สืบค้นงานวิจัย
การศึกษานิเวศวิทยาเพื่อแก้ไขความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่า บริเวณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน จังหวัดฉะเชิงเทรา
นริศ ภูมิภาคพันธ์ - มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ชื่อเรื่อง: การศึกษานิเวศวิทยาเพื่อแก้ไขความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่า บริเวณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน จังหวัดฉะเชิงเทรา
ชื่อเรื่อง (EN): The study of ecology to solve conflict between human and wild elephant around Khao Ang Rue Nai Wildlife Sanctuary, Chacheangchoa Province
บทคัดย่อ: การศึกษาการศึกษานิเวศวิทยาเพื่อแก้ไขความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่าบริเวณเขตรักษา พันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน จังหวัดฉะเชิงเทรา ดำเนินการระหว่างเดือนตุลาคม 2557 ถึงเดือนธันวาคม 2559 โดยในช่วงปีแรกดำเนินการศึกษาสภาพแวดล้อมโดยรอบของพื้นที่ได้แก่การออกมานอกพื้นที่ เก็บข้อมูลพิกัดตำแหน่งของช้างป่า จำนวนครั้งที่ออกมาโดยรอบพื้นที่ ลักษณะประสิทธิภาพของคูกัน ช้างป่า ความคิดเห็นของราษฎรต่อการสร้างคูกันช้างป่า ตลอดจนการปรากฏของสัตว์ป่าบริเวณคูกัน ช้างป่า ผลการศึกษาการออกนอกพื้นที่ของช้างป่าบริเวณเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤๅไน ซึ่ง ประกอบด้วยจังหวัดจันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง ปราจีนบุรี และสระแก้ว ข้อมูลตั้งแต่เดือน ธันวาคม พ.ศ. 2552 ถึงเดือนกรกฏาคม พ.ศ. 2558 เป็นระยะเวลา 6 ปี พบว่า มีช้างป่าออกมาทั้งที่ ไม่ได้สร้างความเสียหายและสร้างความเสียหาย ได้แก่ ทำลายพื้นที่ทางการเกษตร ทำลายชีวิต ทำลายทรัพย์สิน ทั้งสิ้น 238 หมู่บ้าน รวม 758 ครั้ง โดยหมู่บ้านเขาแก้ว หมู่ที่ 1 ต. ปะตง อ. สอย ดาว จ.จันทบุรี จำนวน 33 ครั้ง รองลงมาเป็นบ้านคลองเตย หมู่ 21 ต. ท่ากระดาน อ. สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา จำนวน 16 ครั้งบ้านหนองเกตุ หมู่ที่ 21 จ.ฉะเชิงเทรา จำนวน 14 ครั้ง และบ้านห้อย หัว หมู่ 8 ต. ห้วยทับมอญ อ. เขาชะเมา จ.ระยอง จำนวน 14 ครั้ง หมู่บ้านที่มีช้างป่าออกมามากที่สุด ต่อครั้ง ได้แก่ หมู่บ้านกระสอบ หมู่ 9 จ.ฉะเชิงเทรา ในปี พ.ศ. 2554 จำนวน 100 ตัว และบ้าน คลองเตย หมู่ 21 จ.ฉะเชิงเทรา ในปี พ.ศ. 2557 จำนวน 100 ตัวส่งผลให้พื้นที่โดยรอบได้รับความ เสียหายทั้งที่ประเมินมูลค่าได้และไม่สามารถประเมินมูลค่าได้ ได้แก่ พืชผลและผลผลิตทางการเกษตร ถูกทำลาย เครื่องมือทางการเกษตร ของใช้ในครัวเรือน ยานพานะ ตลอดจนการสูญเสียชีวิตของคน และช้างป่า ความเสียหายส่วนใหญ่เป็นพืชผลทางการเกษตร โดยนาข้าวเป็นพื้นที่ที่ได้รับคววาม เสียหายสูงที่สุดรวม 455 ไร่ มูลค่า 927,800 บาท รองลงมาเป็นอ้อยเสียหายเป็นพื้นที่ 111 ไร่ มูลค่า 326,000 บาท และมันสำปะหลังเป็นพื้นที่ประมาณ 186 ไร่ มูลค่า 274,940 บาท รายการ ความเสียหายจากช้างป่าออกนอกพื้นที่จำแนกตามเดือน พบว่า มีทรัพย์สิน การบาดเจ็บของคนและ ช้างป่า การเสียชีวิตของคนและการตายของช้างตลอดทั้งปี ยกเว้นเดือนกันยายนถึงเดือนตุลาคมรวม ผู้บาดเจ็บทั้งสิ้น 6 คน ผู้เสียชีวิต 4 คน ช้างป่าบาดเจ็บ 4 ตัว และตาย 6 ตัวรายการทรัพย์สินที่ได้รับ ความเสียหายจากช้างป่าออกนอกพื้นที่จำแนกตามหมู่บ้าน พบว่า ความเสียหายรวมทั้งสิ้น 2,053,140 บาท โดยที่หมู่บ้านคลองยายสร้อย หมู่ 10 ต.ทุ่งพระยา อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา ได้รับความเสียหายมากที่สุด 616,340 บาท. รองลงมาเป็นบ้านหนองกระทิง หมู่ 20 ต.ท่ากระดาน อ. สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา เป็นจำนวนเงิน 196,500 บาท และบ้านหนองหญ้ากล่อม หมู่ 11 ต.ท่า พระยา อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา เป็นจำนวนเงิน 170,000 บาท นอกจากนั้นยังพบว่ามีหลาย หมู่บ้านที่พืชผลทางเกษตรและทรัพย์สินได้รับความเสียหายแต่มิได้คิดมูลค่าความเสียหายนั้น กรณี ประสิทธิภาพคูกันช้างที่ใช้เป็นเครื่องมือหลักในการแก้ไขการออกมานอกพื้นที่ของช้างป่าโดยรอบ พื้นที่โดยศึกษาบริเวณจังหวัดฉะเชิงเทรารวมระยะทาง 77 กิโลเมตร พบร่องรอบการข้ามคูกันช้างเข้า มาในพื้นที่ของราษฎรมากที่สุดคือไร่มันจำนวน 256 ครั้ง มีขนาดความกว้าง 4.69 เมตร ความลึก 2 1.72 เมตร ความยามฝั่งป่า 2.52 เมตร ความยาวฝั่งไร่ 4.69 เมตร รองลงมาคือสวนยางพารา จำนวน 148 ครั้งมีขนาดความกว้างของคู 4.67 เมตร ความลึก 1.72 เมตร ความยาวฝั่งป่า 2.52 เมตร ความ ยาวฝั่งไร่ 4.67 เมตร ป่ายูคาลิปตัส จำนวน 42 ครั้ง มีความกว้างของคู 4.78 เมตร ความลึก 1.67 เมตร ความยาวฝั่งป่า 2.56 เมตร ความยาวฝั่งไร่ 4.78 เมตร และนาข้าวจำนวน 31 ครั้ง มีความกว้าง 4.96 เมตร ความลึก 1.69 เมตรความยาวฝั่งป่า 2.52 เมตร ความยาวฝั่งไร่ 2.56 เมตร ซึ่งจากข้อมูล ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าร่องรอยของการข้ามคูในแต่ละพื้นที่ป่าไม่มีความสัมพันธ์กับความถี่ของการ ออกนอกพื้นที่ กล่าวคือพื้นที่ที่พบร่องรอยที่มีขนาดกว้างกว่า ลึกน้อยกว่าไม่ได้หมายความว่าช้างป่า จะออกนอกพื้นที่จุดนั้นบ่อยแต่ความถี่ของการออกนอกพื้นที่ขึ้นกับพื้นที่ตรงข้ามป่า ผลการศึกษา ชนิดสัตว์ป่าชนิดอื่นที่อยู่บริเวณคูกันช้าง ทำการศึกษาบริเวณอำเภอบ่อทอง จังหวัดชลบุรี เป็น ระยะทางตามแนวคูกันช้างป่า 26 กิโลเมตร พบสัตว์ป่าเลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ทั้งในเขตพื้นที่ป่า และบริเวณนอกเขตพื้นที่ป่า (พื้นที่เกษตรกรรม) ทั้งหมด 5 ชนิด ได้แก่ ช้าง กระทิง หมี หมูป่า และเก้ง โดยในฝั่งในเขตพื้นที่ป่าไม้ มีการพบชนิดสัตว์ป่าเลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ทั้งหมด 5 ชนิด ได้แก่ ช้าง กระทิง หมูป่า เก้ง และหมี ตามลำดับและในฝั่งของนอกเขตพื้นที่ป่า(พื้นที่เกษตรกรรม) สำรวจพบ ชนิดสัตว์ทั้งหมด 3 ชนิด ได้แก่ ช้าง กระทิง และหมูป่า ตามลำดับ ความมากมายของสัตว์เลี้ยงลูกด้วย นมขนาดใหญ่พบว่าบริเวณโดยรอบพื้นที่ที่ติดกับคูกันช้างในเขตพื้นที่ป่าไม้ มีการพบรอยตีน และกอง มูล จำนวน 32 รอย ซึ่งมีจำนวนมากกว่าบริเวณนอกเขตพื้นที่ป่า(พื้นที่เกษตรกรรม) ที่พบรอยตีน และกองมูล เป็นจำนวน 14 รอย การปรากฏตัวของสัตว์ป่าเลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่นั้น ทั้งในพื้นที่ ตามแนวคูกันช้างทั้งสองฝั่งนั้น ทั้งในฝั่งของในพื้นที่ป่าไม้ และนอกพื้นที่ป่าไม้(พื้นที่เกษตรกรรม) ระยะห่างจากแนวคูกันช้างที่พบชนิดสัตว์มากที่สุดของแต่ละฝั่ง มีช่วงชั้นระยะห่างเท่ากัน นั่นคือ ช่วง ชั้นระยะห่าง 6 – 213 เมตรและจำนวนของชนิดสัตว์ลดลงไปตามระยะทางที่เพิ่มขึ้นเช่นกันทั้งสองฝั่ง ซึ่งระยะทางที่เพิ่มมากขึ้นมีผลต่อการปรากฏของสัตว์ป่าเลี้ยงลูกด้วยนมที่ลดลงจากการปรากฏของ สัตว์ป่านั้น ชนิดสัตว์ที่พบร่องรอยการปรากฏมากที่สุด นั่นก็คือช้าง ซึ่งมีการปรากฏรอยทั้งสองฝั่งของ บริเวณแนวคูกันช้าง รองลงมาคือ กระทิง หมูป่า เก้ง และหมี ตามลำดับ ประสิทธิภาพของคูกันช้าง นั้นสามารถป้องกันสัตว์ป่าออกมานอกพื้นที่ได้ในระดับหนึ่ง จากที่ทำการสำรวจพบร่องรอยตีนและ กองมูลของสัตว์จำนวน 3 ชนิด ได้แก่ ช้าง กระทิง และหมูป่า ตามลำดับ และการออกมานอกพื้นที่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไนนั้น พบด้วยกันทั้งหมด 8 จุดที่มีการการสำรวจพบ และ มีการ ทำลายพืชเกษตรทั้งหมด 4 จุด โดยพื้นที่เกษตรกรรมที่ช้างได้เข้ามาทำลายนั้น คือ สวนยางพาราของ เกษตรกรที่มีการปลูกชิดกับแนวคูกันช้าง และไร่มันสำปะหลังที่มีการปลูกห่างไกลจากแนวคูมาใน ระยะหนึ่ง ระยะทางที่ช้างมีการออกมานอกพื้นที่ไกลสุดนั้น อยู่ที 108.01 เมตร จากระยะทางตั้งฉาก จากแนวคู จากการทดสอบทางสถิติแล้วพบว่า ค่าเฉลี่ยของจำนวนร่องรอยสัตว์ป่าเลี้ยงลูกด้วยนม ขนาดใหญ่ภายในเขตพื้นที่ป่าไม้แตกต่างจากค่าเฉลี่ยของจำนวนร่องรอยสัตว์ภายนอกพื้นที่เขตป่าไม้ (พื้นที่เกษตรกรรม) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ซึ่งหมายความว่าคูกันช้างนั้นมีประสิทธิภาพในการ ป้องกันสัตว์ป่าเลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ออกมานอก
บทคัดย่อ (EN): The study of ecology to mitigate conflicts between people and elephants, Khao Ang Rue Nai Wildlife Sanctuary, Chachoengsao Province, was carried out between October 2014 and December 2016. During the first year of implementation of the surrounding environment of the area outside the area. Storage position of elephants. Count out the surrounding area. The performance characteristics of the manmade ditch to protect the wild elephants go outside. Reviews of representatives to man-made ditch to protect the wild elephants as well as the presence of other wildlife species around the ditch. The 6 years data during December 2009 to July 2015 found the elephant destruction of agricultural areas, destroying property destroyed 238 villages 758 times. The village was among the first was Ban Khao Kaew, district Soi Dao Chanthaburi Province with the the number of 33 times. A minor was Ban Khlong tay 16 times followed by Ban Nong Ked Chachoengsao Province 14 times. The village that found the most number of wild elephant, about 100 individuals was Kra Sop Village, Chachoengsao Province in 2010. The surrounding area has damaged both the valuation and the valuation can not be including crops and properties were destroyed. Agricultural Equipment Household's fleet as well as the loss of life of people and elephants. Most of the damage agricultural crops were the rice is an area that has been ABC's highest damage total 455 rai, valued at 927,800 baht. Minor damage was sugarcane area that was 111 rai valued at 326,000 baht and a total area of approximately 186 rai of cassava worth 274,940 baht. Items damaged by the elephants out of the area by month found that the trauma of people, property and forest elephants. The deaths and the deaths of elephants throughout the year. Except September and October the wounded included six people were killed and four injured four people dead, six wild elephants themselves. Assets that have been damaged by the elephants out of the area by the village. The study also found that the damage totaled 2.05314 million baht. The village Moo 10 Thung Phraya Sub district, Sanam Chai Khet District, Chachoengsao Province was the most had been damaged of 616,340 baht. Follow by Nong Kra Ting Villaege, 196,500 bath. A minor was Nong Yaa Krom, Sanam Chai Khet District, Chachoengsao Province was 170,000 bath. It was also found that there are many villages, agricultural crops and property was damaged but did not think the damage. When performing the manmade ditch that is the primary tool used to fix the outside area of the forest surrounding the area of the province, a total distance of 77 kilometers. The width 4.69 meters x 1.72 meters, 2.52 meters long, the Coast Guard forest plantation 4.69 meters. Followed by the plantation of 148 times the size of the trench width 4.67 meters x 1.72 meters long, 2.52 meters long, the farm woods 4.67 meters. Eucalyptus forests 42 times a width of 4.78 meters x 1.67 meters ditch woods length 2.56 meters long, 4.78 meters in the field. Rice 31 times the width of 4.96 meters, 1.69 meters depth. Length, 2.52 meters in length the farm woods 2.56 meters. The above information shows that traces of the ditch in a wooded area not related to the frequency of the outside area. That is the area where signs are wider. Less depth does not mean that elephants are out there, but the frequency of the area outside the forest area opposite. The study of the wildlife species that live near the ditch. The study area Bo Thong District, Chonburi Province with a distance of 26 kilometers along the forest together with meet wild animals, mammals, both in forested areas and areas outside the forest area (agricultural). All five species of elephants, gaur, bears, wild boar and barking deer were found in the land in the forest area, Wildlife species are found in all large mammals, including elephants, gaur, wild boar, barking deer bears respectively. In the land of the forest area (agriculture) survey found three kinds of animals including elephants, gaur and wild boar, respectively. The abundance of large mammals found in the surrounding area that are adjacent to each other elephants in the forest. There were footprints and dung of 32 tracks. Which are more than the area outside the forest areas (agriculture) that found footprints and dung as of 14 tracks. The presence of wild animals, mammals, along both sides of the elephant together. And outside forest areas (agriculture). Vertical distance from each other elephant species found most of each side. A class that is equidistant spacing the floor 6-213 meters. The number of species decreases with increasing distance as well on both sides. The distance to the increasing influence of the presence of wild mammals are declining. Effective of the ditch that can prevent wildlife from residential areas to a certain extent the survey found tracks and dung of animals, including elephants, gaur and wild boar respectively. The outside area of Khao Ang Rue Nai Wildlife Sanctuary it found with all eight points of the survey and the destruction of agricultural crops all four points. Agricultural areas where elephants had destroyed the rubber plantations of farmers who have grown up together with the elephant. And tapioca plantations are planted far from the ditch in a while distance elephants are far out of the area is at 108.01 meters. From a statistical test found that the average number of tracks wildlife mammal large forest area is no different from the average number of animal tracks outside forest areas (agriculture) was statistically significant. This means that the ditch are effective in preventing wildlife mammal large out outside the forest area.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การศึกษานิเวศวิทยาเพื่อแก้ไขความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่า บริเวณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน จังหวัดฉะเชิงเทรา
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
30 กันยายน 2559
การศึกษานิเวศวิทยาเพื่อแก้ไขความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่า บริเวณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน จังหวัดฉะเชิงเทรา นิเวศวิทยา ประชากร และแนวทางในการแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างช้างป่า (Elephas maximus) และชาวบ้าน ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง จังหวัดเลย ผลกระทบทางนิเวศวิทยาของกิจกรรมมนุษย์ต่อการกระจายและนิเวศวิทยาของวัวแดง (Bos javanicus) กระทิง (Bos gaurus) และช้างป่า (Elephant maximus) ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนในการอนุรักษ์และฟื้นฟูชะนีที่ถูกคุกคามและใกล้สูญพันธุ์ใกล้เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว จ. จันทบุรี และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำปาย จ. แม่ฮ่องสอน การวิจัยและพัฒนาเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา ป่าฝืนสุดท้ายของภาคกลาง ดินโป่งในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี การอนุรักษ์พันธุ์กล้วยไม้ป่าในอุทยานสัตว์ป่าอุบลราชธานี การอนุรักษ์ และใช้ประโยชน์พืชสมุนไพรในป่าชุมชนบ้านหัวทุ่ง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียวดาว อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ผลกระทบของความถี่ไฟต่อพลวัตรและความหลากหลายของแมลงในป่าผลัดใบ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง การศึกษานิเวศวิทยาเพื่อแก้ปัญหาช้างป่าบริเวณเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว จังหวัดหนองคาย เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จังหวัดกาญจนบุรี และอุทยานแห่งชาติกุยบุรี จังหวัดเพชรบุรี
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก