สืบค้นงานวิจัย
การเพาะพันธ์ุตะพาบหับ Lissemys scutata เพื่อการอนุรักษ์และคืนสู่ธรรมชาติ
วชิระ กิติมศักดิ์ - กรมประมง
ชื่อเรื่อง: การเพาะพันธ์ุตะพาบหับ Lissemys scutata เพื่อการอนุรักษ์และคืนสู่ธรรมชาติ
ชื่อเรื่อง (EN): Captive Breeding of the Burmese Flapshell Turtle Lissemys scutata for Conservation and Restoration
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: วชิระ กิติมศักดิ์
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Wachira Kitimasak
หน่วยงานสังกัดผู้แต่ง:
บทคัดย่อ: การศึกษาการเพาะพันธุ์ตะพาบหับ Lissemys scutata (Peters, 1868) เพื่อการอนุรักษ์และคืนสู่ธรรมชาติ ดำเนินการที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดกาญจนบุรี ระหว่างเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2547 ถึงเดือนกันยายน พ.ศ. 2552 ในการศึกษาความแตกต่างระหว่างเพศพบว่าความยาวเฉลี่ยของหางตะพาบหับเพศเมียเท่ากับ 4.48+4.48 มิลลิเมตร และเพศผู้เท่ากับ 12.48+3.46 มิลลิเมตร มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ (p<0.05) ซึ่งเป็นลักษณะที่สามารถใช้แยกเพศตะพาบหับได้ ตะพาบหับผสมพันธุ์ในเดือนเมษายนถึงเดือนกรกฎาคม และวางไข่ช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ ไข่ตะพาบหับมีลักษณะค่อนข้างกลม เปลือกแข็งสีขาว ขนาดของเส้นผ่านศูนย์กลางแนวตั้ง เส้นผ่านศูนย์กลางแนวนอน และน้ำหนักของไข่ตะพาบหับเฉลี่ยเท่ากับ 25.30+1.64 มิลลิเมตร, 26.72+1.93 มิลลิเมตร และ 10.17+1.56 กรัม ตามลำดับ ส่วนความกว้างและความยาวเฉลี่ยของกระดองหลังลูกตะพาบหับแรกเกิดเท่ากับ 27.33+1.77 มิลลิเมตร และ 31.38+3.19 มิลลิเมตร ตามลำดับ ขณะที่น้ำหนักของลูกตะพาบหับแรกเกิดเฉลี่ยเท่ากับ 7.84+1.16 กรัม โดยทุกลักษณะของไข่และลูกตะพาบหับแรกเกิดมีความสัมพันธ์ในรูปเชิงเส้นและทิศทางเดียวกันอย่างมีนัยสำคัญยิ่ง (p<0.01) ตะพาบหับวางไข่จำนวน 3-7 ฟองต่อรัง ใช้ระยะเวลาฟัก 204-302 วัน อัตราการฟัก 0-100 เปอร์เซ็นต์ อัตราการรอดตายของลูกตะพาบหับที่อายุ 7 วัน เท่ากับ 100 เปอร์เซ็นต์
บทคัดย่อ (EN): The study on captive breeding of the Burmese flapshell turtle Lissemys scutata (Peters, 1868) for conservation and restoration was conducted at Kanchanaburi Inland Fisheries Research and Development Center during August 2004 to September 2009. It was found that the tail length showed significantly difference between adult females (4.48+4.48 mm) and males (12.48+3.46 mm) (p<0.05) and it can be sexed externally for L. scutata. Mating behavior was found between April and July. Eggs were laid during October to February with spherical shape and brittle hardshell. The vertical diameter,horizontal diameter and weight of eggs were 25.30+1.64 mm, 26.72+1.93 mm and 10.17+1.56 g,respectively. The carapace width, carapace length and weight of hatchlings were 27.33+1.77 mm,31.38+3.19 mm and 7.84+1.16 g, respectively. All characteristics of eggs and hatchlings had linear relation (p<0.01). The Burmese flapshell turtle laid 3-7 eggs per clutch. The incubation periods were 204-302 days. The hatching rates were 0-100 percents, while the survival rate of 7-day old was 100 percent.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: กรมประมง
คำสำคัญ: การฟักไข่
คำสำคัญ (EN): captive breeding, incubation
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การเพาะพันธ์ุตะพาบหับ Lissemys scutata เพื่อการอนุรักษ์และคืนสู่ธรรมชาติ
กรมประมง
30 กันยายน 2552
กรมประมง
การพัฒนาการเพาะเลี้ยงม้าน้ำเพื่อการอนุรักษ์ การเพาะพันธุ์ตะพาบหับ Lissemys scutata (Peters, 1868) การศึกษา และอนุรักษ์บัวหลวงราชินี ชีววิทยาบางประการและการเพาะพันธุ์เต่าหับ ชุมชนกับแนวทางการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน ; กรณีศึกษาชุมชนบ้านในหมง ตำบลพรหมโลก อำเภอพรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช การหาแนวทางอนุรักษ์ชนิดพันธุ์ปูน้ำจืดวงศ์ Potamidae ชนิดหายากและการเพาะเลี้ยงนอกถิ่นกำเนิด การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อมะพลับทองเพื่อการอนุรักษ์ อนุกรมวิธาน การอนุรักษ์ ทรัพยากรพันธุ์พืชวงศ์ขิงในเขต พื้นที่โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช อพ. สธ. จ. กาญจนบุรีและพื้นที่ใกล้เคียง วิทยาต่อมไร้ท่อเชิงอนุรักษ์นกกระเรียนในนิเวศกรงเลี้ยง การประเมินพฤติกรรมของหมีควายที่ปล่อยคืนสู่ธรรมชาติเพื่อใช้เป็นตัวชีวัดความสำเร็จของโครงการปล่อยหมีควายคืนสู่ธรรมชาติ
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก