สืบค้นงานวิจัย
การศึกษาการใช้ปุ๋ยเคมี และปุ๋ยอินทรีย์ ตามค่าวิเคราะห์ดินสำหรับถั่ว
ปวีณา เกษทัน - กรมพัฒนาที่ดิน
ชื่อเรื่อง: การศึกษาการใช้ปุ๋ยเคมี และปุ๋ยอินทรีย์ ตามค่าวิเคราะห์ดินสำหรับถั่ว
ชื่อเรื่อง (EN): Study on fertilizer use through soil tests for bean
บทคัดย่อ: การศึกษาการใช้ปุ๋ยเคมี และปุ๋ยอินทรีย์ ตามค่าวิเคราะห์ดินสำหรับถั่ว บนเนื้อดินทราย ร่วนทราย ร่วนเหนียว เหนียวดำและเหนียวแดง ในช่วงปี 2556-2558 ภายใต้วัตถุประสงค์เพื่อศึกษาเปรียบเทียบการจัดการปุ๋ยสำหรับถั่วเหลือง ถั่วเขียว และถั่วลิสง โดยใช้คำแนะนำตามแบบจำลองการปลูกพืช เทียบกับโปรแกรมคำแนะนำการจัดการดินและปุ๋ยรายแปลงในมิติต่างๆ นั้น สามารถสรุปได้ดังนี้ ในปี พ.ศ. 2556 ได้ศึกษาอัตราคำแนะนำปริมาณปุ๋ยไนโตรเจนสำหรับถั่วในพื้นที่ที่มีเนื้อดินแตกต่างกัน 5 เนื้อดิน ประกอบด้วย เนื้อดินทราย ร่วนทราย ร่วนเหนียว เหนียวดำและเหนียวแดง ประกอบด้วย 7 วิธีการศึกษา โดยใช้ปริมาณของปุ๋ยไนโตรเจนที่พืชต้องการเป็นตัวกำหนดอัตราการใช้ปุ๋ย ได้ทำการวางแผนการทดลองแบบ RCB มี 3 ซ้ำ 7 ตำรับการ 10 พื้นที่ ซึ่งตำรับการทดลองที่ใช้การศึกษาครั้งนี้ประกอบด้วย ตำรับที่ 1 = N ตามคำแนะนำปุ๋ยรายแปลง ตำรับที่ 2 = 0.5 N ตามคำแนะนำปุ๋ยรายแปลง ตำรับที่ 3 = 1.5 N ตามคำแนะนำปุ๋ยรายแปลง ตำรับที่ 4 = ปุ๋ยเคมี+ ปริมาณปุ๋ยอินทรีย์ 0.5 N ของปริมาณ N ที่พืชต้องการ = 0.5 N ตามคำแนะนำปุ๋ยรายแปลง ตำรับที่ 5 = ปุ๋ยเคมี+ ปริมาณปุ๋ยอินทรีย์ 0.5 N ของปริมาณ N ที่พืชต้องการ = N ตามคำแนะนำปุ๋ยรายแปลง ตำรับที่ 6 = ปุ๋ยเคมี+ ปริมาณปุ๋ยอินทรีย์ 0.5 N ของปริมาณ N ที่พืชต้องการ = 1.5 N ตามคำแนะนำปุ๋ยรายแปลง และตำรับที่ 7 = แปลงควบคุม ซึ่งสามารถสรุปได้การจัดการปุ๋ยไนโตรเจนที่เหมาะสมสำหรับพืชตระกูลถั่วในเนื้อดินทั้ง 5 ชนิดคือ การใช้ปุ๋ยเคมีร่วมกับปริมาณปุ๋ยอินทรีย์ที่มีปริมาณไนโตรเจนเท่ากับครึ่งหนึ่งของไนโตรเจนที่พืชต้องการ (0.5 N ของปริมาณ N ที่พืชต้องการ) โดยที่ปริมาณไนโตรเจนเมื่อรวมกันแล้วแล้วได้เท่ากับ ปริมาณไนโตรเจนตามคำแนะนำปุ๋ยรายแปลง นอกจากนี้ยังพบว่าระดับปริมาณการใช้ปุ๋ยไนโตรเจนในพื้นที่ไม่มีผลต่อผลผลิตเฉลี่ยของพืชตระกูลถั่วจนทำผลผลิตเฉลี่ยที่ได้ต่อพื้นที่มีค่าแตกต่างกันทางสถิติเมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่ที่ไม่มีการใช้ปุ๋ยไนโตรเจน ในปี พ.ศ. 2557-2558 ได้ศึกษาอัตราคำแนะนำปริมาณใช้ปุ๋ยฟอสฟอรัสร่วมกับปุ๋ยโพแทสเซียมที่เหมาะสมในพื้นที่ในที่มีเนื้อดินแตกต่างกัน 5 เนื้อดิน ประกอบด้วย เนื้อดินทราย ร่วนทราย ร่วนเหนียว เหนียวดำและเหนียวแดง โดยวางแผนการทดลองแบบ factorial ประกอบด้วย ตำรับที่ 1 ปริมาณ P ระดับที่ 1+ปริมาณ K ระดับที่ 1 ตำรับที่ 2 ปริมาณ P ระดับที่ 1 + ปริมาณ K ระดับที่ 2 ตำรับที่ 3 ปริมาณ P ระดับที่ 1 + ปริมาณ K ระดับที่ 3 ตำรับที่ 4 ปริมาณ P ระดับที่ 2 + ปริมาณ K ระดับที่ 1 ตำรับที่ 5 ปริมาณ P ระดับที่ 2 + ปริมาณ K ระดับที่ 2 ตำรับที่ 6 ปริมาณ P ระดับที่ 2 + ปริมาณ K ระดับที่ 3 ตำรับที่ 7 ปริมาณ P ระดับที่ 3 + ปริมาณ K ระดับที่ 1 ตำรับที่ 8 ปริมาณ P ระดับที่ 3+ ปริมาณ K ระดับที่ 2 ตำรับที่ 9 ปริมาณ P ระดับที่ 3 + ปริมาณ K ระดับที่ 3 จากการศึกษา สามารถสรุปได้ว่าปริมาณของปุ๋ยฟอสฟอรัส ปริมาณของปุ๋ยโพแทสเซียมและอิทธิพลร่วมของปุ๋ยทั้ง 2 ชนิด ต่อผลผลิตเฉลี่ยของพืชที่ได้มีค่าไม่แต่ต่างทางสถิติที่ระดับความเชื่อมั่น 95 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นระดับของปริมาณปุ๋ยที่แนะนำร่วมกับผลของค่าวิเคราะห์ตัวอย่าง คือ การใช้ปริมาณปุ๋ยฟอสฟอรัสในระดับที่ 1 ร่วมกับการใช้ปุ๋ยโพแทสเซียมในระดับที่ 1 สำหรับผลิตถั่วเหลืองและถั่วลิสง อิทธิพลร่วมของปุ๋ยทั้ง 2 ชนิด คือ พื้นที่เนื้อดินทราย ควรใช้ปริมาณปุ๋ยฟอสฟอรัสในระดับที่ 2 ร่วมกับการใช้ปุ๋ยโพแทสเซียมในระดับที่ 2 สำหรับผลิตถั่วลิสงในพื้นที่ พื้นที่เนื้อดินร่วนทราย ควรใช้ปริมาณปุ๋ยฟอสฟอรัสในระดับที่ 3 ร่วมกับการใช้ปุ๋ยโพแทสเซียมในระดับที่ 1 สำหรับผลิตถั่วเหลืองในพื้นที่ พื้นที่เนื้อดินร่วนเหนียว ถั่วเหลือง การใช้ปริมาณปุ๋ยฟอสฟอรัสในระดับที่ 1 ร่วมกับการใช้ปุ๋ยโพแทสเซียมในระดับที่ 2 ส่วนถั่วลิสง ควรใช้ปริมาณปุ๋ยฟอสฟอรัสในระดับที่ 2 ร่วมกับการใช้ปุ๋ยโพแทสเซียมในระดับที่ 3 พื้นที่เนื้อดินเหนียวดำ การผลิตถั่วเหลืองควรใช้ปริมาณปุ๋ยฟอสฟอรัสในระดับที่ 3 ร่วมกับการใช้ปุ๋ยโพแทสเซียมในระดับที่ 3 และในพื้นที่เนื้อดินเหนียวแดง ควรใช้ปริมาณปุ๋ยฟอสฟอรัสในระดับที่ 3 ร่วมกับการใช้ปุ๋ยโพแทสเซียมในระดับที่ 1 ในการผลิตถั่วเหลืองในพื้นที่
บทคัดย่อ (EN): The study on fertilizer use through soil tests for bean on sands, sandy loam, clay loam dark clay and red clay soil was conducted during 2013 to 2015. The objective of this study was to compare fertilizer management for soy bean, mug bean and peanut by proper plants simulation and On farm Thai LDD program. In 2013, proper rate of Nitrogen (N) fertilizer for legume on difference soil textures 5 types: sands, sandy loam, clay loam, dark clay and red clay soil were studied. 10 Plot experiments were designed in randomize complete blocks. There were 7 treatments to compare amount of N requirement, as follows; Tr.1 = N used proper rate On Farm, Tr.2 = 0.5 N used proper rate On Farm, Tr.3 = 1.5 N used proper rate On Farm, Tr.4 = applying compost fertilizer and chemical fertilizer that total N was 0.5 N used proper rate On Farm, Tr.5 = applying compost fertilizer and chemical fertilizer that total N was N used proper rate On Farm, Tr.6 = applying compost fertilizer and chemical fertilizer that total N was 1.5 N used proper rate On Farm and Tr.7 = control. It concluded that the suitable fertilizer N management for legumes on 5 difference soil texture was the chemical fertilizer used together with organic fertilizer that has amount of N as half of N that plant requirement (0.5 N of amount N that plant requirement) based on total N as amount proper rate from On Farm. Other that, the levels of N used in sites not has results to average yield of legume per area get to significant when compared whit control. In 2014-2015, proper rate for Phosphorus (P) with Potassium (K) on difference textures 5 type: sands, sandy loam, clay loam, dark clay and red clay soil were studies. The experiment plots were factorial in randomized complete block with 2 factors (P 3 levels and K 3 levels). It can be concluded that average legume yield of P, K and interaction between P and K were not significantly difference at statistical confidence level 95%. So that the proper rates of fertilizers were P fertilizer level 1 together with K fertilizer level 1. For production of soy bean and peanut were had interaction between P and K. The results showed that sandy soil should be used P fertilizer level 2 together with K fertilizer level 2 for peanut productivity. On sandy loam soil should be used P fertilizer level 3 together with K fertilizer level 1 for soy bean productivity. On clay loam soil should be used P fertilizer level 1 together with K fertilizer level 2 for soy bean productivity and used P fertilizer level 2 together with K fertilizer level 3 for peanut productivity. On dark clay soil, the soy bean production system should be used P fertilizer level 3 together with K fertilizer level 3. In red clay soil area should be used P fertilizer level 3 together with K fertilizer level 1 for soy bean productivity.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: กรมพัฒนาที่ดิน
คำสำคัญ: ปุ๋ยเคมี
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การศึกษาการใช้ปุ๋ยเคมี และปุ๋ยอินทรีย์ ตามค่าวิเคราะห์ดินสำหรับถั่ว
กรมพัฒนาที่ดิน
30 กันยายน 2558
การศึกษาวิธีการผลิตปุ๋ยอินทรีย์จากเศษวัสดุอินทรีย์ที่ได้จากการตัดแต่งกิ่งไม้ ปัจจัยที่มีผลในการตัดสินใจของเกษตรกรที่มีต่อการใช้ปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยเคมี อิทธิพลของปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยเคมีที่มีต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตของแก่นตะวัน อิทธิพลของการใช้ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์ที่มีต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตของแก่นตะวัน (Helianthus tuberosus L.) การศึกษาการใช้ปุ๋ยเคมี และปุ๋ยอินทรีย์ ตามค่าวิเคราะห์ดินสำหรับสับปะรด ผลของปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงร่วมกับปุ๋ยเคมีต่ผลผลิตและคุณภาพขององุ่นพันธุ์ Perlette (ชื่อเดิม : ผลของปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงและปุ๋ยอินทรีย์น้ำต่อผลผลิตและคุณภาพขององุ่นพันธุ์ Perlette) การใช้ปุ๋ยเคมีตามค่าวิเคราะห์ดินเพื่อลดต้นทุนการผลิตข้าว การศึกษาการใช้ปุ๋ยเคมี และปุ๋ยอินทรีย์ ตามค่าวิเคราะห์ดินสำหรับอ้อย การศึกษาการใช้ปุ๋ยเคมี และปุ๋ยอินทรีย์ ตามค่าวิเคราะห์ดินสำหรับข้าว การจัดการธุรกิจปุ๋ยอินทรีย์ของกลุ่มเกษตรกรบ้านโคกตาอิ่ม ตำบลถนนหัก อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก