สืบค้นงานวิจัย
การจัดการสวนองุ่นเพื่อเพิ่มผลผลิต
ณัฐธิญา เบือนสันเทียะ - มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
ชื่อเรื่อง: การจัดการสวนองุ่นเพื่อเพิ่มผลผลิต
ชื่อเรื่อง (EN): Vineyard management to enhance grape production
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: ณัฐธิญา เบือนสันเทียะ
บทคัดย่อ: องุ่น (vitis spp.) จัดเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความสำคัญมากที่สุดอย่างหนึ่งของมนุษยชาติ ได้รับความ นิยมปลูกมานาน ตั้งแต่ 5000 ปี ก่อน ศริสต์กาล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Vitis vinjfera ซึ่งมีถิ่นกำเนิดในแถบ เอเซียไมเนอร์ /มดิเตอเรเนียน จากนั้นได้แพร่กระจายไปทั่วยุโรปและส่วนอื่นของเอเชีย ปัจจุบันพื้นที่ปลูก องุ่นได้แพร่ขยายไปทั่วทุกมุมโลก เนื่องจากองุ่นเป็นผลไม้ที่ให้ผลผลิตต่อไร่ค่อนข้างสูงมาก สามารถนำไปแปร รูปเป็นผลิตภัณฑ์ใด้หลากหลาย และให้ผลตอบแทนค่อนข้างสูง ทำให้องุ่นได้รับการขยายพื้นที่ปลูกไปเกือบทั่ว ทุกภาคของประเทศไทย การผลิตองุ่นให้ได้ผลผลิตคุ้มค่การลงทุนและปลอดภัยต่อผู้บริโภคจำเป็นจะต้องมี เทคโนโลยีเฉพาะที่อาจเรียกได้ว่าเป็นเทคโนโลยีการผลิตองุ่นในเขตร้อนขึ้น (Tropical grape) ซึ่งค่อนข้าง แตกต่างจากเทคนโลยีการผลิตในแหล่งกำเนิดขององุ่นเอง อย่างไรก็ตามการปลูกองุ่นในประเทศไทยพบ ปัญหาเรื่องโรคและแมลงเข้าทำลาย ก็พบเป็นอย่างมาก ทำให้จำเป็นต้องใช้สารเคมีปริมาณมากในการป้องกัน กำจัด ส่งผลให้เกิดการต้านทานของโรคและแมลง อีกทั้งยังเกิดการสะสมของสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อ เกษตรกรและผู้บริโภค การกระตุ้นให้พืชเกิดความต้านทานของพืชให้มีการกระจายทั่วทั้งต้น (systemic resistance) เป็นวิธีการหนึ่งที่ช่วยให้พี่ชสามารถสร้างความต้านทานต่อโรค ซึ่งการควบคุมโรคสแคบในองุ่นที่ เกิดจากเชื้อรา Sphaceloma ampelinum โตยใช้ความต้านทานหลังถูกกระตุ้นจากสิ่งกระตุ้น กระทำโดย แยกเชื้อ ร. ampelinum จากองุ่นพันธุ์ Black queens จากฟาร์มมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี แล้วนำไป ทดสอบความสามารถในการก่อโรค พบว่าไอโซเลต G84 ให้จำนวนแผลมากที่สุด เฉลื่ย 12.5 แผลต่อชิ้นใบ การศึกษาความต้านทานที่เกิดจากการถูกกระตุ้นต่อเชื้อไอโซเลต GB4 กระทำโตยฉีดพ่นสิ่งกระตุ้น 2 ชนิตคือ ไคโตซานและ Benzo (1,2,3) -thiadiazole-7-carbothionic acid S-methyl ester (BTH) ที่ 3 ระดับ ความเข้มข้น บนใบกลางของกิ่งซำองุ่นพันธุ์ Black queens อายุ 2 เดือนในสภาพเรือนทตลอง วางแผนการ ทดลองแบบ Randomized Complete Block Design (RCBD)โดยการเก็บผลวิเคราะห์ปริมาณ Salicylic acid (SA) การทดลองจัดสิ่งทด ดลองเป็น 4 ชุด โดย 3 ชุดเก็บผลเพื่อนำไปวิเคราะห์ SA และเอนไซม์ สุ่มเก็บ ตัวอย่างใบมาวิเคราะห์ 3 ช่วงเวลา คือหลังฉีดพ่นสิ่งกระตุ้นทันที หลังฉีตพ่นสิ่งกระตุ้น 7 วันและหลังฉีดพ่นสิ่ง กระตุ้น 14 วันซึ่งเป็นครั้งที่โรคแสดงอาการและ 1 ชุด ใช้สำหรับประเมินคะแนนการเกิดโรคหลังฉีดพ่นสิ่ง กระตุ้น 14 วัน หลังจากฉีดพ่นกิ่งองุ่นที่ได้รับการกระตุ้นด้วยสิ่งกระตุ้นแล้ว 7 วันโตยใช้สารแขวนลอยสปอร์ ของเชื้อ S. ampelinum GB4 ผลประเมินการเกิโรคพบว่า การฉีดพ่นสิ่งกระตุ้นสารละลายไคโตชานเข้มข้น 5,000 มิลลิกรัม/ลิตร เกิดโรคสแคบต่ำที่สุดเฉลี่ย 1.33 คะแนน และเริ่มแสตงอาการของโรคในวันที่ 5 หลัง ปลูกเชื้อ ในขณะที่การใช้น้ำกลั่นนี่งฆ่าเชื้อเป็นชุดควบคุม เกิดโรคสแคบสูงสุดเฉลี่ย 4.89 คะแนน และเริ่ม ปรากฏอาการของโรคในวันที่ 2 หลังการปลูกเชื้อ และกิจกรรมของเอนไซม์ที่ 7 วันพบว่าไคโตซานและ BTH ทั้ง 3 ระดับความเข้มข้นสามารถกระตุ้นให้องุ่นมีปริมาณสาร SA และมีกิจกรรมของเอนไซม์เพิ่มมากขึ้นอย่าง มีนัยสำคัญทางสถิติ การเพิ่มของปริมาณ SA และกิจกรรมของเอนไซม์ในวันที่ 14 หลังฉีดพ่นสิ่งกระตุ้น เป็นไปในแนวทางเดียวกันกับที่พบในวันที่ 7 แต่ความแตกต่งของปริมาณสารและกิจกรรมสูงมากกว่าที่พบใน วัน โดยสารไคโตซานเข้มข้น 2,500 มิลลิกรัม/ลิตร และ BTH เข้มข้น 100 มิลิกรัม/ลิตร ทำให้ปริมาณสาร SA เพิ่มขึ้นสูงสุดคือ 13.08 และ 12.15 Jg g-1 fresh weight ตามลำดับ แต่ไม่แตกต่างทางสถิติจากความ ข้มข้นในระดับอื่น ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า การใช้สารไโตซาน และสาร BTH สามารถช่วยลดการเกิด โรคสแคบที่เกิดจากเชื้อรา S. ampelinum ในองุ่น ได้ นอกจากนี้ การให้น้ำและปุยหรือธาตุอาหารที่จำเป็นทั้ง 16 ขนิดในสัดส่วนที่เหมาะสม หากได้รับธาตุ อาหารไม่สมดุลจะมีผลกระทบต่อการเจริญเดิบโตและผลผลิต อาการขาดธาตุอาหารสามารถวินิฉัยได้โดยการ วิเคราะห์เนื้อเยื่อพืชด้วยวิธีเคมี ซึ่งเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการตรวจสอบความผิดปกติของธาตุอาหารในพืช ปัจจุบันได้มีการนำเทคนิคการเรื่องรังษีด้วยแสงชินโครตรอน (XRF) มาใช้ในการตรวจหาธาตุบางชนิดในวัตถุ ต่างๆ เทคนิคนี้สามารถใช้ได้กับตัวอย่างที่มีขนาดเล็กและรวดเร็วกว่าวิธีทางเคมี ดังนั้นเทคนิคนี้อาจนำมา ประยุกต์ในการวินิจฉัยระดับธาตุอาหารในพืชได้ โดยวางแผนการทดลองแบบ RCBD จำนวน 7 ทรีตเมนต์ 3 ซ้ำ ประกอบไปด้วย T1 ชุดควบคุม, 72 ให้น้ำทางผิวดิน และให้ปุยทางดินสูตร 12-14-12, T3 ให้น้ำหยด และ ให้ปุ๋ยทางตินสูตร 12-14-12, T4 ให้ปุ๋ยในระบบน้ำหยดสูตร 12-14-12, T5 ให้ปุ๋ยในระบบน้ำหยด สูตร 10.2 4.2-1 7.9, T6 ให้ปุยในระบบน้ำหยด สูตร 10.2 4.2-17.9 +ธาตุอาหารรอง, 17 ให้ปุ๊ยในระบบน้ำหยด สูตร 10.2 4.2 17. 9 *ธาตุอาหารรอง +ธาตุอาหารเสริม ในทุกทรีตเมนต์ยกเว้นชุดควบคุม ให้ปุ๋ยธาตุอาหารหลัก 83 กรัม/ต้น ผลการทดลองพบว่าการให้น้ำในระบบน้ำหยด มีการเจริญเติบโตขององุ่นดีกว่าการให้น้ำผิวดิน ส่วน การให้ปุ๋ยในระบบน้ำหยดสูตร 10.2-4.2-17.9 (T5) มีแนวโน้มว่ส่งเสริมให้องุ่นมีการเจริญเติบโตทางด้าน ความยาวกิ่ง จำนวนใบ เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น และปริมาณคลอโรฟิลล์ในใบกลางได้สูงที่สุด ส่วนการวินิจฉัย การสะสม ฟอสฟอรัส โปแทสเซียม และแคลเซียม ในใบองุ่นโตย XRF และวิธีทางเคมี ผลการทดลองพบว่า จากการวิเคราะห์ธาตุอาหารในใบด้วยวิธีคมี ทุกรีตเมนต์มีการสะสมของฟอสฟอรัส โปแทสเซียมอยู่ในความ เข้มข้นที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตขององุ่น แต่ธาตุแคลเชียมส่วนใหญ่มีปริมาณระดับต่ำกว่าที่เหมาะสม ยกเว้น T6 และ 17 ซึ่งมีการใส่ธาตุแคลเซียมร่วมด้วยจะมีแคลเซียมในใบที่พอเพียง ส่วนการเปรียบเทียบการ วิเคราะห์ธาตุอาหารพืชด้วยวิธีเคมี และวิธีXRF พบว่าทั้ง 2 วิธีให้ผลไปในทิศทางเดียวกัน โดยค่าวิเคราะห์ สหสัมพันธ์ (R) ระหว่างวิธีการวิเคราะห์ ฟอสฟอรัส โปแทสเซียม และแคลเซียม ที่ 69.3%, 63.7% และ 74.78 ตามลำตับซึ่งแสดงให้เห็นว่า วิธีXRF สามารถประยุกต์ช้และตรวจวินิจฉัยสถานะของธาตุอาหารในใบ องุ่นได้
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
คำสำคัญ: การให้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินและเนื้อเยื่อพืช
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การจัดการสวนองุ่นเพื่อเพิ่มผลผลิต
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
30 กันยายน 2555
โรคสแคปขององุ่น (Sphaceloma ampelinum de Bary) การศึกษาการเพิ่มผลผลิตสวนมะพร้าว ในสภาพดินทรายชุดบ้านทอนจากการเลี้ยงสัตว์ การศึกษาและวิเคราะห์การผลิตและการตลาดขององุ่นโครงการหลวง การปรับปรุงสภาพแวดล้อมเพื่อเพิ่มผลผลิตน้ำนมในฟาร์มของเกษตรกรรายย่อยในภาคตะวันออก ผลของปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงร่วมกับปุ๋ยเคมีต่ผลผลิตและคุณภาพขององุ่นพันธุ์ Perlette (ชื่อเดิม : ผลของปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงและปุ๋ยอินทรีย์น้ำต่อผลผลิตและคุณภาพขององุ่นพันธุ์ Perlette) การศึกษาเบื้องต้นเพื่อเพิ่มผลผลิตหญ้าชันกาด (Panicum repens) ในสภาพดินเหนียวการระบายน้ำเลว การทดลองเปรียบเทียบผลผลิตของอัลฟัลฟ่า การสร้างสวนหม่อนใหม่ให้ได้ผลผลิตสูง การทดลองหาผลผลิตของพืช 4 ชนิด เพื่อใช้ทำปุ๋ยหมัก ลักษณะการออกดอก การเจริญเติบโตและผลผลิตของเมล็ดหญ้ารูซี่
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก