สืบค้นงานวิจัย
ประสิทธิผลการนวดไทยด้วยน้ำมันหอมระเหยในการกระตุ้นระบบภูมิต้านทานในผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักที่รับเคมีบำบัด
สันติสิทธิ์ เขียวเขิน - กองทุนภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
ชื่อเรื่อง: ประสิทธิผลการนวดไทยด้วยน้ำมันหอมระเหยในการกระตุ้นระบบภูมิต้านทานในผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักที่รับเคมีบำบัด
ชื่อเรื่อง (EN): Effectiveness of Aromatherapy with Light Thai Massage for Immune System Improvement in Colorectal Cancer Patients Who Receiving Chemotherapy
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: สันติสิทธิ์ เขียวเขิน
หน่วยงานสังกัดผู้แต่ง:
ชุดเอกสาร: ประสิทธิผลการนวดไทยด้วยน้ำมันหอมระเหยในการกระตุ้นระบบภูมิต้านทานในผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักที่รับเคมีบำบัด
บทคัดย่อ: ผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักมักจะได้รับการรักษาด้วยเคมีบาบัด ซึ่งเคมีบำบัดจะส่งผลให้จำนวนเม็ดเลือดขาวลดลงทำให้ผู้ป่วยเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคออื่น ๆ มีรายงานการวิจัยที่พบว่าการนวดด้วยน้ำมันหอมระเหยจะช่วยกระตุ้นระบบต้านทานโรคของร่างกายได้ โดยการนวดดังกล่าวส่งผลต่อการเพิ่มของเม็ดเลือดขาวชนิด Natural killer cell และ Lymphocytes แต่อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายงานผลการใช้การนวดไทยด้วยน้ำมันหอมระเหยมาใช้ในการกระตุ้นระบบภูมิต้านทานของร่างกายใน ผู้ป่วยมะเร็ง ดังนั้น การศึกษาครั้งนี้จึงถูกกำหนดขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพิสูจน์ว่าการนวดไทยด้วยน้ำมันหอมระเหยสามารถช่วยเพิ่มภูมิต้านทานของร่างกายในผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักได้หรือไม่ และใช้รูปแบบการศึกษาแบบ a randomized controlled trial โดยมีอาสาสมัครเข้าร่วมงานวิจัยจำนวนทั้งสิ้น 66 ราย แบ่งเป็นกลุ่มทดลอง 33 ราย กลุ่มควบคุม 33 ราย อาสาสมัครในกลุ่มทดลองจะได้รับการนวดไทยด้วยน้ำมันหอมระเหย 3 ครั้ง ใน 1 สัปดาห์ ส่วนกลุ่มควบคุมจะได้รับการช่วยเหลือตามมาตรฐานการรักษาอย่างเดียว อาสาสมัครทุกรายจะถูกเก็บตัวอย่างเลือดปริมาณ 2 ซีซี เพื่อตรวจหาจำนวนเม็ดเลือดขาวทั้งหมด, นิวโตรฟิวส์, ลิมโฟไซด์, ซีดี 4 และซีดี 8 ก่อนการนวดครั้งแรกและหลังการนวดครั้งสุดท้าย โดยตัวอย่างเลือดจะถูกส่งไปตรวจที่บริษัท พีซีที ลาบอราตอรี่ เซอร์วีส จากัด กรุงเทพมหานคร ค่าความน่าเชื่อถือของผลการตรวจเลือดนั้นใช้วิธีการตรวจจับการเปลี่ยนแปลงของความเข้มข้นของเลือดกับจำนวนเม็ดเลือดแดง โดยค่าที่ได้ก่อนและหลังทดลองต้องมีค่าใกล้เคียงกันจึงจะนาผลการตรวจอื่นๆ มาเปรียบเทียบกันได้ งานวิจัยครั้งนี้เริ่มเก็บรวบรวมข้อมูลตั้งแต่เดือน เมษายน 2554 ถึง เดือน กรกฎาคม 2555 หลังจากได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในมนุษย์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย ขอนแก่น และคณะกรรมการจริยธรรมในการวิจัยของโรงพยาบาลพิจิตรเรียบร้อยแล้ว สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ค่าเฉลี่ยเลขคณิต ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ร้อยละ และ ANCOVA สาหรับเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม ค่า 95%CI สาหรับประมาณค่าในกลุ่มประชากร และกาหนดค่าความเชื่อมั่นที่ P value < 0.05 การวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดใช้โปรแกรม SPSS V.17 ของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ผลการศึกษา พบว่า การนวดไทยด้วยน้ำมันหอมระเหยสามารถช่วยเพิ่มจำนวนลิมโฟไซด์ ในกลุ่มทดลองได้มากกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีความสำคัญทางสถิติ ที่ 0.04 ผลความแตกต่างนี้แสดงถึงการนวดแผนไทยด้วยน้ำมันหอมระเหยสามารถช่วย กระตุ้นการเพิ่มขึ้นของเม็ดเลือดขาวชนิดลิมโฟไซด์ ได้ 11% นอกจากนี้ผลการศึกษาพบว่าการนวดไทยด้วยน้ำมันหอมระเหยสามารถลดคะแนนความรุนแรงของอาการอ่อนล้า (MD -1.3, 95% CI -1.9 ถึง -0.8, P ≤ 0.001) รองลงมาอาการที่เป็นมากที่สุด (MD -1.3, 95% CI -1.8 ถึง -0.8, P ≤ 0.001) ตามด้วยอาการปวด (MD -1.2, 95% CI -1.8 ถึง -0.9, P ≤ 0.001) และลดคะแนนความเครียดลง (MD -0.4, 95% CI -1.2 ถึง -0.1, P ≤ 0.05) ในผู้ป่วยกลุ่มทดลองได้มากกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ อย่างไรก็ตามประโยชน์ของการนวดไทยด้วยน้ำมันหอมระเหยต่อการกระตุ้นภูมิต้านทานของร่างกายในผู้ป่วยมะเร็งนั้นควรได้รับการศึกษายืนยันด้วยการศึกษาในกลุ่มตัวอย่างที่มากขึ้น สำหรับอาการต่างๆ ของผู้ป่วยมะเร็งนั้น สามารถยืนยันได้ว่าการนวดไทยด้วยน้ำมันหอมระเหยสามารถช่วยลดความรุนแรงของอาการเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี
บทคัดย่อ (EN): Patients with colorectal cancer are usually treated with chemotherapy, which reduces the number of blood cells, especially white blood cells, and consequently increases the risk of infections. Some research studies have reported that aromatherapy massage affects the immune system and improves immune function by, for example, increasing the numbers of natural killer cells and peripheral blood lymphocytes. However, there has been no report of any study which provided good evidence as to whether aromatherapy with Thai massage could improve the immune system in patients with cancer. This study was therefore conducted to test the effectiveness of aromatherapy with Thai massage for improving the immune system in colorectal cancer patients who were receiving chemotherapy. The objective of this study was to determine whether the use of aromatherapy with light Thai massage could result in improvement of the immune system in patients with colorectal cancer undergoing chemotherapy. A single centre, single-blinded, randomized controlled trial was used to evaluate the effectiveness of aromatherapy with light Thai massage in 66 colorectal cancer patients at Phichit hospital, Thailand, Block randomization with blocks of four was used to allocate 33 patients to either a treatment or control group. All subjects inthe treatment group received the same standardized massage of the head, neck, face, back, shoulders, arms, hands, lower legs and feet with coconut oil containing 0.05 ml of ginger oil for 45 min by the same skilled therapist three times in one week. For the controls, only standard supportive care was used. For measurement of the main outcome variables, 2 cc. samples of blood were collected, and counts of WBCs, lymphocytes, and CD4 and CD8 cells were performed by PCT Laboratory Services Ltd., Bangkok, Thailand. The validity of the cell counts was confirmed by hematocrits performed before and after transport to the Bangkok laboratory and by testing for hemodilution using red blood cell counts before and after the massage treatment.The data collection period ran from April 2011 to June 2012. Mean differences between treatment and control groups were tested using ANCOVA with baseline values as the covariate. A P-value < 0.05 was considered significant. All statistical analyses were performed on an 'intention-to-treat basis' using Khon Kaen University SPSS software Model 17, and the study was conducted after obtaining approval from the Ethics Committee on Human Rights Related to Research Involving Human Subject at the Faculty of Medicine, Khon Kaen University, and the Ethics Committee of Phichit Hospital, Thailand. The results indicated that the baseline characteristics of subjects in each group, including gender, age, marital status, stage of disease, BMI, sleeping patterns, exercise habits, previous alternative care, types of chemotherapy and cycle of chemotherapy were comparable. The main finding was that after adjusting for baseline values the mean lymphocyte count at post-assessment was significantly higher (P=0.04) in the treatment group than in the controls. The size of this difference suggested that aromatherapy with Thai massage could boost lymphocyte numbers by 11%. The secondary outcomes were that aromatherapy with light Thai massage had significant positive impacts on the severity symptom scores for fatigue (MD:-1.3, 95% CI: -1.9 to -0.8, P<0.001), the presenting symptom (MD: -L3, 95% CI: -1.8 to -0.8, P<0.001), pain, (MD: -1.2, 95% CI: -1.8 to -0.9, P < 0.001), and stress (MD: -0.4, 95% CI: -1.2 to -0.1, P0.05). The conclusion was thap aromatherapy with light Thai massage could be beneficial for the immune systems of cancer patients by increasing in the number of lymphocytes and helped to reduce the severity of common symptoms in patients who are undergoing chemotherapy. However, there is a need to validate the findings in a larger trial in which different doses or differences in intensive and frequency of massage are investigated.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เลขที่อ้างอิง: ไม่ระบุ
เอกสารแนบ: http://ttdkl.dtam.moph.go.th/Module7/frmc_home_research_show.aspx?r_id=NDc3
เผยแพร่โดย: กองทุนภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
คำสำคัญ: นวดไทย
คำสำคัญ (EN): Effectiveness
หมวดหมู่:
หมวดหมู่ AGRIS:
เจ้าของลิขสิทธิ์: กองทุนภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ประสิทธิผลการนวดไทยด้วยน้ำมันหอมระเหยในการกระตุ้นระบบภูมิต้านทานในผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักที่รับเคมีบำบัด
กองทุนภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
2565
สูตรตำรับผลิตภัณฑ์น้ำมันหอมระเหย ประสิทธิผลของการนวดแผนไทยในการรักษาภาวะสะบักจม การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลการนวดไทยกับการใช้ ยาไดโคลฟีแนค (Diclofenac) ในการลดอาการปวดบ่า การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลของการนวดไทยแบบราชสำนักกับยาทาไดโคลฟีแนกในการรักษาไหล่ติด การศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลของการนวดไทยแบบราชสำนักกับ Diclofenac ในผู้ป่วยปวดเข่าจากโรคข้อเข่าเสื่อม ผลของการนวดไทยแบบราชสำนัก การบริหารกายด้วยท่าฤาษีดัดตน และการนวดไทยแบบราชสำนักร่วมกับการบริหารกายด้วยท่าฤาษีดัดตน ต่ออาการข้อเข่าเสื่อม ผลของการนวดไทยที่มีต่อความเครียดทางด้านจิตใจบ่งชี้โดยความแปรปรวนของอัตราการเต้นของหัวใจและระดับการทำงานของเรนินในเลือดในผู้ที่มีสุขภาพดี การผลิตน้ำยาทำความสะอาดมือจากน้ำมันหอมระเหยที่สกัดจากพืชสมุนไพรไทย ศึกษาการสกัดน้ำมันหอมระเหยจากสมุนไพร เครื่องกลั่นน้ำมันหอมระเหยแบบเทอร์โมไซฟอนสำหรับการผลิตน้ำมันหอมระเหยระดับอุตสาหกรรม
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก