สืบค้นงานวิจัย
การศึกษาการเกิดพิษของพาราควอทและการเปลี่ยนแปลงเมตาบอลิสมของสารซึ่งเกี่ยวเนื่องกับการสะสมข
Varaporn Podprasart - มหาวิทยาลัยมหิดล
ชื่อเรื่อง: การศึกษาการเกิดพิษของพาราควอทและการเปลี่ยนแปลงเมตาบอลิสมของสารซึ่งเกี่ยวเนื่องกับการสะสมข
ชื่อเรื่อง (EN): The study on low dose subacute Paraquat toxicity and alteration in the hepatic Xenobiotic-metabolizing enzymes as related to its bioaccumulation in male wistar rats
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Varaporn Podprasart
บทคัดย่อ: พาราควอทเป็นยาปราบวัชพืชในกลุ่มไบไพริดิลที่ใช้อย่างกว้างขวางในประเทศกสิกรรมรวมทั้งประเทศไทย การเกิด พิษที่ปอดเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เสียชีวิตแต่มีรายงานว่ามีการทำลายที่อวัยวะอื่นร่วมด้วย พาราควอทจัดเป็นสารพิษที่มีผล โดยตรงต่อตับเมื่อได้รับแบบเฉียบพลัน แต่ทว่าหลักฐานการเป็นพิษของพาราควอทแบบระยะยาวในขนาดต่ำนั้นมีน้อยมาก ดังนั้นวัตถุประสงค์ของการศึกษานี้คือเพื่อดูผลทั้งขนาดของพาราควอทและระยะเวลาการได้รับสารต่อโครงสร้างและหน้าที่ของ ตับเมื่อได้รับในปริมาณน้อยหลายครั้ง รวมทั้งศึกษาการทำงานของเอนไซม์ที่เปลี่ยนแปลงสารพิษร่วมด้วย นอกจากนี้ยังมีการ ตรวจหาปริมาณของพาราควอทที่สะสมในเนื้อเยื่อต่างๆเพื่อใช้ในการทำนายเนื้อเยื่อเป้าหมายของการเกิดพิษของพาราควอท พาราควอทในขนาด 4.0, 5.0, และ 6.0 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัมต่อวันฉีดเข้าใต้ผิวหนังของหนูขาวเพศผู้นาน 7 วัน เป็นที่น่าสนใจว่าพาราควอททำให้เกิดการลดลงของการทำงานของเอนไซม์ทรานอะมิเนสในพลาสมาทั้งแบบขึ้นกับขนาดและ ระยะ เวลา โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงการทำงานของเอนไซม์อัลคาไลต์ฟอสฟาเตส นอกจากนี้ยังพบการลดลงของบิลิรูบิล และอัลบูมินในเลือดอีกด้วย หนูกลุ่มที่ได้รับพาราควอทไม่พบการเปลี่ยนแปลงของตับเมื่อดูภายใต้กล้องเมื่อเทียบกับหนูกลุ่ม ควบคุม ในด้านการทำงานของไซโตโครมพี450ในการเปลี่ยนแปลงยาพบว่าพาราควอทในขนาดสูงทำให้เกิดการลดการทำงาน ของ CYP1A1 ที่สัมพันธ์กับเอนไซม์อิท็อกซี่รีโซรูฟินโอดีเอททิลเลสเหลือประมาณ 28% ของกลุ่มควบคุม การทำงานของ เอนไซม์นี้มีการลดลงชัดเจนในหนูที่มีอาการแสดงการเกิดพิษของพาราควอทที่รุนแรงซึ่งแสดงโดยการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำตาล กลูโคสในพลาสมา ในทางตรงข้ามการทำงานของเอนไซม์พีไนโตรฟีนอลไฮด็อกซิเลสที่ผ่าน CYP2E1มีการเพิ่มขึ้นเล็กน้อยใน หนูที่แสดงความเป็นพิษจากพาราควอท เมื่อวิเคราะห์หาปริมาณของพาราควอทในเนื้อเยื่อต่างๆโดยใช้เครื่องแยกของเหลว สมรรถนะสูงโดยตรวจวัดที่เวลา 24 ชั่วโมงหลังได้รับสารขนาดสุดท้ายพบว่าพาราควอทมีการสะสมในเนื้อเยื่อต่างๆแบบขึ้นกับ ขนาดที่ได้รับในปริมาณที่ต่างกันไปคือในปอดมากกว่าไต หัวใจ กล้ามเนื้อและตับ พาราควอทในขนาด 6.0 มิลลิกรัมต่อน้ำหนัก ตัวหนึ่งกิโลกรัมต่อวันมีการสะสมในปอดมากกว่าในตับประมาณ 13 เท่า เมื่อเปรียบเทียบระหว่างการได้รับพาราควอทขนาดต่ำ หนึ่งครั้งกับหลายครั้งพบว่ากล้ามเนื้อลายสามารถสะสมพาราควอทในระดับที่สูงที่สุด รองลงมาคือหัวใจ ตับ ปอดและไต สามารถสรุปได้ว่าพาราควอทไม่ทำให้เกิดการทำลายตับอย่างชัดเจนแต่สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการทำงาน ของเอนไซม์ที่เปลี่ยนแปลงยาที่จำเพาะ การสะสมของพาราควอทในปริมาณน้อยนี้เป็นสิ่งที่ใช้อธิบายการที่พาราควอทไม่ทำให้ เกิดพิษที่ตับเมื่อได้รับในขนาดต่ำหลายครั้ง อย่างไรก็ตามภายใต้ภาวะนี้พาราควอทอาจทำให้เกิดพิษต่ออวัยวะอื่นเช่นไต หัวใจ และกล้ามเนื้อ ผลที่ได้ยังแสดงว่าระดับพาราควอทในพลาสมาไม่ใช่ตัวบ่งชี้ที่ดีสำหรับการได้รับสารนี้เป็นระยะเวลานาน
บทคัดย่อ (EN): following acute exposure. The evidence of long-term low dose toxicity of PQ is scarce. Therefore, the aim of this study was to examine the time-course and dose-effect of repeated exposure to low doses of PQ on the liver structure and function including hepatic xenobiotic-metabolizing enzyme activity. In addition, the extent of PQ accumulation in various tissues was determined to predict the target tissue of PQ toxicity after repeated exposure. PQ, at the doses of 4.0, 5.0, and 6.0 mg/kg/d, were injected subcutaneously to adult male Wistar rats for 7 consecutive days. Interestingly, this PQ treatment caused a reduction of plasma transaminase activity in a dose- and time-dependent manner without any effect on the alkaline phosphatase activity. Hypobilirubinemia and hypoalbuminemia were also observed. There was no histological alteration in the liver morphology of PQ treated animals when compared to the control. Regarding the activity of cytochrome P-450 mediated drug metabolism, PQ treatment at the highest dose caused a decrease in the activity of CYP1A1- related 7-ethoxyresorufin-O-deethylase to approximately 28% of the control. The reduction in the enzyme activity was marked when the toxic symptom was severe, as shown by an increase in the plasma glucose level. On the contrary, an increase in the activity of p-nitrophenol hydroxylase, which is CYP2E1 mediated, was observed in PQ-intoxicated rats. PQ concentration in various tissues measured at 24 hours postdose as analyzed by high performance liquid chromatography technique showed a dose-dependent accumulation, though with different degrees as follows: lung>kidney>heart> muscle>liver. PQ accumulation in the lung was approximately thirteen times higher than that in the liver at the dose of 6.0 mg/kg/d. When comparing the single and repeated administration of PQ, the skeletal muscle could accumulate PQ with the highest degree, followed by the heart, liver, lung, and kidney. It can be concluded that PQ did not induce direct cytotoxic hepatic injury but caused changes in the activity of certain xenobiotic-metabolizing enzymes. Minimal PQ accumulation in the liver explains why PQ was not hepatotoxic after low dose repeated exposure. However, under this condition PQ might be toxic to other organs such as skeletal muscle, heart, and kidney. The result also showed that plasma level of PQ is not a good indicator of long-term exposure to this herbicide.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=126&RecId=3526&obj_id=4791
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยมหิดล
คำสำคัญ (EN): Paraquat
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยมหิดล
รายละเอียด: พาราควอทเป็นยาปราบวัชพืชในกลุ่มไบไพริดิลที่ใช้อย่างกว้างขวางในประเทศกสิกรรมรวมทั้งประเทศไทย การเกิด พิษที่ปอดเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เสียชีวิตแต่มีรายงานว่ามีการทำลายที่อวัยวะอื่นร่วมด้วย พาราควอทจัดเป็นสารพิษที่มีผล โดยตรงต่อตับเมื่อได้รับแบบเฉียบพลัน แต่ทว่าหลักฐานการเป็นพิษของพาราควอทแบบระยะยาวในขนาดต่ำนั้นมีน้อยมาก ดังนั้นวัตถุประสงค์ของการศึกษานี้คือเพื่อดูผลทั้งขนาดของพาราควอทและระยะเวลาการได้รับสารต่อโครงสร้างและหน้าที่ของ ตับเมื่อได้รับในปริมาณน้อยหลายครั้ง รวมทั้งศึกษาการทำงานของเอนไซม์ที่เปลี่ยนแปลงสารพิษร่วมด้วย นอกจากนี้ยังมีการ ตรวจหาปริมาณของพาราควอทที่สะสมในเนื้อเยื่อต่างๆเพื่อใช้ในการทำนายเนื้อเยื่อเป้าหมายของการเกิดพิษของพาราควอท พาราควอทในขนาด 4.0, 5.0, และ 6.0 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัมต่อวันฉีดเข้าใต้ผิวหนังของหนูขาวเพศผู้นาน 7 วัน เป็นที่น่าสนใจว่าพาราควอททำให้เกิดการลดลงของการทำงานของเอนไซม์ทรานอะมิเนสในพลาสมาทั้งแบบขึ้นกับขนาดและ ระยะ เวลา โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงการทำงานของเอนไซม์อัลคาไลต์ฟอสฟาเตส นอกจากนี้ยังพบการลดลงของบิลิรูบิล และอัลบูมินในเลือดอีกด้วย หนูกลุ่มที่ได้รับพาราควอทไม่พบการเปลี่ยนแปลงของตับเมื่อดูภายใต้กล้องเมื่อเทียบกับหนูกลุ่ม ควบคุม ในด้านการทำงานของไซโตโครมพี450ในการเปลี่ยนแปลงยาพบว่าพาราควอทในขนาดสูงทำให้เกิดการลดการทำงาน ของ CYP1A1 ที่สัมพันธ์กับเอนไซม์อิท็อกซี่รีโซรูฟินโอดีเอททิลเลสเหลือประมาณ 28% ของกลุ่มควบคุม การทำงานของ เอนไซม์นี้มีการลดลงชัดเจนในหนูที่มีอาการแสดงการเกิดพิษของพาราควอทที่รุนแรงซึ่งแสดงโดยการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำตาล กลูโคสในพลาสมา ในทางตรงข้ามการทำงานของเอนไซม์พีไนโตรฟีนอลไฮด็อกซิเลสที่ผ่าน CYP2E1มีการเพิ่มขึ้นเล็กน้อยใน หนูที่แสดงความเป็นพิษจากพาราควอท เมื่อวิเคราะห์หาปริมาณของพาราควอทในเนื้อเยื่อต่างๆโดยใช้เครื่องแยกของเหลว สมรรถนะสูงโดยตรวจวัดที่เวลา 24 ชั่วโมงหลังได้รับสารขนาดสุดท้ายพบว่าพาราควอทมีการสะสมในเนื้อเยื่อต่างๆแบบขึ้นกับ ขนาดที่ได้รับในปริมาณที่ต่างกันไปคือในปอดมากกว่าไต หัวใจ กล้ามเนื้อและตับ พาราควอทในขนาด 6.0 มิลลิกรัมต่อน้ำหนัก ตัวหนึ่งกิโลกรัมต่อวันมีการสะสมในปอดมากกว่าในตับประมาณ 13 เท่า เมื่อเปรียบเทียบระหว่างการได้รับพาราควอทขนาดต่ำ หนึ่งครั้งกับหลายครั้งพบว่ากล้ามเนื้อลายสามารถสะสมพาราควอทในระดับที่สูงที่สุด รองลงมาคือหัวใจ ตับ ปอดและไต สามารถสรุปได้ว่าพาราควอทไม่ทำให้เกิดการทำลายตับอย่างชัดเจนแต่สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการทำงาน ของเอนไซม์ที่เปลี่ยนแปลงยาที่จำเพาะ การสะสมของพาราควอทในปริมาณน้อยนี้เป็นสิ่งที่ใช้อธิบายการที่พาราควอทไม่ทำให้ เกิดพิษที่ตับเมื่อได้รับในขนาดต่ำหลายครั้ง อย่างไรก็ตามภายใต้ภาวะนี้พาราควอทอาจทำให้เกิดพิษต่ออวัยวะอื่นเช่นไต หัวใจ และกล้ามเนื้อ ผลที่ได้ยังแสดงว่าระดับพาราควอทในพลาสมาไม่ใช่ตัวบ่งชี้ที่ดีสำหรับการได้รับสารนี้เป็นระยะเวลานาน
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การศึกษาการเกิดพิษของพาราควอทและการเปลี่ยนแปลงเมตาบอลิสมของสารซึ่งเกี่ยวเนื่องกับการสะสมข
Varaporn Podprasart
มหาวิทยาลัยมหิดล
2548
การพัฒนาสารสกัดพอลิแซ็กคาไรด์จากสาหร่ายวากาเมะเพื่อเป็นสารให้ความชุ่มชื้นผิว ความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งตับเนื่องจากการได้รับอะฟลาทอกซินจากการบริโภคเครื่องแกงเผ็ดแดงของประชากรกรุงเทพมหานคร การศึกษาความเป็นพิษของสารสกัดจากใบหม่อน ผลของเมพิควอทคลอไรด์ คลอร์มีควอทคลอไรด์ และพาโคลบิวทราโซลต่อสรีรวิทยาการออกดอกของมะม่วงพันธุ์น้ำดอกไม้สีทอง ผลของสารสกัดบัวบกต่อเมแทบอลิซึมของอะฟลาทอกซินบี 1 ในหนูขาววิสตาร์ ความเป็นพิษต่อเซลล์ในหลอดทดลองและหลไกยับยั้งการเกิดมะเร็งในหนูทดลองของสารสกัดจากเมล็ดมะเกี๋ยง อิทธิพลของปริมาณอะโรเมติกและสารออกซิเจนเนตในน้ำมันเบนซินต่อสารมลพิษ ของเครื่องยนต์รถจักรยานยนต์ โปรโตซัวในน้ำเสียที่เนื่องจากจากสารอินทรีย์ ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระของสารสกัดมะเกี๋ยง และผลต่อการเกิดมะเร็งตับหลายขั้นตอนที่เหนี่ยวนำด้วยสารเคมีในหนูขาว ความคิดเห็นของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครต่อผักปลอดภัยจากสารพิษ
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก