สืบค้นงานวิจัย
การพัฒนารูปแบบการปลูกข้าวโพดเชิงอนุรักษ์บนพื้นที่ลาดชันแบบมีส่วนร่วมของชุมชน กรณีศึกษา- บ้านห้วยไผ่ ตำบลวังนกแอ่น อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก
ผศ.ดร.วันวิสาข์ ปั้นศักดิ์ - มหาวิทยาลัยนเรศวร
ชื่อเรื่อง: การพัฒนารูปแบบการปลูกข้าวโพดเชิงอนุรักษ์บนพื้นที่ลาดชันแบบมีส่วนร่วมของชุมชน กรณีศึกษา- บ้านห้วยไผ่ ตำบลวังนกแอ่น อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก
ชื่อเรื่อง (EN): Development of Conservative Hillside Maize Cropping by Community Participation- A Case Study- Ban Huai Phai, Wang Nok Aen Subdistrict, Wang Thong District, Phitsanulok Province
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: ผศ.ดร.วันวิสาข์ ปั้นศักดิ์
บทคัดย่อ: สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ สวก. ได้สนับสนุนทุนวิจัยโครงการ “การพัฒนารูปแบบการปลูกข้าวโพดเชิงอนุรักษ์บนพื้นที่ลาดชันแบบมีส่วนร่วมของชุมชน กรณีศึกษา: บ้านห้วยไผ่ ตำบลวังนกแอ่น อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก” แก่มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยมี ผศ.ดร.วันวิสาข์ ปั้นศักดิ์ เป็นหัวหน้าโครงการ มีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาแนวทาง/รูปแบบการปลูกข้าวโพดเชิงอนุรักษ์บนพื้นที่ลาดชันแบบมีส่วนร่วมของชุมชนที่สามารถผลิตข้าวโพดโดยไม่ทำให้ดินเสื่อมโทรม และเพื่อวิเคราะห์ต้นทุนและผลประโยชน์ในเชิงเศรษฐศาสตร์สิ่งแวดล้อมภายใต้การปลูกข้าวโพดเชิงอนุรักษ์บนพื้นที่ลาดชันแบบต่างๆ ที่เกษตรกรมีส่วนร่วมในการออกแบบ และสามารถเลือกรูปแบบการปลูกข้าวโพดเชิงอนุรักษ์บนพื้นที่ลาดชันที่เหมาะสมสำหรับการปลูกข้าวโพดบนพื้นที่ลาดชัน จากการศึกษาวิจัย โดยเลือกตัวแทนพื้นที่ศึกษา คือ หมู่ 8 บ้านห้วยไผ่ ตำบลวังนกแอ่น จังหวัดพิษณุโลก สภาพพื้นที่ศึกษามีปริมาณน้ำฝนรวมเฉลี่ย 1,200 มิลลิเมตร ทรัพยากรดินที่พบในพื้นที่ศึกษานี้ ได้แก่ ชุดดินท่ายาง โดยสถานการณ์สภาพทรัพยากรที่ดินที่เป็นปัญหาทางด้านเกษตรกรรมที่สำคัญคือ ดินตื้นและมีลูกรังปะปน จำนวนประชากรของบ้านห้วยไผ่ มีจำนวนทั้งหมด 93 ครัวเรือน จำนวนประชากรทั้งหมด 272 คน แยกเป็นประชากรชาย 127 คน และประชากรหญิง 145 คน ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพหลัก คือ ทำไร่ จำนวนทั้งสิ้น 84 ครัวเรือน แบ่งเป็นทำไร่ข้าวโพด 63 ครัวเรือน คิดเป็นพื้นที่ 2,000 ไร่ ซึ่งประชากรในหมู่บ้านห้วยไผ่มีรายได้เฉลี่ย 25,000 บาทต่อคนต่อปี สำหรับเทคโนโลยีการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในหมู่บ้านห้วยไผ่ พบว่าเกษตรกรนิยมใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวโพด CP 888 มากที่สุดคิดเป็นร้อยละ 25 รองลงมาได้แก่ NK 48 ดีเค 7979 และ Syngenta เอส 7328 คิดเป็นร้อยละ 20.8 ในการปลูกข้าวโพดพบว่าเกษตรกรมีการใส่ปุ๋ยเคมีจำนวน 2 ครั้งในหนึ่งรอบการผลิตข้าวโพด คิดเป็นร้อยละ 63 โดยการใส่ปุ๋ยครั้งที่หนึ่งเกษตรกรนิยมใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 คิดเป็นร้อยละ 59 ครั้งที่สองเกษตรกรใช้ปุ๋ยสูตร 16-20-0 ร้อยละ 71 แมลงศัตรูพืชที่พบในระหว่างการปลูกข้าวโพด ได้แก่ เพลี้ยแป้ง ร้อยละ 37 หนอนเจาะลำต้น ร้อยละ 32 และเพลี้ยไฟ ร้อยละ 5 วัชพืชที่พบมากที่สุด คือ หญ้าคอมมิวนิสต์ ร้อยละ 87 โดยเกษตรกรร้อยละ 100 นิยมใช้เมโทมิลในการควบคุมแมลงศัตรูพืช และเกษตรกรนิยมใช้ไกลโพเสตสารเพื่อควบคุมวัชพืช คิดเป็นร้อยละ 52 รองลงมาได้แก่ พาราควอตไดคลอไรด์ ร้อยละ 30 การผลิตข้าวโพดในปี 2558/59 พบว่าเกษตรกรมีต้นทุนการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เฉลี่ย 3,259 บาทต่อไร่ ราคาขายผลผลิตเฉลี่ย 6 บาทต่อกิโลกรัม ผลผลิตเฉลี่ย 1,001 กิโลกรัมต่อไร่ ทำให้มีรายได้เฉลี่ย 6,006 บาทต่อไร่ เกษตรกรมีกำไรสุทธิจากการผลิตข้าวโพด เฉลี่ย 2,747 บาทต่อไร่ ผลจากการประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ณ บ้านห้วยไผ่ เพื่อร่วมออกแบบรูปแบบการปลูกข้าวโพดเชิงอนุรักษ์สำหรับพื้นที่ลาดชัน พบว่าเกษตรกรให้ความสนใจการปลูกพืชหมุนเวียนมากที่สุดร้อยละ 90 พืชตระกูลถั่วที่เกษตรกรต้องการปลูกหลังเก็บเกี่ยวข้าวโพด คือ ถั่วเขียว รองลงมาเกษตรกรต้องการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เหลื่อมกับถั่วเขียว คิดเป็นร้อยละ 10 จากการทดสอบรูปแบบการปลูกข้าวโพดเชิงอนุรักษ์บนพื้นที่ลาดชัน 4 รูปแบบ ได้แก่ 1) การปลูกข้าวโพดเชิงเดี่ยว 2) การปลูกข้าวโพดเลื่อมกับถั่วเขียว (ปลูกถั่วเขียวก่อนเก็บเกี่ยวข้าวโพด 15 วัน) 3) การปลูกข้าวโพดเหลื่อมกับถั่วเขียว (ปลูกถั่วเขียวก่อนเก็บเกี่ยวข้าวโพด 30 วัน) และ 4) ปลูกข้าวโพดหมุนเวียนกับถั่วเขียว (หลังเก็บเกี่ยวข้าวโพดปลูกถั่วเขียว) ร่วมกับการใช้ปุ๋ยต่างกัน 2 ชนิด คือ ปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยเคมี พบว่าดินหลังทำการทดลองของทุกกรรมวิธีมีค่าความเป็นกรด-ด่างในดินเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับก่อนทำการทดลอง และพบว่ากรรมวิธีปลูกข้าวโพดหมุนเวียนกับถั่วเขียวร่วมกับปุ๋ยเคมีและปุ๋ยอินทรีย์มีปริมาณโพแทสเซียมต่ำกว่ากรรมวิธีอื่นๆ สำหรับความชื้นในดินของทุกกรรมวิธีที่ระดับความลึก 20 เซนติเมตร จะมีค่าเฉลี่ย (16.06 – 45.54 %Vol) สูงกว่าค่าความชื้นในดินที่ระดับ 10 เซนติเมตร (4.50 – 25.72 %Vol) การวิเคราะห์ความหลากหลายของจุลินทรีย์ดินพบว่ากรรมวิธีการปลูกข้าวโพดเหลื่อมกับถั่วเขียว ร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์มีแนวโน้มความหลากหลายของจุลินทรีย์ดินมากกว่ากรรมวิธีอื่น เนื่องจากมีการใช้สารประกอบคาร์บอนได้หลากหลายชนิด และพบว่าการใช้ปุ๋ยเคมีช่วยส่งเสริมการออกซิไดซ์สารคาร์โบไฮเดรตได้ดีขึ้น เรื่องของประสิทธิภาพการป้องกันการกร่อนดิน พบว่ากรรมวิธีการปลูกข้าวโพดเหลื่อมกับถั่วเขียว ร่วมกับปุ๋ยเคมี ทำให้การสูญเสียหน้าดิน น้ำไหลบ่า และการสูญเสียธาตุอาหารโดยการกร่อนดินน้อยที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับกรรมวิธีอื่น ในขณะที่ผลผลิตข้าวโพดของแต่ละกรรมวิธีที่ได้ไม่มีความแตกต่างกันทางสถิติ โดยมีผลผลิตเฉลี่ย 744.05 – 940.39 กิโลกรัมต่อไร่ การประเมินมูลค่าของต้นทุนและผลตอบแทน พบว่า การปลูกข้าวโพดเหลื่อมถั่วเขียว 30 วัน ร่วมกับการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ มีมูลค่าปัจจุบันของผลตอบแทนสุทธิ (NPV) สูงที่สุดเท่ากับ 18,951.52 บาทต่อไร่ (อัตราผลตอบแทนต่อต้นทุน, B/C เท่ากับ 1.34) รองลงมาได้แก่ วิธีการปลูกข้าวโพดเหลื่อมถั่วเขียว 30 วัน ร่วมกับการใช้ปุ๋ยเคมี มีมูลค่าปัจจุบันของผลตอบแทนสุทธิสูงกว่า 10,000 บาทต่อไร่ ซึ่งการปลูกข้าวโพดเชิงอนุรักษ์ในพื้นที่อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก ทำให้เกษตรกรเจ้าของแปลงที่ดินได้รับผลตอบแทนทางอ้อมจากการลดการสูญเสียหน้าดิน การเกิดน้ำไหลบ่าหน้าดิน และการลดการสูญเสียธาตุอาหารหลักในดิน โดยเฉพาะการปลูกข้าวโพดเหลื่อมกับถั่วเขียว 30 วัน ร่วมกับการใช้ปุ๋ยเคมี (T3-C) เป็นการปลูกข้าวโพดเชิงอนุรักษ์เพียงวิธีเดียวที่สามารถลดการสูญเสียเชิงสิ่งแวดล้อมได้ทุกตัวชี้วัด โดยสรุปกรรมวิธีการปลูกข้าวโพดเหลื่อมกับถั่วเขียว ร่วมกับปุ๋ยเคมีและปุ๋ยอินทรีย์เป็นการเพิ่มการปกคลุมหน้าดินทั้งในมิติเชิงพื้นที่และเชิงเวลา ซึ่งส่งผลต่อการลดการสูญเสียหน้าดิน ลดน้ำไหลบ่า การสูญเสียธาตุอาหารโดยการกร่อนดิน และช่วยทำให้สมบัติทางเคมี กายภาพและชีวภาพของดินดีขึ้น ประโยชน์ที่จะได้รับจากผลงานวิจัยนี้คือ ได้รูปแบบการปลูกข้าวโพดเชิงอนุรักษ์บนพื้นที่ลาดชันจากการมีส่วนร่วมของเกษตรกรในชุมชน ซึ่งสามารถลดการสูญเสียหน้าดิน และน้ำไหลบ่า ช่วยให้เกษตรกรลดต้นทุนในการผลิต
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: https://epms.arda.or.th/src/Research/OldSummaryExSummary.aspx?ID=7879
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยนเรศวร
คำสำคัญ: ส่วนร่วมของชุมชน
คำสำคัญ (EN): Community participation
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การพัฒนารูปแบบการปลูกข้าวโพดเชิงอนุรักษ์บนพื้นที่ลาดชันแบบมีส่วนร่วมของชุมชน กรณีศึกษา- บ้านห้วยไผ่ ตำบลวังนกแอ่น อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก
มหาวิทยาลัยนเรศวร
31 มีนาคม 2560
การพัฒนารูปแบบการปลูกข้าวโพดเชิงอนุรักษ์บนพื้นที่ลาดชันแบบมีส่วนร่วมของชุมชน กรณีศึกษา: บ้านห้วยไผ่ ตำบลวังนกแอ่น อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก การพัฒนารูปแบบการปลูกข้าวโพดเชิงอนุรักษ์บนพื้นที่ลาดชันแบบมีส่วนร่วมของชุมชน กรณีศึกษา: บ้านห้วยไผ่ ตำบลวังนกแอ่น อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก ปกป้องสายตาด้วยข้าวโพด การปรับปรุงพันธุ์ข้าวโพดเพื่อเพิ่มคุณภาพโปรตีน การปลูกลองกองร่วมกับยางพาราในพื้นที่ลาดชัน การปลูกมังคุดร่วมกับยางพาราในพื้นที่ลาดชัน การปลูกไม้ผลบางชนิดในสวนยางอ่อนบนพื้นที่ลาดชัน การปลูกสะตอเป็นพืชร่วมยางในพื้นที่ลาดชัน การพัฒนารูปแบบการปรับปรุงดินภายใต้การมี ส่วนร่วมของชุมชนบ้านหนองแหวน และชุมชนบ้านระหาร ตำบลห้วยสะแก อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ การปลูกผักเหลียงเป็นพืชร่วมยางในพื้นที่ลาดชัน
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก