สืบค้นงานวิจัย
การจัดการดินเปรี้ยวเพื่อปลูกข้าวในพื้นที่เขตเกษตรน้ำฝน และเขตชลประทาน จังหวัดสุราษฎร์ธานี
อัมพร พวงพวา - กรมพัฒนาที่ดิน
ชื่อเรื่อง: การจัดการดินเปรี้ยวเพื่อปลูกข้าวในพื้นที่เขตเกษตรน้ำฝน และเขตชลประทาน จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ชื่อเรื่อง (EN): Acid Sulfate soil Management (Kiang din) for Growing rice in Rain water Farmland and Irrigation water Farmland Regional Surattanee Province.
บทคัดย่อ: โครงการการจัดการดินเปรี้ยวเพื่อปลูกข้าวตามแนวทางแกล้งดินในพื้นที่เขตเกษตรน้ำฝน และเขตชลประทาน เป็นชุดโครงการที่มีโครงการวิจัย การจัดการดินเปรี้ยวเพื่อปลูกข้าวในพื้นที่เขตเกษตรน้ำฝน และเขตชลประทานจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นโครงการร่วมในชุดโครงการนี้ ดำเนินการในพื้นที่เกษตรกร หมู่ที่ 2 บ้านดอนโคก ตำบลท่าฉาง อำเภอท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อศึกษาแนวทางแกล้งดินในระบบชลประทานและเกษตรน้ำฝนเพื่อปลูกข้าวในพื้นที่ดินเปรี้ยว การเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติทางเคมีของดิน และผลตอบแทนทางด้านเศรษฐกิจ ผลจากการศึกษาพบว่า การปลูกข้าวปีละครั้ง (นาปี) มีการเปลี่ยนแปลงสมบัติทางเคมีของดิน ก่อนและหลังการทดลองน้อยมาก ปริมาณอินทรียวัตถุอยู่ในระดับปานกลาง ปริมาณฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมที่เป็นประโยชน์มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยอยู่ในระดับต่ำและปานกลาง ส่วนการปลูกข้าวปีละ 2 ครั้ง (นาปรัง) ค่าความเป็นกรดเป็นด่างมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ความเป็นประโยชน์ของธาตุฟอสฟอรัสเพิ่มสูงขึ้น ส่วนปริมาณอินทรียวัตถุและปริมาณโพแทสเซียมที่เป็นประโยชน์เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย การปลูกข้าวปีละครั้งโดยไม่มีการจัดการดินส่งผลให้ได้ผลผลิตข้าวต่ำสุดเฉลี่ย 430.67 กิโลกรัมต่อไร่ การขังน้ำ 4 สัปดาห์ ระบายออกร่วมกับการใช้ปุ๋ยเคมีตามค่าวิเคราะห์ดิน ได้ผลผลิตข้าวสูงสุดเฉลี่ย 3 ปีทดลอง 708.00 กิโลกรัมต่อไร่ และแตกต่างทางสถิติกับวิธีการอื่นทั้ง 3 ปีการทดลอง ตามด้วยการขังน้ำ 4 สัปดาห์ร่วมกับ หินปูนบดอัตรา LR ( ระบายออก) และปุ๋ยเคมีตามค่าวิเคราะห์ดิน ได้ผลผลิตข้าวเฉลี่ย 599.33 กิโลกรัมต่อไร่ ซึ่งไม่แตกต่างทางสถิติในปีสุดท้ายกับการขังน้ำ 4 สัปดาห์ ระบายออกร่วมกับการใช้ปุ๋ยเคมีตามค่าวิเคราะห์ดิน การปลูกข้าวปีละสองครั้งโดยไม่มีการจัดการดินส่งผลให้ได้ผลผลิตข้าวต่ำสุดในการปลูกครั้งแรกและปลูกครั้งที่ 2 เฉลี่ย 447.76 และ 425.33 กิโลกรัมต่อไร่ การขังน้ำ 4 สัปดาห์ ระบายออกร่วมกับการใช้ปุ๋ยเคมีตามค่าวิเคราะห์ดิน ได้ผลผลิตข้าวสูงสุดในการปลูกครั้งแรกเฉลี่ย 3 ปีทดลอง 757 และ การขังน้ำ 4 สัปดาห์ร่วมกับหินปูนบดอัตรา LR ( ระบายออก) และใส่ปุ๋ยเคมีตามค่าวิเคราะห์ดิน ได้ผลผลิตข้าวในการปลูกครั้งที่สองสูงสุดเฉลี่ย 830.67 กิโลกรัมต่อไร่ การขังน้ำ 4 สัปดาห์ร่วมกับหินปูนบดอัตรา LR ( ระบายออก) และใส่ปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูง ได้ผลผลิตข้าวน้อยกว่า การขังน้ำ 4 สัปดาห์ร่วมกับหินปูนบดอัตรา LR ( ระบายออก) และใส่ปุ๋ยเคมีตามคำแนะนำกรมวิชาการเกษตร ในการปลูกครั้งแรกและครั้งที่สอง ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของสามปีการทดลอง การปลูกข้าวนาปีโดยการขังน้ำ 4 สัปดาห์ ระบายออก ร่วมกับปุ๋ยเคมีตามค่าวิเคราะห์ดิน ได้ผลตอบแทนคิดเป็นรายได้เหนือต้นทุนผันแปรสูงสุดทั้งสามปีการทดลอง 2,022.50, 2,715.5 และ 1,514.90 ส่วนการขังน้ำ 4 สัปดาห์ + หินปูนบดอัตรา LR ( ระบายออก) ร่วมกับปุ๋ยเคมีตามค่าวิเคราะห์ดิน ได้ผลตอบแทนคิดเป็นรายได้เหนือต้นทุนผันแปร -995, 988.50 และ 1,514.90 บาทต่อไร่ การปลูกข้าวนาปรังสามปีการทดลอง Crop แรกของปี ได้ผลตอบแทนทางด้านเศรษฐกิจ คิดเป็นรายได้เหนือต้นทุนผันแปรเฉลี่ย (บาทต่อไร่) แยกตามวิธีการทดลอง พบว่า การขังน้ำ 4 สัปดาห์ ระบายออกร่วมกับปุ๋ยเคมีตามค่าวิเคราะห์ดิน ได้ผลตอบแทนคิดเป็นรายได้เหนือต้นทุนผันแปรสูงสุดทั้งสามปีการทดลอง 2,329.70, 2,207.00 และ 1,999.10 ส่วนการขังน้ำ 4 สัปดาห์ร่วมกับหินปูนบดอัตรา LR ( ระบายออก)และใส่ปุ๋ยเคมีตามค่าวิเคราะห์ดิน ได้ผลตอบแทนคิดเป็นรายได้เหนือต้นทุนผันแปร 1,614.70, 1,514.00 และ 3,030.90 บาทต่อไร่ การปลูกข้าวนาปรังสามปีการทดลอง Crop ที่สองของปี การขังน้ำ 4 สัปดาห์ ระบายออกร่วมกับปุ๋ยเคมีตามค่าวิเคราะห์ดินได้ผลตอบแทนคิดเป็นรายได้เหนือต้นทุนผันแปรสูงสุดทั้งสามปีการทดลอง 2,184,70, 2,207.00 และ 2,137.70 ส่วนการขังน้ำ 4 สัปดาห์ร่วมกับหินปูนบดอัตรา LR ( ระบายออก)และใส่ปุ๋ยเคมีตามค่าวิเคราะห์ดินได้ผลตอบแทนคิดเป็นรายได้เหนือต้นทุนผันแปร 2,621.30, 1,514.00 และ 1,876.90 บาทต่อไร่
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: กรมพัฒนาที่ดิน
คำสำคัญ: และเขตชลประทาน
เจ้าของลิขสิทธิ์: ฐานข้อมูล NRMS
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง

อัมพร พวงพวา. "การจัดการดินเปรี้ยวเพื่อปลูกข้าวในพื้นที่เขตเกษตรน้ำฝน และเขตชลประทาน จังหวัดสุราษฎร์ธานีAcid Sulfate soil Management (Kiang din) for Growing rice in Rain water Farmland and Irrigation water Farmland Regional Surattanee Province.". กรมพัฒนาที่ดิน. 2559

อัมพร พวงพวา. "การจัดการดินเปรี้ยวเพื่อปลูกข้าวในพื้นที่เขตเกษตรน้ำฝน และเขตชลประทาน จังหวัดสุราษฎร์ธานีAcid Sulfate soil Management (Kiang din) for Growing rice in Rain water Farmland and Irrigation water Farmland Regional Surattanee Province.". กรมพัฒนาที่ดิน. 2559. Print.



TARR Wordcloud:
การจัดการดินเปรี้ยวเพื่อปลูกข้าวในพื้นที่เขตเกษตรน้ำฝน และเขตชลประทาน จังหวัดสุราษฎร์ธานี
อัมพร พวงพวา
กรมพัฒนาที่ดิน
30 กันยายน 2559
การจัดการดินเปรี้ยวเพื่อปลูกข้าวตามแนวทางแกล้งดินในพื้นที่เขตเกษตรน้ำฝน และเขตชลประทาน การจัดการดินโดยใช้จุลินทรีย์เพิ่มความเป็นประโยชน์ของฟอสฟอรัสในดินเปรี้ยวเพื่อปลูกข้าวในพื้นที่เขตเกษตรน้ำฝน และเขตชลประทาน จังหวัดสุราษฎร์ธานี การใช้พื้นที่ปลูกพืชฤดูแล้งของเกษตรกรในเขตชลประทาน จังหวัดศรีสะเกษ ปัจจัยบางประการที่มีผลต่อการยอมรับการปลูกพืชสามครั้งต่อปีในเขตชลประทานเพชรบุรี ไร่นาสวนผสมที่มีข้าวเป็นพืชหลักในโครงการนำร่องปรับระบบการเกษตรในเขตชลประทานลุ่มน้ำเจ้าพระยา ปี 2536 ปัจจัยบางประการที่มีอิทธิพลต่อการผลิตทางการเกษตรและการบริโภคของเกษตรกร เขตเกษตรน้ำฝน กิ่งอำเภอแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ระบบการผลิตการเกษตรในเขตชลประทาน โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว จังหวัดกาฬสินธุ์ ระบบการผลิตการเกษตรในเขตชลประทานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต้นทุนและผลตอบแทนการปลูกกล้วยหอมทองในเขตชลประทาน จังหวัดขอนแก่น ระบบการผลิตการเกษตรในเขตชลประทาน โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาน้ำอูน จังหวัดสกลนคร
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก
พัฒนาระบบโดยศูนย์ความรู้เฉพาะด้านวิศวกรรมความรู้และวิศวกรรมภาษาDeveloped by Center of Excellence for Unified Knowledge and Language Engineering
สนับสนุนโดยสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)Supported by the Agricultural Research Development Agency (Public Organization)
แบบสำรวจความพึงพอใจQuestionair