93%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%9D%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9D%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%20%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%93%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%89%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2.pdf
เผยแพร่โดย: กรมฝนหลวงและการบินเกษตร
คำสำคัญ: ประเมินปริมาณน้ำฝน
เจ้าของลิขสิทธิ์: กรมฝนหลวง
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
โครงการประเมินปริมาณน้ำฝนในพื้นที่ที่ได้รับประโยชน์จากการปฏิบัติการฝนหลวง บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย
กรมฝนหลวงและการบินเกษตร
2553
โครงการประยุกต์ผลการวิจัยฝนหลวงในการปฏิบัติการฝนหลวงของศูนย์ฝนหลวงประจำภาค โครงการประเมินปริมาณน้ำฝนด้วยเรดาร์ตรวจอากาศในบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย โครงการการใช้ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียม SMMS เพื่อการปฏิบัติการฝนหลวง ของศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคกลาง โครงการการพัฒนาประสิทธิภาพการปฏิบัติการฝนหลวงในพื้นที่ลุ่มน้ำวิกฤต กรณีศึกษา ลุ่มน้ำภาคตะวันออก การใช้ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียม SMMS เพื่อการปฏิบัติการฝนหลวงของศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคกลาง โครงการพัฒนาเกณ์การตัดสินใจในการปฏิบัติการฝนหลวงเพิ่มเติมน้ำฝนเพื่อการปฏิบัติการฝนหลวง ให้เกษตรกรและผู้ใช้น้ำในลุ่มน้ำของประเทศไทยตอนบน โครงการพัฒนาระบบพยากรณ์อากาศและโอกาสความสำเร็จ ในการปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การใช้ประโยชน์ของดินชุดยโสธรเพื่อการเกษตรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การศึกษาพัฒนาระบบพยากรณ์สภาวะอากาศชั้นบน ช่วยในการตัดสิน ใจในการปฏิบัติการฝนหลวง กรณีศึกษา : ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาไหมป่าอีรี่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก