สืบค้นงานวิจัย
คืนสู่ธรรมชาติ การศึกษาในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศไทย
Nantawan Yatbantoong - มหาวิทยาลัยมหิดล
ชื่อเรื่อง: คืนสู่ธรรมชาติ การศึกษาในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศไทย
ชื่อเรื่อง (EN): (Hylobates pileatus)‬
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Nantawan Yatbantoong
บทคัดย่อ: การศึกษานี้เป็นการปล่อยชะนีมงกุฎที่ใกล้สูญพันธุ์กลับคืนสู่ป่าธรรมชาติ ซึ่งเป็นทางเลือกหนึ่ง ในการจัดการกับชะนีที่ถูกนำมาเป็นสัตว์เลี้ยงหรือถูกเลี้ยงอยู่ในกรงตามสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าต่างๆ โดย เป็นความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษาและหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการจัดการอนุรักษ์ ขั้นตอนต่างๆ ได้รับการพิจารณาโดยใช้ความรู้และหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่ดีที่สุดเท่าที่มีอยู่ร่วมกับการปฏิบัติจริง เท่าที่เป็นไปได้ โดยทำการศึกษาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2547- กรกฎาคม 2549 ชะนีมงกุฎที่ถูกเลี้ยงในสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่ากระบกคู่จำนวน 6 ตัว ถูกปล่อยสู่ป่าธรรมชาติ ณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาเขียว- เขาชมภู่ จังหวัดชลบุรี การปล่อยชะนีมีด้วยกัน 5 ครั้ง คือ 1) ปล่อยชะนีคู่ แรก บริเวณที่ 1 2) จับชะนีคู่แรกกลับและปล่อยอีกครั้ง บริเวณที่ 2 3) ปล่อยชะนีคู่ที่สอง บริเวณที่ 2 ซึ่งมี ชะนี 2 ตัวอยู่ในพื้นที่ (คู่ที่ 1) 4) ย้ายชะนีเพศผู้ตัวที่ 2 ไปบริเวณใกล้เคียง 5) ปล่อยชะนีคู่ที่สาม บริเวณที่ 2 โดยมีชะนีอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง 4 ตัว ใช้ระยะเวลาในการติดตามแต่ละตัวตั้งแต่ 9 ถึง 678 ชั่วโมง ชะนี ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการพัก รองลงมาคือการเดินทางและการหากิน รูปแบบของกิจกรรมที่แสดงออก สามารถจัดได้ 3 รูปแบบคือ 1) รูปแบบที่เพิ่มขึ้น 2) รูปแบบที่ลดลงและ 3) รูปแบบคงที่ ซึ่งมีความ แตกต่างไปในชะนีแต่ละคู่ ชะนีกินพืชอาหารอย่างน้อย 58 ชนิดส่วนใหญ่เป็นพืชกลุ่มไทร พฤติกรรมการ ผสมพันธุ์พบในชะนีคู่แรก 17 ครั้ง การประเมินความสำเร็จในการปล่อยชะนีครั้งนี้กระทำได้ยาก แต่ บทเรียนที่ได้จากการปล่อยชะนีครั้งนี้จะช่วยในการวางแผนที่จะปล่อยชะนีต่อไปในอนาคต ประเด็นหลัก ที่ได้จากการศึกษาครั้งนี้ คือ การลดอาหารที่รวดเร็วและหยุดให้อาหารเร็วเกินไป อาจเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำ ให้ชะนีหายตัวไปจากพื้นที่ในเวลาอันสั้น ส่วนความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษากับหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์อาจมีจุดจำกัดที่จะทำให้การปล่อยชะนีสู่ธรรมชาติประสบความสำเร็จ ดังนั้นจึง ควรลดการให้อาหารอย่างค่อยเป็นค่อยไปและชุมชนท้องถิ่นในพื้นที่ควรเข้ามามีส่วนร่วมในโครงการ ปล่อยชะนีด้วย
บทคัดย่อ (EN): and 3) constant. Trends in activities differed among different gibbon pairs. Gibbons were able to determine which wild plants to eat. At least 58 plant species were eaten, most of which were Ficus spp. Gibbons did not produce offspring during the short reintroduction time, although seventeen copulation attempts were found in Pair 1. The release trials showed partial success in that the gibbons were able to fend for themselves in the wild, but an extensive survey of the wildlife sanctuary is now required to locate surviving gibbons and make a complete assessment of reintroduction success. Lessons learned from this study will help to make future well-planned release programs. The main points that came out from this study are that sudden stopping of food supplements may cause rapid gibbon disappearance, and more partnerships with local communities and government, in addition to those between academic institutions and conservation management authorities, are required to improve release programs.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=126&RecId=3709&obj_id=3678
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยมหิดล
คำสำคัญ (EN): Pileated Gibbons
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยมหิดล
รายละเอียด: การศึกษานี้เป็นการปล่อยชะนีมงกุฎที่ใกล้สูญพันธุ์กลับคืนสู่ป่าธรรมชาติ ซึ่งเป็นทางเลือกหนึ่ง ในการจัดการกับชะนีที่ถูกนำมาเป็นสัตว์เลี้ยงหรือถูกเลี้ยงอยู่ในกรงตามสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าต่างๆ โดย เป็นความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษาและหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการจัดการอนุรักษ์ ขั้นตอนต่างๆ ได้รับการพิจารณาโดยใช้ความรู้และหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่ดีที่สุดเท่าที่มีอยู่ร่วมกับการปฏิบัติจริง เท่าที่เป็นไปได้ โดยทำการศึกษาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2547- กรกฎาคม 2549 ชะนีมงกุฎที่ถูกเลี้ยงในสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่ากระบกคู่จำนวน 6 ตัว ถูกปล่อยสู่ป่าธรรมชาติ ณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาเขียว- เขาชมภู่ จังหวัดชลบุรี การปล่อยชะนีมีด้วยกัน 5 ครั้ง คือ 1) ปล่อยชะนีคู่ แรก บริเวณที่ 1 2) จับชะนีคู่แรกกลับและปล่อยอีกครั้ง บริเวณที่ 2 3) ปล่อยชะนีคู่ที่สอง บริเวณที่ 2 ซึ่งมี ชะนี 2 ตัวอยู่ในพื้นที่ (คู่ที่ 1) 4) ย้ายชะนีเพศผู้ตัวที่ 2 ไปบริเวณใกล้เคียง 5) ปล่อยชะนีคู่ที่สาม บริเวณที่ 2 โดยมีชะนีอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง 4 ตัว ใช้ระยะเวลาในการติดตามแต่ละตัวตั้งแต่ 9 ถึง 678 ชั่วโมง ชะนี ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการพัก รองลงมาคือการเดินทางและการหากิน รูปแบบของกิจกรรมที่แสดงออก สามารถจัดได้ 3 รูปแบบคือ 1) รูปแบบที่เพิ่มขึ้น 2) รูปแบบที่ลดลงและ 3) รูปแบบคงที่ ซึ่งมีความ แตกต่างไปในชะนีแต่ละคู่ ชะนีกินพืชอาหารอย่างน้อย 58 ชนิดส่วนใหญ่เป็นพืชกลุ่มไทร พฤติกรรมการ ผสมพันธุ์พบในชะนีคู่แรก 17 ครั้ง การประเมินความสำเร็จในการปล่อยชะนีครั้งนี้กระทำได้ยาก แต่ บทเรียนที่ได้จากการปล่อยชะนีครั้งนี้จะช่วยในการวางแผนที่จะปล่อยชะนีต่อไปในอนาคต ประเด็นหลัก ที่ได้จากการศึกษาครั้งนี้ คือ การลดอาหารที่รวดเร็วและหยุดให้อาหารเร็วเกินไป อาจเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำ ให้ชะนีหายตัวไปจากพื้นที่ในเวลาอันสั้น ส่วนความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษากับหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์อาจมีจุดจำกัดที่จะทำให้การปล่อยชะนีสู่ธรรมชาติประสบความสำเร็จ ดังนั้นจึง ควรลดการให้อาหารอย่างค่อยเป็นค่อยไปและชุมชนท้องถิ่นในพื้นที่ควรเข้ามามีส่วนร่วมในโครงการ ปล่อยชะนีด้วย
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
คืนสู่ธรรมชาติ การศึกษาในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศไทย
Nantawan Yatbantoong
มหาวิทยาลัยมหิดล
2550
ในประเทศไทย ต้นทุนค่ารักษาพยาบาลที่เกี่ยวเนื่องจากการสูบบุหรี่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ผลของปัจจัยสิ่งแวดล้อมต่อการสะสมด้วยของแหล่งเชื้อเพลิงธรรมชาติในภาคเหนือของประเทศไทย พันธุศาสตร์เซลล์ของปลาวงศ์ปลากราย (Family Notoperidae) ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย โครเมี่ยนสปิเนลจากหินอัคนีอัลตราเมฟิกบางส่วน ในภาคเหนือและภาคตะวันออกของประเทศไทย ปลิงทะเลบริเวณชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกของประเทศไทย การตรวจสอบสายพันธุ์ปลูกระดับโมเลกุลของข้าวในภาคใต้ของประเทศไทย การผลิตแตงโมข้ามพรมแดนในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศลาว โครงสร้างชุมชนของปะการังแข็งบริเวณชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกของประเทศไทย ผลของปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมต่อการสะสมตัวของของแหล่งเชื้อเพลิงธรรมชาติในภาคใต้และอ่าวไทย
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก