สืบค้นงานวิจัย
โครงการรักษาและปรับปรุงฐานทรัพยากรและความสมดุลของระบบนิเวศของบัวหลวงในประเทศไทย Resource Conservation and Improvement and Ecological Homeostasis of Sacred Lotus (Nelumbo nucifera Gaertn.) in Thailand
นิรันดร์ จันทวงศ์ - มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ชื่อเรื่อง: โครงการรักษาและปรับปรุงฐานทรัพยากรและความสมดุลของระบบนิเวศของบัวหลวงในประเทศไทย Resource Conservation and Improvement and Ecological Homeostasis of Sacred Lotus (Nelumbo nucifera Gaertn.) in Thailand
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: นิรันดร์ จันทวงศ์
บทคัดย่อ: พันธุ์บัวเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่มีผลต่อความคุ้มทุนและกำไรในการทำนาบัวหลวง (Nelumbo nucifera Gaertn) เพื่อหาพันธุ์บัวหลวงที่เหมาะสมต่อการปลูกบัวเชิงการค้า จึงได้ทำการสำรวจพันธุ์ที่ปลูกในนาของเกษตรกรในภาคตะวันออก เฉียงเหนือตอนบน รวมทั้งเทคนิคการดูแลรักษาระหว่างการปลูกและเก็บเกี่ยวผลผลิต พร้อมทั้งรวบรวมพันธุ์ที่ปลูกในนาของเกษตรกรและที่ขึ้นตามธรรมชาติในบริเวณใกล้เคียงมาปลูกทดสอบในบ่อปลูกและคัดเลือกพันธุ์ ที่มีศักยภาพที่จะปลูกเพื่อตัดดอกขายหรือปลูกเพื่อเก็บฝักหรือเมล็ดปลูกทดสอบในแปลงนาบัว ผลการดำเนิน งานสามารถรวบรวมพันธุ์บัวหลวงดอกขาว 4 ตัวอย่าง บัวหลวงดอกแดง 10 ตัวอย่าง สัตตบุษย์ และสัตตบงกช อย่างละ 1 ตัวอย่าง จากพื้นที่ในจังหวัดสกลนคร นครพนม หนองคาย อุดรธานี และได้ปลูกทดสอบในบ่อปลูก เพื่อคัดเลือกพันธุ์ที่เหมาะต่อการปลูกในแปลงนา ไพรเมอร์จำเพาะกับยีน 27 ยีน ได้ถูกพัฒนาขึ้นโดยอาศัยลำดับเบสของยีนจากบัวและพืชอื่นที่มีอยู่ในฐานข้อมูล โดยมี 12 คู่ไพรเมอร์ ที่สามารถทำปฏิกิริยา PCR ได้ดี และใช้สร้างลายพิมพ์ดีเอ็นเอบัว 69 ตัวอย่างที่รวบรวมจากในประเทศและต่างประเทศโดยเทคนิค DFLP และ SSCP ไพรเมอร์จำเพาะกับยีนทั้ง 12 ยีนได้แก่ storage protein, ITS of rRNA, fruitfull protein, Chalcone synthase, Waxy gene, AGAMOUS-like protein (AG) ,Acc oxidase, Alternative oxidase 1a (AOX), MADS-box transcription factor AP3 (AP3), Glutathione peroxidase (GP), Cu/Zn superoxide dismutase (SOD) และ cationic peroxidase พบเพียง 2 ยีนที่ให้ความแตกต่างระหว่างตัวอย่าง หรือเป็น polymorphic markers คือเครื่องหมายโมเลกุลจำเพาะยีน fruitfull protein และ AG ด้วยขนาดประมาณ 1,200 และ 1,100 คู่เบสตามลำดับ โดยด้วยเทคนิค SSCP ของเครื่องหมายโมเลกุลจำเพาะกับยีน fruitfull protein ให้จำนวนแอลลีลทั้งหมด 4 แอลลีล มีความถี่แต่ละแอลลีลคือ 0.543, 0.058, 0.109 และ 0.290 มีค่า Polymorphic Information Content (PIC) = 0.605 เป็น Heterozygote 28 ตัวอย่าง และ Homozygote 41 ตัวอย่าง ส่วนเครื่องหมายโมเลกุลจำเพาะกับยีน AG ด้วยเทคนิค SSCP พบจำนวนแอลลีลทั้งหมด 2 แอลลีล มีความถี่แต่ละแอลลีลคือ 0.645 และ 0.355 มีค่า PIC = 0.458 เป็น Heterozygote 17 ตัวอย่าง และ Homozygote 52 ตัวอย่าง ทั้งเครื่องหมายโมเลกุลจำเพาะกับยีน fruitfull protein และ AG สามารถใช้ยืนยันความเป็นลูกผสมได้ใน 29 ตัวอย่างจากตัวอย่างลูกจากการผสมทั้งหมด 31 ตัวอย่างจาก 24 คู่ผสม ผลผลิตพีซีอาร์ของบัวพันธุ์ไทย ราชินี ถูกนำไปหาลำดับเบสเพื่อยืนยันความเป็นเครื่องหมายจำเพาะกับยีน การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ทางพันธุกรรมระหว่างตัวอย่างบัวทั้ง 69 ตัวอย่างที่ศึกษาโดยใช้ลายพิมพ์ดีเอ็นเอจาก polymorphic markers พบว่าสามารถแบ่งตัวอย่างทั้งหมดได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ 5 กลุ่มย่อย โดยมีแนวโน้มว่าจะสามารถแบ่งตัวอย่างจากในประเทศและต่างประเทศได้ Co-dominant markers ที่พัฒนานี้สามารถใช้ประโยชน์ประกอบการยืนยันความเป็นลูกผสมและโครงการปรับปรุงพันธุ์บัวต่อไปในอนาคตการเก็บตัวอย่างบัวหลวง วิเคราะห์คุณภาพน้ำ และปริมาณโลหะหนักที่สะสมในดิน ไหล และ ใบบัวหลวงที่เจริญเติบโตในพื้นที่ชุ่มน้ำตามธรรมชาติจากภาคเหนือ ภาคกลาง และ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย พบว่า บัวส่วนใหญ่เป็นบัวหลวงสีแดง และสีชมพู โดยพบบัวหลวงสีขาวบ้าง คุณภาพน้ำในจุดเก็บตัวอย่างมีค่าเป็นกรดเล็กน้อยถึงเป็นด่างปานกลาง มีค่า pH 5.9 - 8.9, DO 0.07 - 5.58 มิลลิกรัมต่อลิตร, EC 111.0 - 2034.0 ?S, ความเค็ม 0.0 - 0.9 ส่วนในพันส่วน, ฟอสเฟต 0.0 – 6.37 มิลลิกรัมต่อลิตร และ TKN 0.51 – 1.85 มิลลิกรัมต่อลิตร จากการวิเคราะห์ ปริมาณโลหะหนัก พบว่า ตะกั่ว ปรอท และ อะเซนิค สะสมมากในดิน โดยมีการเคลื่อนย้ายสู่พืชน้อย ในขณะที่ทองแดง สังกะสี แคดเมียม และนิเกิล ส่วนใหญ่จะสะสมอยู่ในไหลบัว โดยมีการเคลื่อนย้ายสู่ใบบ้าง ซีลิเนียมเป็นธาตุที่มีความสามารถเคลื่อนย้ายจาก ดิน สู่ไหล และ ใบบัวได้ดี จึงพบสะสมที่ใบมาก จะเห็นได้ว่าบัวหลวงสามารถเจริญเติบโตได้ดีในน้ำเสีย โดยไม่พบการเป็นพิษเนื่องจากการสะสมของโลหะหนักที่มีมากในดิน ดังนั้น จึงเป็นไปได้ที่จะนำบัวหลวงมาใช้ปลูกเป็นพืชบำบัด บัวหลวงขาว และบัวหลวงแดงถูกนำมาใช้ในการบำบัดน้ำทิ้งจากฟาร์มไก่ และ น้ำทิ้งโรงนม และมีน้ำทิ้งในบ่อที่ไม่ปลูกบัวเป็นชุดควบคุม เมื่อพิจารณาค่าไนโตรเจนทั้งหมด ฟอสฟอรัสทั้งหมด บีโอดี และซีโอดี ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญทำให้น้ำเสีย พบว่า ในสัปดาห์ที่ 16 บัวหลวงขาวมีประสิทธิภาพสูงสุดในการลดค่าไนโตรเจนทั้งหมด (98.53 เปอร์เซ็นต์) ฟอสฟอรัสทั้งหมด (91.91 เปอร์เซ็นต์) บีโอดี (97.29 เปอร์เซ็นต์) และ ซีโอดี (69.57 เปอร์เซ็นต์) ในน้ำทิ้งจากฟาร์มไก่ และยังพบว่า บัวหลวงขาวสามารถลดค่า ไนโตรเจนทั้งหมด (93.69 เปอร์เซ็นต์) ฟอสฟอรัสทั้งหมด (76.91 เปอร์เซ็นต์) บีโอดี (96.15 เปอร์เซ็นต์) และ ซีโอดี (81.11เปอร์เซ็นต์) ในน้ำทิ้งจากโรงนม ได้ดีกว่าบัวหลวงแดงและบ่อควบคุม ส่วนการเจริญเติบโตของบัวหลวงทั้ง 2 แหล่งพันธุ์ พบว่า ในสัปดาห์ที่ 16 บัวหลวงขาวมีการเจริญเติบโตได้สูงสุด โดยน้ำหนักแห้งของใบ ราก+ไหล และชีวมวล มีค่า 631, 490 และ 1121 กรัมต่อกระถาง ตามลำดับ ในน้ำทิ้งจากฟาร์มไก่ และ มีค่า 686, 487.5 และ 1,173.5 กรัมต่อกระถาง ตามลำดับ ในน้ำทิ้งจากโรงนม ในขณะเดียวกัน บัวหลวงขาวมีการสะสมไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม ในส่วนใบสูง นอกจากนี้ พบว่า บัวหลวงขาวมีการดูดซับและสะสมโลหะหนัก (แคดเมียม สังกะสี อะซินิค ปรอท และ ตะกั่ว) ไว้ในส่วนราก+ไหล สูงกว่าส่วนใบ ซึ่งสรุปได้ว่าบัวหลวงขาวมีความเหมาะสมในการนำมาใช้บำบัดน้ำเสียจากฟาร์มไก่และโรงนม และมีประสิทธิภาพในการบำบัดได้ดีที่สุดในสัปดาห์ที่ 16 การศึกษาเพื่อแนวทางการลดการใช้ปุ๋ยเคมี และเพื่อเป็นการเตรียมการผลิตในแนวทางการอนุรักษ์ สู่การผลิตบัวหลวงที่ยั่งยืน ผลการวิเคราะห์สมบัติทางเคมีของดินในบ่อที่เตรียมการทดลองมีค่าความเป็นกรด-ด่าง เฉลี่ยเท่ากับ 5.02 ค่าการนำไฟฟ้าของดินมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 177 s/mc ปริมาณอินทรียวัตถุที่วิเคราะห์ได้เฉลี่ยเท่ากับ 2.71 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณอินทรีย์คาบอนที่วิเคราะห์ได้ 1.573 ปริมาณไนโตรเจนทั้งหมดที่วิเคราะห์ได้ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 0.136 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ที่วิเคราะห์ได้มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 0.363 ppm ปริมาณโพแทสเซี่ยมที่แลกเปลี่ยนได้จากการวิเคราะห์มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 287.3 ppm ผลการวิเคราะห์สมบัติทางเคมีของดินหลังจากปลูกบัวในบ่อมีค่าความเป็นกรด-ด่าง เฉลี่ยเท่ากับ 6.06 ค่าการนำไฟฟ้าของดินค่าเฉลี่ยเท่ากับ 0.0003 dSm-1 ปริมาณ อินทรียวัตถุที่วิเคราะห์ได้เฉลี่ยเท่ากับ 0.64 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณไนโตรเจนทั้งหมดที่วัดได้ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 0.045 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ที่วิเคราะห์ได้มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 0.99 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณโพแทสเซี่ยมที่แลกเปลี่ยนได้จากการวิเคราะห์มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 48.95 mg kg-1 ผลการวิเคราะห์คุณสมบัติของน้ำหลังจากปลูกบัวในบ่อที่เตรียมการทดลองมีค่าความเป็นกรด-ด่าง เฉลี่ยเท่ากับ 8.08 ปริมาณแอมโมเนียเท่ากับ 0 ผลการวิเคราะห์สมบัติทางเคมีของปุ๋ยอินทรีย์ที่ใช้ในการทดลอง มีค่าความเป็นกรด-ด่าง เฉลี่ยเท่ากับ 7.16 ค่าการนำไฟฟ้าของปุ๋ยอินทรีย์มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 1.91 dS/m ปริมาณ อินทรียวัตถุที่วิเคราะห์ได้เฉลี่ยเท่ากับ 16.54 เปอร์เซ็นต์ ความชื้นวิเคราะห์ได้เฉลี่ยเท่ากับ 12.70 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณไนโตรเจนทั้งหมดที่วัดได้ มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 0.69 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ที่วิเคราะห์ได้มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 0.66 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณโพแทสเซี่ยมที่แลกเปลี่ยนได้จากการวิเคราะห์มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 1.2 เปอร์เซ็นต์ ในส่วนการเจริญเติบโต และสัณฐานวิทยาของดอก พบว่า จำนวนระยะเวลาตั้งแต่ดอกออกพ้นน้ำ ถึงวันที่ดอกตูม ดอกแย้ม ดอกบาน และดอกโรย เฉลี่ย 9.50, 11.66 , 13.43 และ15.51 ตามลำดับ ประเทศไทยมีการนำเข้าสายพันธุ์บัวหลวงจีน (Nelumbo nucifera Gaertn.) เพื่อพัฒนาสายพันธุ์บัวหลวงในประเทศไทย แต่เนื่องจากบัวหลวงจีนที่นำมาปลูกในประเทศไทยไม่สามารถออก ดอกได้ จึงได้ศึกษาถึงอิทธิพลของช่วงต่อการออกดอกและการเจริญเติบโตของบัวหลวงจีนจำนวน 6 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ Taikong 1, Taikong 2, Taikong 3, Taikong 4, Taikong 5 และ Hubei โดยให้แสงจากหลอดฟลูออเรสเซนต์เพิ่มจากแสงธรรมชาติเป็น 13, 15 และ 17 ชั่วโมงต่อวัน เริ่มชักนำด้วยแสงเมื่อต้นอายุ 30 วัน หลังปลูก จนสิ้นสุดการทดลองที่อายุ 320 วัน วางแผนการทดลองแบบ Split plot in CRD จำนวน 4 ซ้ำ ๆ ละ 1 ต้น ผลการทดลองพบว่าการเพิ่มช่วงแสงสามารถชักนำการออกดอกของบัวหลวงจีน ในขณะที่ต้นไม่ได้รับการชักนำด้วยช่วงแสงไม่สามารถออกดอก การเพิ่มช่วงแสงให้ยาวนานเป็น 17 ชั่วโมงต่อวัน มีผลต่อการเพิ่มขึ้นของจำนวนใบตั้ง ขนาดดอก และจำนวนดอก การผสมข้ามระหว่างบัวหลวงไทยจำนวน 4 แหล่งพันธุ์ กับสายพันธุ์บัวหลวงจีนจำนวน 5 สายพันธุ์ แบบพบกันหมดระหว่างกลุ่ม (factorial cross) แล้วปลูกทดสอบลูกผสมในสภาพธรรมชาติวิเคราะห์สมรรถนะการผสม ด้วยวิธี North Carolina Design II พบว่าลูกผสมระหว่างแหล่งพันธุ์ศรีเอี่ยมกับพันธุ์ Taikong 3 เป็นคู่ผสมที่ดี ให้ค่าสมรรถนะการผสมเฉพาะ (SCA) และค่าความดีเด่น (heterosis) ของลูกผสมในลักษณะของน้ำหนักเมล็ดแห้งต่อต้นสูง และมีลักษณะทางการเกษตรที่ดีแหล่งพันธุ์ศรีเอี่ยม (สายพันธุ์แม่) และสายพันธุ์จีน Taikong 3 (สายพันธุ์พ่อ) ให้ค่าสมรรถนะการผสมทั่วไป (GCA) ของน้ำหนักเมล็ดแห้งต่อต้นสูงสุดในแต่ละกลุ่มพันธุ์ไทยและสายพันธุ์ จีน ตามลำดับ และมีลักษณะส่วนใหญ่ที่ดีดังนั้น แหล่งพันธุ์ศรีเอี่ยมและสายพันธุ์ Taikong 3 สามารถใช้เป็นสายพันธุ์ทดสอบสายพันธุ์จีนและสายพันธุ์ไทยตามลำดับ และมีศักยภาพในการใช้เป็นสายพันธุ์พ่อแม่ในการผลิตลูกผสมดังกล่าวเพื่อผลิตบัวเมล็ดเป็นการค้าในประเทศไทย จากการประเมินค่าสหสัมพันธ์ระหว่างลักษณะต่างๆ พบว่าจำนวนเมล็ดต่อฝักกับน้ำหนักเมล็ดสดต่อต้นมีความสัมพันธ์กันมากที่สุด และสามารถใช้ลักษณะจำนวนเมล็ดต่อฝักเป็นดัชนีในการคัดเลือกสายพันธุ์บัวที่ให้ผลผลิตเมล็ดสูง
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
คำสำคัญ: พันธุ์บัว
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
โครงการรักษาและปรับปรุงฐานทรัพยากรและความสมดุลของระบบนิเวศของบัวหลวงในประเทศไทย Resource Conservation and Improvement and Ecological Homeostasis of Sacred Lotus (Nelumbo nucifera Gaertn.) in Thailand
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
2553
โครงการวิจัยการอนุรักษ์และปรับปรุงพันธุ์บัวหลวง โครงการรักษาและปรับปรุงฐานทรัพยากรและความสมดุลของระบบนิเวศของบัวหลวงในประเทศไทย   Resource Conservation and Improvement and Ecological Homeostasis of Sacred Lotus (Nelumbo nucifera Gaertn.) การแก้ปัญหาสาหร่ายชั้นต่ำ การจัดการวัชพืชน้ำ การศึกษาสังคมพืชเพื่อการรักษาสมดุลของระบบนิเวศในอ่างเก็บน้ำลำคันฉู จ.ชัยภูมิ อย่างยั่งยิน โครงการศึกษาวิจัยการนำพันธุ์ไม้ประจำถิ่นมาใช้เพื่อการฟื้นฟูสังคมพืชและรักษาสมดุลระบบนิเวศอย่างยั่งยืนของแหล่งน้ำชลประทาน โครงการเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก โครงการวิจัยเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจครัวเรือนและระบบนิเวศในพื้นที่ขยายผลโครงการหลวงขุนตื่นน้อย การประเมินสถานภาพทรัพยากรประมง เศรษฐกิจสังคมและการมีส่วนร่วมของชุมชน เพื่อการบริหารจัดการทรัพยากรประมงแบบมีส่วนร่วมในพื้นที่แม่น้ำเจ้าพระยา (เปลี่ยนชื่อโครงการเป็น ชุดโครงการระบบนิเวศ ทรัพยากรประมง แล การศึกษา และอนุรักษ์บัวหลวงราชินี ความหลากหลายทางชีวภาพของด้วงมูลสัตว์ในระบบนิเวศ ในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มหาวิทยาลัยขอนแก่น พื้นที่เขื่อนจุฬาภรณ์ จังหวัดชัยภูมิ ลักษณะโครงสร้างแมลงศัตรูข้าวและศัตรูธรรมชาติในระบบนิเวศนาข้าว การศึกษาฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์ของสารสกัดจากบัวหลวง
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก