สืบค้นงานวิจัย
ศักยภาพของปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดินท้องถิ่นไทย ที่ผลิตจากขยะอินทรีย์ต่อระบบการเกษตรและสิ่งแวดล้อม
อานัฐ ตันโช - มหาวิทยาลัยแม่โจ้
ชื่อเรื่อง: ศักยภาพของปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดินท้องถิ่นไทย ที่ผลิตจากขยะอินทรีย์ต่อระบบการเกษตรและสิ่งแวดล้อม
ชื่อเรื่อง (EN): Potential of Vermicompost from Local Thai Earthworms and Various Organic Wastes on Agricultural Systems and Environment
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: อานัฐ ตันโช
บทคัดย่อ: การศึกษาวิจัยเรื่องศักยภาพของปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดินท้องถิ่นไทยที่ผลิตจากขยะอินทรีย์ต่อระบบการเกษตรและสิ่งแวดล้อม มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงโมเดลการเลี้ยงไส้เดือนดินที่เหมาะสมกับไส้เดือนดินแต่ละสายพันธุ์ รวมถึงศึกษาคุณสมบัติ คุณภาพ ของปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดินต่อการนำไปใช้เพาะปลูกพืชผลทางการเกษตรและการใช้ปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ของดิน รวมทั้งข้อมูลที่ได้สามารถนำไปใช้ประกอบการวางแผนผลิตปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดินเชิงพาณิชย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โครงการย่อยที่ 1 ศึกษารูปแบบโมเดลการเลี้ยงไส้เดือนดินที่เหมาะสมต่อการกำจัดขยะอินทรีย์และผลิตปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดินโดยศึกษาไส้เดือนดินสายพันธุ์ท้องถิ่น 4 ชนิด Perionyx sp.1,Perionyx sp.2 , Metaphire posthuma ,Amynthas sp.และไส้เดือนดินทางการค้า 1 ชนิด Eudrilus eugeniaeทดสอบเลี้ยงในโมเดล 4 แบบ บ่อดิน กองพื้น บ่อซีเมนต์ และถังพลาสติก ภายใต้สภาพกลางแจ้ง และภายใต้สภาพโรงเรือน ผลการทดลองพบว่าไส้เดือนดินสายพันธุ์ Perionyx sp.1, Perionyx sp.2, Eudrilus eugeniae เหมาะสมต่อการเลี้ยงในทุกโมเดลที่ใช้ทดสอบ สายพันธุ์ Metaphire posthumaเหมาะสมกับเฉพาะโมเดลแบบกองพื้นและบ่อซีเมนต์ ส่วนสายพันธุ์ Amynthas sp. เหมาะสมกับเฉพาะโมเดลแบบกองพื้น โครงการย่อยที่ 2 ศึกษาการใช้ปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดินและน้ำหมักมูลไส้เดือนดินต่อการปลดปล่อย CO2 และปริมาณไนโตรเจนในรูปNH4+และ NO3-ในดิน พบว่า ทั้งดินที่ผ่านการอบฆ่าเชื้อและดินที่ไม่ผ่านการอบฆ่าเชื้อที่ใส่น้ำหมักมูลไส้เดือนดินและตัวไส้เดือนดินลงไป มีการปลดปล่อย CO2สูงสุด รวมทั้งมีปริมาณไนโตนเจนในรูปNH4+ที่วัดได้สูงกว่าการใส่มูลไส้เดือนดิน ส่วนการใช้มูลไส้เดือนดินมีแนวโน้มทำให้ปริมาณไนโตรเจนในรูปNO3-สูงกว่า การใส่น้ำหมักมูลไส้เดือนดินและตัวใส่เดือนดิน นอกจากนี้ในการศึกษาคาร์บอนส่วนต่างๆและไนโตรเจนที่เป็นประโยชน์ : ผลของชนิดดิน ระดับความชื้น และการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนซ้ำ พบว่า อัตราการปลดปล่อย CO2ที่ระดับความชื้นWL มีการปลดปล่อย CO2 เฉลี่ยสูงกว่า CO2เฉลี่ย และดินหางดง มีการปลดปล่อย CO2เฉลี่ยสูงกว่าดิน น้ำพอง DOC and C-SMB (หางดง) < (น้ำพอง) และระดับความชื้นWL > 60% WHC เมื่อ DOC ลดลง ปริมาณ C-SMB เพิ่มขึ้นที่ระดับความชื้น 60% WHC ในขณะที่ DOC เพิ่ม ปริมาณ C-SMB ลดลงที่ระดับความชื้น WL ,ปริมาณแอมโมเนีย (NH4+)WL มีปริมาณ NH4+สูงกว่าดินที่มีระดับความชื้นแบบ 60% WHC (หางดง) จะมีปริมาณ NH4+สูงกว่าดินเนื้อหยาบและอินทรียวัตถุต่ำ (หางดง),ปริมาณไนเตรท(NO3-) ใส่ N ครั้งที่2 ผ่านไป14 วันหรือวันที่28 ของการบ่มดินผลระดับความชื้น WL มีปริมาณ NO3-สูงกว่าแบบ 60% WHC ดินหางดง จะมีปริมาณ NO3- สูงกว่า ดินน้ำพอง โครงการย่อยที่ 3 ศึกษาการใช้ปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดินในการปลูกพืช กระเจี๊ยบเขียว พริกหนุ่มเขียว ดาวเรืองและเบญจมาศ พบว่าการใช้ปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดินร่วมกับปุ๋ยเคมีหรือใช้ปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดินเพียงอย่างเดียวส่งผลให้ดินมีการเปลี่ยนแปลง pH น้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับดินก่อนปลูก โดยดินมีการรักษาระดับ pH อยู่ที่ 6-7.5 ในขณะที่ปริมาณอินทรียวัตถุ (OM) ไนโตรเจนที่เป็นประโยชน์ต่อพืช (Available N) ฟอสฟอรัส (P) และโพแทสเซียม (K) มีการสะสมและหลงเหลืออยู่ในดินหลังปลูกมากกว่าตำรับที่มีการใส่ปุ๋ยเคมีเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้การใช้ปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดินส่งผลต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตของพืชทั้ง 4 ชนิดแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ โดยตำรับที่มีการใช้ปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดินร่วมกับปุ๋ยเคมีส่งผลให้การเจริญเติบโตในด้านความสูง ความกว้างทรงพุ่ม จำนวนดอก/ผล/ฝัก และผลผลิตรวม สูงที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับตำรับที่มีการใช้ปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดินหรือปุ๋ยเคมีเพียงอย่างเดียว การศึกษาครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าการใช้ปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดินส่งผลดีต่อสมบัติบางประการของดินและการเจริญเติบโตของกระเจี๊ยบเขียว พริกหนุ่มเขียว ดาวเรืองและเบญจมาศ โครงการย่อยที่ 4 ศึกษาผลของปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดินต่อการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติทางฟิสิกส์ของดิน ตลอดจนการเจริญเติบโตและผลผลิตของข้าวโพดหวานที่ปลูกในแปลงเกษตรกร ชุดดินบุรีรัมย์ (Buri Ram series : Br) พบว่าการใส่ปุ๋ยหมักมูลไส้เดือน อัตรา 1 ตันต่อไร่ ร่วมกับการฉีดพ่นน้ำหมักมูลไส้เดือนดิน สามารถเพิ่มผลผลิตข้าวโพดหวานใกล้เคียงกับการใส่ปุ๋ยเคมีมากที่สุดและยังสามารถเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดินและปรับสภาพดินให้เหมาะสมกับการปลูกพืชได้ดีกว่าการใส่ปุ๋ยเคมีเพียงอย่างเดียวโดยสามารถเพิ่มปริมาณอินทรียวัตถุในดินจากเดิม 0.05 เปอร์เซ็นต์ เป็น 0.49 เปอร์เซ็นต์ และปรับสภาพความเป็นกรดเป็นด่างของดินจากเดิม 4.65 เป็น 6.5และมีอัตราการแทรกซึมน้ำอยู่ระหว่าง 87,441-98,543 ลิตรต่อไร่ ขณะที่การใส่ปุ๋ยเคมีพบปริมาณอินทรียวัตถุในดิน 0.06 เปอร์เซ็นต์ และมีค่าความเป็นกรดเป็นด่างของดินเท่ากับ 5.2 และมีอัตราการแทรกซึมน้ำลดลงที่ระยะ 60 วัน หลังปลูกเท่ากับ 69,657 ลิตรต่อไร่ โครงการย่อยที่ 5 ในด้านการศึกษาวิเคราะห์ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจการลงทุนของธุรกิจไม้ดอกไม้ประดับโดยใช้ปุ๋ยหมักไส้เดือนดินในจังหวัดเชียงใหม่และศึกษาสภาพตลาดเดิมและแนวทางการพัฒนาตลาดใหม่ของธุรกิจฯ โดยการสำรวจภาคสนามด้วยวิธีการสัมภาษณ์และเก็บแบบสอบถามจากเกษตรกรผู้ผลิตและจำหน่ายไม้ดอกไม้ประดับจากฐานข้อมูลจากฐานข้อมูลสถิติของศูนย์วิจัยและพัฒนาไส้เดือนดินแม่โจ้ โดยพื้นที่ปลูกและจำหน่ายอยู่ในพื้นที่อำเภอสะเมิง อำเภอสันทราย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 60 ครัวเรือนนำมาวิเคราะห์หาความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจการลงทุนของธุรกิจฯ พบว่าการลงทุนผลิตและจำหน่ายไม้ดอกไม้ประดับมีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจสำหรับการลงทุน เนื่องจากผลตอบแทนที่ได้รับมากกว่าต้นทุนซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่จ่ายออกไปและผลการศึกษาสภาพตลาดเดิมและแนวทางการพัฒนาตลาดใหม่ของธุรกิจฯ พบว่า ไม้ดอกไม้ประดับทั้ง 3 ชนิด มีการจำหน่ายอยู่ในรูปดอกไม้สด ซึ่งไม่ได้มีการเพิ่มมูลค่าให้แก่ไม้ดอกไม้ประดับแต่อย่างใด ราคาที่จำหน่ายขึ้นอยู่กับพ่อค้าคนกลางในตลาดท้องถิ่นที่รับซื้อแหล่งจำหน่ายส่วนใหญ่อยู่ในตลาด วโรรส อ.เมือง จ.เชียงใหม่ และตลาดอื่นๆ ในต่างจังหวัดได้แก่ ตลาดจังหวัดขอนแก่น ภูเก็ต สุโขทัย และอุตรดิตถ์ และการส่งเสริมการตลาดอยู่ในลักษณะพ่อค้าคนกลางที่รับซื้อจะมีบริการในการขนส่งให้ฟรีโดยครัวเรือนเกษตรกรไม่ต้องรับภาระค่าใช้จ่ายในการขนส่ง
บทคัดย่อ (EN): Objective of the project potential of vermicompost from local Thai earthworms and various organic wastes on agricultural systems and environment was to study the models that suitable for raising and vermicomposting each local Thai earthworms species. Including the characterization of vermicompost fertilizer to apply cultivation of agricultural crops and improve soil fertility, including information that can be used to plan a commercial vermicomposting fertilizer efficiently. Sub project 1 The aim of this study was to investigate the appropriate models for vermiculture production with different type of thai local earthworms. The studied had been used 4 different models (factor A) including; soil pit, compost pile, cement pit and plastic box with 5 species of earthworms (factor B) including; Perionyx sp.1, Perionyx sp.2, Eudrilus eugeniae, Metaphire posthuma and Amynthas sp. The experiment was carried out for 2 months under outdoor conditions and under greenhouse at the Earthworm Research and Development Center, in Maejo University, Thailand. The results can be summarized as follows: earthworm species Perionyx sp.1, Perionyx sp.2 and Eudrilus eugeniae were suitable for vermiculture in all models tested, Amynthas sp. was suitable for a specific model compose pile and Metaphire posthuma was suitable for a specific model compose pile and cement pit. Sub project 2 The study on CO2 release and determination of total available nitrogen estimate by the amount of NH4+ and NO3- in soil sample through incubation after added vermicompost, vermicompost liquid and various earthworms showed maximum CO2 release of during the first week of incubation in unsteriled soil with earthworm and steriled soil mixed with vermicompost liquid. The available nitrogen was found in unsterile soil mixed with vermicompost liquid and unsterile soil mixed with earthworm showed NH4+ content higher than vermicompost adding and vermicompost have likely to make volume NO3- higher than vermicompost liquid and various earthworms in normal soil. The study on carbon fraction and available nitrogen combined with soil types, moisture content and repeated of nitrogen addition found that CO2 evolution rate, the moisture content of WL released CO2 higher than average CO2 evolution and Hang Dong series average CO2 release was higher than Nam Phong series, DOC and C-SMB (Hang Dong) < (Nam Phong) with moisture content > 60% WHC. When DOC was decrease while C-SMB volume was increase