สืบค้นงานวิจัย
ผลและผลตกค้างของการใส่ปุ๋ยเคมีและปุ๋ยอินทรีย์ระยะยาวที่มีต่อผลผลิตข้าวขาวดอกมะลิ105
กรรณิกา นากลาง - กรมการข้าว
ชื่อเรื่อง: ผลและผลตกค้างของการใส่ปุ๋ยเคมีและปุ๋ยอินทรีย์ระยะยาวที่มีต่อผลผลิตข้าวขาวดอกมะลิ105
ชื่อเรื่อง (EN): Residual effects of long-term application of chemical and organic fertilizer on grain yield of KDML105 rice variety
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: กรรณิกา นากลาง
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Kunnika Naklang
บทคัดย่อ: ประเสริฐ และคณะ (2542) ได้รายงานผลการวิเคราะห์สมบัติทางเคมีบางประการ ผลจากการใช้ปุ๋ยหมักฟางข้าวติดต่อกัน 12 ปี (2519-2530) ในดินที่มี เนื้อดินเป็นดินร่วน (Sand 47%, Silt 40%, Clay 13 %) ทำให้อินทรียวัตถุในดินเพิ่มขึ้นอย่างเด่นชัด โดยที่แปลงไม่ใส่ปุ๋ยมีอินทรียวัตถุ 0.91% แปลงที่ใส่ปุ๋ยหมักฟางข้าว 2,000 กก.ต่อไร่ อินทรียวัตถุในดินเพิ่มขึ้นเป็น 1.51% แปลงที่ใส่ปุ๋ยเคมีอย่างเดียวมีอินทรียวัตถุเพียง 1.04 % แปลงที่ใส่ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยหมักฟางข้าว 2,000 กก./ไร่ มีอินทรียวัตถุสูงสุดคือ 1.58 % การใส่ปุ๋ยหมักฟางข้าวช่วยเพิ่มส่วนของต้นข้าว หลังจากเก็บเกี่ยวข้าวแล้วตอซังได้ปล่อยทิ้งไว้ในนาเป็นผลส่งเสริมให้อินทรียวัตถุในดินเพิ่มขึ้นโดยเฉพวะอย่างยิ่งแปลงที่ใส่ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์ (ตารางที่ 2) การใส่ปุ๋ยหมักฟางข้าวทำให้ Total P ในดินเพิ่มขึ้น กรรมวิธีที่ไม่ใส่ปุ๋ยเคมีมี Total P 96 ppm ใส่ปุ๋ยหมักฟางข้าว 2,000 กก.ต่อไร่ มี Total P 208 ppm แปลงที่ใส่ปุ๋ยเคมีอย่างเดียวมี Total P 156 ppm และแปลงที่ใส่ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยหมักฟางข้าว Total P ได้ 224 ppm ทำนองเดียวกันแปลงที่ไม่ใส่ปุ๋ย แปลงที่ใส่ปุ๋ยหมักฟางข้าว 2,000 กก.ต่อไร่ แปลงที่ใส่ปุ๋ยเคมีอย่างเดียวและแปลงที่ใส่ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยหมักฟางข้าว 2,000 กก.ต่อไร่ วัดฟอสฟอรัสที่สกัดได้ 2, 14, 7 และ 23 ppm ตามลำดับ นอกจากนี้แล้วการใส่ปุ๋ยหมักฟางข้าวยังทำให้ S-SO และ CEC เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนอีกด้วย การใส่ปุ๋ยอินทรีย์ติดต่อกันไม่ทำให้ pH เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด ความแข็งของดิน หมายถึง ความแน่นหนาของการเกาะตัวกันของอนุภาคดินเป็นก้อนดิน หรือเป็นหน้าตัดดิน ความสามารถของดินในการอุ้มน้ำและถ่ายเทอากาศ มีความผูกพันกับจำนวนและขนาดของช่องในดิน ซึ่งได้รับผลโดยตรงจากขนาดของอนุภาค ส่วนความแข็งของดินผูกพันกับความแข็งแรงของการเชื่อมยึดระหว่างอนุภาคเดี่ยวโดยอิทธิพลของสารเชื่อม ความแข็งของดิน ได้รับผลโดยอ้อมจากขนาดของอนุภาค ถ้าอนุภาคดินมีขนาดเล็ก พื้นที่ผิวสัมผัสระหว่างอนุภาคจะมีค่าเพิ่มขึ้น หากพื้นที่สัมผัสระหว่างอนุภาคมีค่าเพิ่มขึ้น การเชื่อมยึดอนุภาค โดยสารเชื่อมจะมีความแข็งแรงเพิ่มขึ้น การวัดความแข็งของดิน (Soil hardness) โดยใช้ Penetrometer พบว่าการใส่ปุ๋ยหมักฟางข้าวติดต่อกัน 10 ปี ความแข็งของดินมีแนวโน้มลดลงค่อนข้างชัดเจน แปลงที่ไม่ใส่ปุ๋ยความแข็งของดินวัดได้ 29.27 mm แปลงที่ใส่ปุ๋ยหมักฟางข้าว 2,000 กก.ต่อไร่ ความแข็งลดลงเป็น 24.92 mm ส่วนแปลงที่ใส่ปุ๋ยเคมีอย่างเดียววัดได้ 25.50 mm แปลงที่ใส่ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยหมักฟางข้าว 2,000 กก.ต่อไร่ วัดความแข็งของดินได้ต่ำสุด 21.80 mm (ตารางที่ 3) ผลของการใส่ปุ๋ยเคมีและอินทรีย์ระยะนาน 22 ปี (ปี 2519-2540) ที่มีต่อ ผลผลิตของข้าว กข7 ผลของการใส่ปุ๋ยหมักอย่างเดียวตั้งแต่อัตรา 500-2,000 กก.ต่อไร่ ไม่ทำให้ผลผลิตข้าวพันธุ์ กข 7 แตกต่างจากไม่ใส่ปุ๋ยในระยะ 2 ปีแรกที่ทำการทดลอง ปีต่อ ๆ มาผลผลิตข้าวการใส่ปุ๋ยหมักทำให้ผลผลิตข้าวเพิ่มขึ้น (ภาพที่ 1) การใส่ปุ๋ยหมักอัตราสูงขึ้นทำให้ใด้ผลผลิตข้าวเพิ่มขึ้น ข้าวพันธุ์ กข7 ที่ปลูกแบบปักดำไม่ใส่ปุ๋ยได้ผลผลิตเฉลี่ย (จาก 22 ปี) 383 กก.ต่อไร่ เมื่อใส่ปุ๋ยหมักอัตรา 500, 1,000, 1,500 และ 2,000 กก.ต่อไร่ ได้ ผลผลิตเฉลี่ย 455, S08, 541 และ 572 กก.ต่อไร่หรือเพิ่มขึ้น 18%, 32%, 41% และ 49% ตามลำดับเมื่อเปรียบเทียบกับไม่ใส่ปุ๋ย การใส่ปุ๋ยเคมีอัตรา 8-4-4 กก.ของ 8-4 4 กก.N-P2O5-K20 ต่อไร่ไห้ผลผลิตเฉลี่ย 533 กก.ต่อไร่ เพิ่มขึ้น 38 % เปรียบเทียบกับไม่ใส่ปุ๋ย แสดงว่าการใส่ปุ๋ยเคมีทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นมากกว่าใส่ปุ๋ยหมัก 1,000 กก.ต่อไร่แต่ต่ำกว่าใส่ปุ๋ยหมักอัตรา 1,500 กก.ต่อไร่ การใส่อัตราปุ๋ยหมักสูงขึ้นทำให้ผลผลิตข้าวที่ได้สูงขึ้นเกือบทุกปี (ภาพที่ 2) เมื่อใส่ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยหมักอัตรา 500, 1,000, 1,500 และ 2,000 กก.ต่อไร่ ได้ผลผลิตเฉลี่ย (22ปี) 632, 659, 694 และ 729 กก.ต่อไร่หรือเพิ่มขึ้น 64%, 71%, 80% และ 89% ตามลำดับเมื่อเปรียบเทียบกับไม่ใส่ปุ๋ย แต่ถ้าเปรียบเทียบกับใส่ปุ๋ยเคมีอย่างเดียวผลผลิตข้าวที่ใส่ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมด้วยได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น 19% 24%, 30% และ 37% ตามลำดับ ดังนั้นการใส่ปุ๋ยทั้งเคมีและอินทรีย์จะทำให้ได้ผลผลิตเพิ่มสูงสุด ผลและผลตกค้างของการใส่ปุ๋ยเคมีและอินทรีย์ระยะนาน 30 ปีต่อผลผลิตข้าวขาวดอกมะลิ 105 ตั้งแต่ปี 2541-2548 ได้ปลูกข้าวพันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 แทนข้าวพันธุ์ กข7 โดยปี 2541-2544 ได้ใส่ปุ๋ยเคมีและปุ๋ยหมักอัตราเดิม ตั้งแต่ปี 2545 ไม่ใส่ปุ๋ยใดๆ ผลผลิตข้าวแสดงในตารางที่ 4 ผลผลิตข้าวปีที่มีการใส่ปุ๋ยหมักอัตรา 500, 1,000, 1,500 และ 2,000 กก.ต่อไร่ ผลผลิตเฉลี่ย 4 ปีได้ 475, 541, 545 และ 554 กก.ต่อไร่หรือเพิ่มขึ้น 23%, 40%, 41% และ 44% ตามลำดับเมื่อเปรียบเทียบกับไม่ใส่ปุ๋ยที่ได้ผลผลิต 386 กก.ต่อไร่ ผลผลิตข้าวเมื่อใส่ปุ๋ยเคมีได้ผลผลิตเฉลี่ย 518 กก.ต่อไร่เพิ่มจากไม่ใส่ปุ๋ย 22% เมื่อใส่ร่วมกับปุ๋ยหมัก ได้ผลผลิตเฉลี่ย 546, 543, 549 และ 536 กก.ต่อไร่ ตามลำดับ เพิ่มขึ้น 29%, 28%, 30% และ 27% เปรียบเทียบกับไม่ใส่ปุ๋ยใด ๆ แต่จะเพิ่มจากใส่ปุ๋ยเคมี ประมาณ 6%, 6%, 7% และ 4% ซึ่งเพิ่มขึ้นน้อยมาก ซึ่งแม้จะใส่ปุ๋ยหมักอัตราเพิ่มขึ้นก็ไม่ทำให้ผลผลิตข้าวเพิ่มขึ้น แสดงว่าข้าวขาวดอกมะลิ105 ไม่ตอบสนองต่อการใส่ปุ๋ยหมักโดยเฉพาะอัตราตั้งแต่ 100-2,000 กก.ต่อไร่ อากเป็นเพราะปุ๋ยเคมีที่ใส่เพียงพอแล้วและในกรรมวิธีที่ใส่ปุ๋ยหมักอัตราต่างๆ ได้สะสมปุ๋ยหมักมานาน 26 ปี ซึ่งเพียงพอสำหรับการเจริญเติบโตข้าวขาวดอกมะลิ 105 ผลตกค้างของปุ๋ยหมักนาน 26 ปีมีผลทำให้ผลผลิตข้าวขาวดอกมะลิ105 เพิ่มขึ้น 17%, 26%, 29% และ 33% จากผลตกค้างของปุ๋ยหมักฟางข้าวอัตรา 500, 1,000, 1,500 และ 2,000 กก. ต่อไร่ ตามลำดับ ผลตกค้างของปุ๋ยเคมีทำให้ผลผลิตข้าวเพิ่มขึ้น 10% และเมื่อเป็นผลตกค้างของปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยหมักฟางข้าวทำให้ผลผลิตเพิ่ม 20%, 24%, 30% และ 26% ตามลำดับ ซึ่งผลผลิตที่เพิ่มนี้จะน้อยกว่าการเพิ่มของผลตกค้างที่เคยใส่ปุ๋ยหมักอย่างเดียว จากผลการทดลองใส่ปุ๋ยอินทรีย์ในนาข้าวโดยการใส่ติดต่อกันระยะยาวที่สถานีทดลองข้าวสุรินทร์ ตั้งแต่ปี 2519 จนถึงปัจจุบัน พอสรุปได้ดังนี้ 1. การใส่ปุ๋ขอินทรีย์(ปุ๋ยหมักฟางข้าว) ต้องใส่อย่างน้อย 500 กก.ต่อไร่ และใส่ติดต่อกัน 2-3 ปี จึงจะได้ผลผลิตเพิ่มขึ้นชัดเจนเมื่อเปรียบเทียบกับไม่ใส่ปุ๋ย 2. การใส่ปุ๋ยอินทรีย์อัตราสูงขึ้นทำให้ผลผลิตที่เพิ่มขึ้นเร็วขึ้น 3. การใส่ปุ๋ยอินทรีย์อัตราสูงจะได้ผลผลิตมากกว่าใส่อัตราต่ำ 4. เมื่อใส่ปุ๋ยอินทรีย์ติดต่อกันหลายปีแล้วหยุดใส่ ก็ยังมีผลทำให้ผลผลิตข้าวสูงกว่าที่ไม่เคยใส่ปุ๋ยอินทรีย์ 5. การใส่ปุ๋ยอินทรีย์มีข้อเสียคือใช้ปริมาณมาก และใช้แรงงานมาก 6. การใส่ปุ๋ยเคมีมีข้อดีคือใส่อัตราต่ำและสะดวกในการใส่เละสามารถทำให้พืชเจริญเติบโตและเพิ่มผลผลิต ไม่เปลืองแรงงาน ในการใส่ แต่มีข้อเสียคือไม่มีผลตกค้างที่ทำให้ผลผลิตข้าวเพิ่ม
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: https://agkb.lib.ku.ac.th/doa/search_detail/result/156091
เผยแพร่โดย: กรมการข้าว
คำสำคัญ: อินทรียวัตถุในดิน
คำสำคัญ (EN): Long-term application
เจ้าของลิขสิทธิ์: กรมการข้าว
รายละเอียด: 2 ill., 4 tables
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ผลและผลตกค้างของการใส่ปุ๋ยเคมีและปุ๋ยอินทรีย์ระยะยาวที่มีต่อผลผลิตข้าวขาวดอกมะลิ105
กรมการข้าว
2548
กรมการข้าว
ผลของพาโคลบิวทราโซลต่อคุณภาพของข้าวดอกมะลิ 105 และผลตกค้างของสารในข้าว การศึกษาวิธีการผลิตปุ๋ยอินทรีย์จากเศษวัสดุอินทรีย์ที่ได้จากการตัดแต่งกิ่งไม้ อิทธิพลของปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยเคมีที่มีต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตของแก่นตะวัน อิทธิพลของปุ๋ยอินทรีย์จากวัสดุเหลือใช้ชนิดต่าง ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของปุ๋ยเคมีต่อผลผลิตยาง ผลการใส่ปุ๋ยอินทรีย์ต่างชนิดต่อผลผลิตข้าวนอกนา การศึกษาเทคโนโลยีการใส่ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยอินทรีย์ที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตสบู่ดำสำหรับดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำใน อำเภอชนแดน จังหวัดเพชรบูรณ์ อิทธิพลของปุ๋ยเคมีต่อผลผลิตของชมจันทร์ ปัจจัยที่มีผลในการตัดสินใจของเกษตรกรที่มีต่อการใช้ปุ๋ยอินทรีย์และปุ๋ยเคมี อัตราปุ๋ยอินทรีย์ที่เหมาะสมต่อการให้ผลผลิตของผักกาดหอม อิทธิพลของปุ๋ยอินทรีย์ที่มีผลต่อผลผลิตแตงขาวหนามดำ
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก