สืบค้นงานวิจัย
Aspergerus niger, Rhizopus oryzae, Colletotrichum sp., Pertatoliopsis sp. และ Selerotium sp.
เสาวรี อุดมพันธ์ - มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์
ชื่อเรื่อง: Aspergerus niger, Rhizopus oryzae, Colletotrichum sp., Pertatoliopsis sp. และ Selerotium sp.
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: เสาวรี อุดมพันธ์
บทคัดย่อ: การศึกษาสภาวะที่เหมาะสมในการสกัดโคโตซานจากเชื้อรา Aspergerus niger, Rhizopus oryzae, Colletotrichum sp., Pertatoliopsis sp. และ Selerotium sp. ด้วยวิธีการใช้ โซเดียมไฮดรอกไซด์ความเข้มข้น 2% และวิธีการใช้โซเดียมไฮดรอกไซด์ความเข้มข้น 2 M กับกรดไฮโดรคลอริกความเข้มข้น 2 M หลังจากนั้นศึกษาโครงสร้าง และวิเคราะห์คุณสมบัติ
จากการทดลองพบว่าสภาวะที่เหมาะสมในการสกัดไคโตซานจากเชื้อรา Aspergerus niger และ Pertatoliopsis sp. คือใช้สารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์ความเข้มข้น 1 M กับสารละลายกรดอะซิติกเข้มข้น 2% โดยใช้เปอร์เซนต์อะซิติเลชั่นของไคโตซานเท่ากับ 86 และ 77% ตามลำดับ และสภาวะที่เหมาะสมในการสกัดไคโตซานจากเชื้อรา Rhizopus oryzae, Colletotrichum sp. และ Selerotium sp. คือการใช้สารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์ความเข้มข้น 2 M กับสารละลายกรดไฮโดรคลอริก ความเข้มข้น 2 M โดยได้เปอร์เซนต์ดีอะซิลิเตชั่นของไคโตซานเท่กับ 55,86 และ 90% ตามลำดับ เปอร์เซนต์ไคโตซานมีมากที่สุดในเชื้อรา Aspergerus niger เท่ากับ 13.50% และ Pertatoliopsis sp.มีค่าต่ำสุดเท่ากับ 2 % เมื่อเปรียบเทียบไคโตซานที่สกัดได้จากเชื้อราทั้ง 5 ชนิด กับไคโตรซานมาตรฐาน ปรากฎว่ามีหมู่ฟังก์ชันที่ไกล้เคียงกับไคโตซานมาตรฐานโดยมีหมู่ที่สำคัญคือ หมู่ N-H ที่มีความยาวคลื่นประมาณ 1413-1568 CM และหมู่ C=0 ที่ความยาวคลื่นประมาณ 1548 - 1647 CM
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=36&RecId=27&obj_id=
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์
คำสำคัญ: รา
คำสำคัญ (EN): 541.2254
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ฯ
รายละเอียด: การศึกษาสภาวะที่เหมาะสมในการสกัดโคโตซานจากเชื้อรา Aspergerus niger, Rhizopus oryzae, Colletotrichum sp., Pertatoliopsis sp. และ Selerotium sp. ด้วยวิธีการใช้ โซเดียมไฮดรอกไซด์ความเข้มข้น 2% และวิธีการใช้โซเดียมไฮดรอกไซด์ความเข้มข้น 2 M กับกรดไฮโดรคลอริกความเข้มข้น 2 M หลังจากนั้นศึกษาโครงสร้าง และวิเคราะห์คุณสมบัติ จากการทดลองพบว่าสภาวะที่เหมาะสมในการสกัดไคโตซานจากเชื้อรา Aspergerus niger และ Pertatoliopsis sp. คือใช้สารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์ความเข้มข้น 1 M กับสารละลายกรดอะซิติกเข้มข้น 2% โดยใช้เปอร์เซนต์อะซิติเลชั่นของไคโตซานเท่ากับ 86 และ 77% ตามลำดับ และสภาวะที่เหมาะสมในการสกัดไคโตซานจากเชื้อรา Rhizopus oryzae, Colletotrichum sp. และ Selerotium sp. คือการใช้สารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์ความเข้มข้น 2 M กับสารละลายกรดไฮโดรคลอริก ความเข้มข้น 2 M โดยได้เปอร์เซนต์ดีอะซิลิเตชั่นของไคโตซานเท่กับ 55,86 และ 90% ตามลำดับ เปอร์เซนต์ไคโตซานมีมากที่สุดในเชื้อรา Aspergerus niger เท่ากับ 13.50% และ Pertatoliopsis sp.มีค่าต่ำสุดเท่ากับ 2 % เมื่อเปรียบเทียบไคโตซานที่สกัดได้จากเชื้อราทั้ง 5 ชนิด กับไคโตรซานมาตรฐาน ปรากฎว่ามีหมู่ฟังก์ชันที่ไกล้เคียงกับไคโตซานมาตรฐานโดยมีหมู่ที่สำคัญคือ หมู่ N-H ที่มีความยาวคลื่นประมาณ 1413-1568 CM และหมู่ C=0 ที่ความยาวคลื่นประมาณ 1548 - 1647 CM
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง

เสาวรี อุดมพันธ์. "Aspergerus niger, Rhizopus oryzae, Colletotrichum sp., Pertatoliopsis sp. และ Selerotium sp.". มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์. 2548

เสาวรี อุดมพันธ์. "Aspergerus niger, Rhizopus oryzae, Colletotrichum sp., Pertatoliopsis sp. และ Selerotium sp.". มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์. 2548. Print.



TARR Wordcloud:
Aspergerus niger, Rhizopus oryzae, Colletotrichum sp., Pertatoliopsis sp. และ Selerotium sp.
เสาวรี อุดมพันธ์
มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์
25 กรกฎาคม 2548
รายงานการวิจัย ประสิทธิภาพของเชื้อราTrichoderma harzianum ในการควบคุมเชื้อรา Pythium SP สาเหตุโรคเน่าระดับดินของผักกาดเขียวกวางตุ้ง การสกัดสีจาก Neurospora sp งานวิจัยเรื่อง การศึกษาผลของน้ำพริกแกงที่มีต่อเชื่อ Staphylococus aureus, Shigella sp., Salmonella sp., Escherichia coli และ Aspergillus flavus การปรับปรุงสายพันธุ์ Aspergillus sp. BR 1 เพื่อผลิตกรดโคจิก รายงานวิจัยเรื่องอาหารสังเคราะห์ที่เหมาะสมต่อการเจริญของเนื้อเยื่อ Kaempferia SP. ผลของแหล่งไนโตรเจนและฟอสฟอรัสต่อการเจริญและการผลิต แอสตาแซนทินของ Haematococcus sp. พิษของปรอทและทองแดงที่มีต่อแพลงก์ตอนพืชทะเล Dunaliella salina, Tetraselmis sp. และ Chaetoceros calcitrans การแยกแบคทีเรียในดินที่สามารถสร้างสารปฏิชีวนะในการยับยั้ง Staphylococcus aureus และ Fusarium sp. การควบคุมไรกินเชื้อรา Tyrophagus sp. โดยใช้น้ำมันหอมระเหยจากพืช รายงานการวิจัยความต้องการธาตุอาหารของอนูเบียส (Anubias sp.) ในระบบการปลูกพืชไร้ดิน แบบ DFT
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก
พัฒนาระบบโดยศูนย์ความรู้เฉพาะด้านวิศวกรรมความรู้และวิศวกรรมภาษาDeveloped by Center of Excellence for Unified Knowledge and Language Engineering
สนับสนุนโดยสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)Supported by the Agricultural Research Development Agency (Public Organization)
แบบสำรวจความพึงพอใจQuestionair