สืบค้นงานวิจัย
การสร้างระบบนิเวศน์ของนาข้าวให้มีความสมดุลอย่างยั่งยืน เพื่อลดการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล
พัชนี ชัยวัฒน์ - กรมการข้าว
ชื่อเรื่อง: การสร้างระบบนิเวศน์ของนาข้าวให้มีความสมดุลอย่างยั่งยืน เพื่อลดการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล
ชื่อเรื่อง (EN): Ecological engineering of rice agro-ecosystem for reduction of brown planthoper outbreak
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: พัชนี ชัยวัฒน์
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Patchanee Chaiyawat
บทคัดย่อ: การสร้างระบบนิเวศน์ของนาข้าวให้มีความสมดุลอย่างยั่งยืน (Ecological Engineering) เพื่อลดการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลนั้น เป็นการสร้างระบบนิเวศน์ของนาข้าวให้มีความหลากหลายทางชีวภาพ (biodiversity) ให้มีความสมดุลของสิ่งมีชีวิตต่างๆ รวมถึงความสมดุลของชินและจำนวนประชากรแมลงศัตรูข้าวและศัตรูธรรมชาติ กลไกความสมดุลทางธรรมชาตินี้จะควบคุมไม่ให้สิ่งมีชีวิตชนิดใดชนิดหนึ่งหรือแมลงศัตรูข้าวเพิ่มจำนวนมากขึ้นถึงขั้นระบาด งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มชนิดและจำนวนประชากรของศัตรูธรรมชาติของแมลงศัตรูข้าวโดยเฉพาะเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ด้วยการสร้างแหล่งอาหารและที่อยู่อาศัยของศัตรูธรรมชาติในนิเวศน์นาข้าวให้มาขึ้น โดยทำการปลูกพืชผักมีดอกบนคันนา จำนวน 150 ไร่ พืชผักมีดอกที่ปลูก ได้แก่ ฟักทอง บวบเหลี่ยม ฝัก แฝง กระเจี๊ยบเขียว งาขาว และดอกดาวเรือง เก็บข้อมูลชนิดและจำนวนแมลงศัตรูข้าวและศัตรูธรรมชาติในแปลงบริหารนิเวศน์นาข้าว และในแปลงเปรียบเทียบตามวิธีการที่เกษตรกรปฏิบัติ ติดตั้งกับดักแสงไฟใกล้แปลงนา กับดักถังเหลือง พร้อมทั้งตรวจนับจำนวนแมลงด้วยตาเปล่าและใช้สวิงโฉบ เก็บข้อมูลทุก 7 วัน ตั้งแต่ข้าวอายุ 15 – 78 วัน พบว่า จำนวนรวมของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลตั้งแต่ข้าวอายุ 15 – 78 วัน ในแปลงบริหารนิเวศน์ไม่แตกต่างจากแปลงเปรียบเทียบเมื่อตรวจนับด้วยตาเปล่า และเปอร์เซ็นต์ใบข้าวที่ถูกทำลายจากหนอนห่อใบและเพลี้ยไฟ ในแปลงบริหารนิเวศน์มีจำนวนต่ำกว่า และพบว่าจากกับดักถังเหลือง เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลในแปลงบริหารนิเวศน์มีน้อยกว่า แต่จากผลของสวิงโฉบเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลในแปลงบริหารนิเวศน์ มีมากกว่า 3.4 เท่า มีผีเสื้อหนอนห่อใบมากกว่า 2.3 เท่า แต่มีจำนวนตัวห้ำ แมงมุมขายาว และแมลงปอมากกว่า ผลจากกับดักแสงไฟ พบว่า ช่วงเวลาที่มีจำนวนเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลสูงก็มีจำนวนตัวห้ำมวนเขียวดูดไข่สูงมากเช่นเดียวกัน ผลผลิตข้าวของแปลงบริหารนิเวศน์795.8 กก./ไร่ มีต้นทุนการผลิต 2,442 บาท/ไร่ และมีกำไรสุทธิ 3,859 บาท/ไร่ ส่วนแปลง เปรียบเทียบมีผลผลิต 938 กก./ไร่ มีต้นทุนการผลิต 3,114 บาท/ไร่ และมีกำไรสุทธิ 4,538 บาท/ไร่ แต่แปลงบริหารนิเวศน์เกษตรกรมีรายได้จากการขายพืชผัก 576 บาท/ไร่ แปลงบริหารนิเวศน์มีการใช้สารบิวเวอร์เรียและใช้สารเคมีฆ่าแมลงน้อยกว่า 1.8 ครั้ง และมีการใช้ปุ๋ยเคมีน้อยกว่า 26 กก./ไร่ แต่ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ 5.2 กก./ไร่ โดยสรุปแปลงบริหารนิเวศน์นาข้าวลดการใช้สารเคมีฆ่าแมลงได้และมีรายได้ไม่แตกต่างจากแปลงนาเปรียบเทียบที่เกษตรกรปฏิบัติ ซึ่งการสร้างระบบนิเวศน์ของนาข้าวให้สมดุลอย่างยั่งยืนนี้ เป็นวิธีการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและถ้าเกษตรกรปฏิบัติอย่างต่อเนื่องจะสามารถลดการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลได้
บทคัดย่อ (EN): Ecological engineering of rice agro-ecosystem was to sustain the balance of biotic organisms both flora and fauna in the whole rice agro-ecosystem. Biodiversity of flora and fauna in both numbers of species and populations could regulate outbreaks of any kind of organisms. For example outbreaks of brown planthoppers (Nilaparvata lugens) which was the most important insect pest in many rice growing countries. The purpose of research was to diversify and increase numbers of populations of natural enemies of rice insect pests by planting vegetables and flowers on rice bunds, in order to provide and increase food, nectars, pollens and shelters for natural enemies. And ultimately, the circle of preys (insect pests) and natural enemies (predators and parasitoids) would sustainable regulate each other in the system. Rice bunds of 20 ha of rice fields were planted with pumpkin, angled gourd, vegetable marrow, wax gourd, okra and sesame. 5 ha of rice fields were monitored for populations of rice insect pests and natural enemies by methods of direct insect count, yellow pan trap and weeping net. Each method was taken at 7 days interval during rice plants were 15-78 days old. A light trap was installed near rice fields. Data were compared between 5 ecological engineering fields (E-E) and 5 farmer practiced fields (control). Results indicated that numbers of BPH in the E-E and control were not significant different. Damage of rice plant by leaf folders and thrips in the E-E fields were lower. In the contrary, number of BPH in E-E fields was 3.4 folds higher by sweeping net, and leaf folder was 2.3 folds higher. Similarly, numbers of predators, spiders and dragonflies were higher in E-E fields. The highest peak of BPH population and the mirid bug (Cyrtorhinus lividipennis) which was the efficient predator also showed on the same period of early September. For chemical insecticide application, E-E fields applied 1.8 times lesser and the net income was not significant different to the control. This shown the ecological rice fields could sustain and balance the system if the ecological services in rice fields could be continue enhanced.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: https://agkb.lib.ku.ac.th/rd/search_detail/result/329631
เผยแพร่โดย: กรมการข้าว
คำสำคัญ: ความสมดุลของสิ่งมีชีวิต
คำสำคัญ (EN): Rice
เจ้าของลิขสิทธิ์: กรมการข้าว
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง

พัชนี ชัยวัฒน์. "การสร้างระบบนิเวศน์ของนาข้าวให้มีความสมดุลอย่างยั่งยืน เพื่อลดการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลEcological engineering of rice agro-ecosystem for reduction of brown planthoper outbreak". กรมการข้าว. ม.ป.ป.

พัชนี ชัยวัฒน์. "การสร้างระบบนิเวศน์ของนาข้าวให้มีความสมดุลอย่างยั่งยืน เพื่อลดการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลEcological engineering of rice agro-ecosystem for reduction of brown planthoper outbreak". กรมการข้าว. ม.ป.ป.. Print.



TARR Wordcloud:
การสร้างระบบนิเวศน์ของนาข้าวให้มีความสมดุลอย่างยั่งยืน เพื่อลดการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล
พัชนี ชัยวัฒน์
กรมการข้าว
ไม่ระบุวันที่เผยแพร่
กรมการข้าว
มุมมองเรื่องชีวชนิดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล อาร์โทรปอตในระบบนิเวศน์นาข้าวพันธุ์อ่อนแอและพันธุ์ต้านทานต่อเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล แป้งข้าวก่ำดัดแปรและผลิตภัณฑ์จากข้าวก่ำเพื่อประโยชน์ด้านสุขภาพ เชิงป้องกัน การบริหารระบบนิเวศน์ในนาข้าวเพื่อลดความสูญเสียจากการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลอย่างยั่งยืน ข้าวให้พลังงานผสานคุณค่าอาหาร การใช้กับดักถังน้ำสีเหลืองคาดการณ์การกระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลในนาข้าว อิทธิพลของขนาดเพลี้ยอ่อนถั่ว (Aphis cracciuora) ที่มีผลต่อขนาด ระยะเวลาการพัฒนา อัตราส่วนทางเพศของตัวเบียน และจำนวนตัวเบียน (Aphidius colemani) ที่เกิดจากเพลี้ยอ่อน แตนเบียนไข่เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลในนาข้าวภาคกลาง การจัดการพันธุ์ข้าวเพื่อลดการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล กลยุทธ์การหลีกเลี่ยงการระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลในเขตจังหวัดชัยนาท
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก
พัฒนาระบบโดยศูนย์ความรู้เฉพาะด้านวิศวกรรมความรู้และวิศวกรรมภาษาDeveloped by Center of Excellence for Unified Knowledge and Language Engineering
สนับสนุนโดยสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)Supported by the Agricultural Research Development Agency (Public Organization)
แบบสำรวจความพึงพอใจQuestionair