at the moisture content of 60% WHC. While DOC was increase but C-SMB volume was decrease at the moisture content of WL, Ammonium (NH4+) volume of WL had NH4+ higher than soil that had the moisture content of 60% WHC. Hang Dong series had NH4+ volume higher than coarse textures and low organic matter soil (Hang Dong), nitrate (NO3-) volume that added in the second times after 14 days or day 28 of incubation period showed the moisture content of WL with nitrate (NO3-) volume higher than the level of 60% WHC. Hang Dong soil series had nitrate (NO3-) volume higher than Nam Phong soil series. Sub project 3 The study on the quality and application of vermicompost for agriculture production was studied at four plants (Okra, Green peper, Marigold and Chrysanthemum). The results of this study showed that the vermicompost and the combination between vermicompost and chemical fertilizer treatments maintained soil pH at 6.0-7.5, and the amount of organic matter, available nitrogen (avail. N), phosphorus (P), and potassium (K) remained in the soils more than chemical fertilizer treatment. Also, the combination between vermicompost and chemical fertilizer was found most effective as it gave highest of height and spread of plant, number of flower/fruit per plant, and total yields more than the only one vermicompost or chemical fertilizer treatments. The results indicated that the vermicompost application gave the positive affect to some soil properties and the growth of Okra, Green peper, Marigold and Chrysanthemum. Sub project 4 The study effects of vermicompost on physical properties of the soil, growth and yield of sweet corn. This experiment was investigated in a farmer's field. (Buri Ram Soil series: Br). The Results found that the application of vermicompost 1 ton per rai rate with injection liquid vermicompost , sweet corn can yield close to the fertilizer and can also increase the fertility of the soil and the soil suitable for growing crops than chemical fertilizer as well. The application of vermicompost also increase the amount of organic matter in the soil from 0.05 percent to 0.49 percent and adjust the pH of the soil from 4.65 to 6.5 and rate of water infiltration between 87,441 to 98,543 liters per rai. ,while chemical fertilizer there amount of organic matter in the soil only 0.06 percent, soil pH was 5.2 and rate of infiltration of water within 60 days 69,657 liters per rai. Sub project 5 The studies analyze the economic worthiness by application of Net Present Value (NPV), Benefit Cost Ratio (BCR), Internal Rate of Return (IRR) and Payback period (PB). Second objective studied marketing situation for development flowering and ornamental plants business by marketing mix theory. Data were collected by field surveys and interviews with the questionnaire. The sample group in this study consisted of 60 farmers who produced and sold these flowering and ornamental plants in Chiang Mai province from Center of Maejo earthworms Research Development. Findings showed that flowering and ornamental plants business to pheretima peguana compost fertilizer application have worthiness. It meant that farmers who produced and sold these flowering and ornamental plants had higher income than investment costs. Furthermore, sale of flowering and ornamental plants were fresh flowers which they didn’t process to other form. Their prices depended on middlemen who were in local market. They were distributed at Talat Warorot market Chiang Mai province and other market such as Khon Kaen, Phuket, Sukhothai and Uttaradit. Finally, middlemen who bought these flowering and ornamental plants were available transportation for farmers. This production is motivation to develop for flowering and ornamental plants business. However, the pheretima peguana compost fertilizer applications bring about cost reduction for improvement this production to provide safe and quality products for consumers.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยแม่โจ้
คำสำคัญ: การลงทุนธุรกิจไม้ดอกไม้ประดับ
คำสำคัญ (EN): Earthworm
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยแม่โจ้
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง

อานัฐ ตันโช. "ศักยภาพของปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดินท้องถิ่นไทย ที่ผลิตจากขยะอินทรีย์ต่อระบบการเกษตรและสิ่งแวดล้อมPotential of Vermicompost from Local Thai Earthworms and Various Organic Wastes on Agricultural Systems and Environment". มหาวิทยาลัยแม่โจ้. 2555

อานัฐ ตันโช. "ศักยภาพของปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดินท้องถิ่นไทย ที่ผลิตจากขยะอินทรีย์ต่อระบบการเกษตรและสิ่งแวดล้อมPotential of Vermicompost from Local Thai Earthworms and Various Organic Wastes on Agricultural Systems and Environment". มหาวิทยาลัยแม่โจ้. 2555. Print.



TARR Wordcloud:
ศักยภาพของปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดินท้องถิ่นไทย ที่ผลิตจากขยะอินทรีย์ต่อระบบการเกษตรและสิ่งแวดล้อม
อานัฐ ตันโช
มหาวิทยาลัยแม่โจ้
2555
ศึกษาแนวทางการผลิตปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดินด้วยสายพันธุ์ท้องถิ่นไทย ผลของการจัดการดินและปุ๋ยต่อผลผลิตต้นสดและลักษณะทางการเกษตรบางประการของข้าวฟ่างหวาน ระบบโรงเรือนอัจฉริยะเพื่อการผลิตผักสลัดอินทรีย์ การผลิตสารชีวภัณฑ์จากจุลินทรีย์ลำไส้ปลวกเพื่อการเกษตรพลังงานและสิ่งแวดล้อม วัสดุรองพื้นต่างชนิดกันที่มีผลต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตปุ๋ยหมักจากไส้เดือนดิน การผลิตปุ๋ยหมักมูลไส้เดือนดินจากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรและวัสดุอินทรีย์จากชุมชนสำหรับส่งเสริมเกษตรกรอินทรีย์ในพื้นที่สูงของมูลนิธิโครงการหลวง การวิจัยและพัฒนาจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพในการจัดการสิ่งแวดล้อม พฤติกรรมของธาตุฟอสฟอรัสในดินในระบบเกษตรแบบประณีต การผลิตเชื้อจุลินทรีย์สำหรับย่อยสลายสารในขยะและน้ำเสียเชิงพาณิชย์ ศึกษาแนวทางการใช้ปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพในการผลิตส้มสายน้ำผึ้ง
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก
พัฒนาระบบโดยศูนย์ความรู้เฉพาะด้านวิศวกรรมความรู้และวิศวกรรมภาษาDeveloped by Center of Excellence for Unified Knowledge and Language Engineering
สนับสนุนโดยสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)Supported by the Agricultural Research Development Agency (Public Organization)
แบบสำรวจความพึงพอใจQuestionair