สืบค้นงานวิจัย
ผลของการกินอาหารที่มีถั่วเหลืองมากต่อระดับไขมันและไลปิดเปอร์อ็อกซิเดชั่น และการทำงานของไตในผู้ป่วยเอส
Duangnapa Danboonchant - มหาวิทยาลัยมหิดล
ชื่อเรื่อง: ผลของการกินอาหารที่มีถั่วเหลืองมากต่อระดับไขมันและไลปิดเปอร์อ็อกซิเดชั่น และการทำงานของไตในผู้ป่วยเอส
ชื่อเรื่อง (EN): (SLE)‬
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Duangnapa Danboonchant
บทคัดย่อ: โรคเอส แอล อี เป็นโรคภูมิแพ้ชนิดหนึ่งเกิดจากความผิดปกติของภูมิคุ้มกันทำให้เกิดการอักเสบที่อวัยวะต่างๆ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้เกิดความเจ็บป่วยและเพิ่มอัตราเสี่ยงต่อการเสียชีวิตเนื่องจากโรคหัวใจและโรคไต ปัจจุบันพบว่าการรับประทานถั่วเหลืองเป็นส่วนหนึ่งของอาหารมีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายด้านเช่น การลดระดับไขมันในเลือด ช่วยฟื้นฟูเซลล์ของผนังหลอดเลือด อาจช่วยลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดและช่วยชะลอความเสื่อมของการทำงานของไต องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาได้ให้คำแนะนำแก่ประชาชนว่า การบริโภคโปรตีนจากถั่วเหลืองอย่างน้อย 25 กรัมต่อวัน ร่วมกับการรับประทานอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวและโคเลสเตอรอลต่ำ สามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจได้ การวิจัยครั้งนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่อศึกษาผลของอาหารที่มีปริมาณของถั่วเหลืองมากต่อระดับไขมันในเลือด ไลปิดเปอร์อ๊อกซิเดชั่นและการทำงานของไตในผู้ป่วยโรคเอส แอล อี อาสาสมัครเป็นผู้หญิงที่เป็นโรคเอส แอล อี ทั้งหมด 20 คน (อายุ 19-56 ปี) ซึ่งอยู่ในช่วงที่โรคสงบ เข้าร่วมในการวิจัยจนสิ้นสุดการทดลอง การวิจัยประกอบด้วย 2 ช่วงเวลา ช่วงละ 12 สัปดาห์ และมีช่วงพัก 4 สัปดาห์ ช่วงแรกของการวิจัยจะแบ่งอาสาสมัครแบบสุ่มเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ได้รับอาหารจากถั่วเหลืองก่อน และกลุ่มควบคุม (งดถั่วเหลือง) ส่วนช่วงที่สองของการวิจัยจะสลับกลุ่มการรับประทานอาหาร อาสาสมัครทั้งสองกลุ่มได้รับคำแนะนำให้เลือกรับประทานอาหารที่มีไขมันและโคเลสเตอรอลต่ำและมีกิจกรรมที่ใช้กำลังเหมือนเดิมตลอดระยะเวลาการวิจัย เมื่ออยู่ในช่วงที่ต้องรับประทานอาหารจากถั่วเหลือง อาสาสมัครจะได้รับอาหารจากถั่วเหลืองเพื่อทดแทนเนื้อสัตว์บางส่วนตามที่ผู้วิจัยจัดให้ (ซึ่งจะทำให้ได้รับโปรตีนจากถั่วเหลืองอย่างน้อย 25 กรัม และได้สารไอโซฟลาโวน 50 มก. ต่อวันโดยเฉลี่ย) อาสาสมัครจะได้รับการเจาะเลือด, เก็บปัสสาวะ 24 ชั่วโมง, วัดความดันโลหิต และ วัดสัดส่วนร่างกาย ก่อนและหลังสิ้นสุดแต่ละช่วงของชนิดอาหาร ซึ่งวัดโดยบุคคลเดียวกันตลอด ผลการศึกษาพบว่าน้ำหนักตัว ค่าสัดส่วนของร่างกาย ระดับไขมันในเลือด (โคเลสเตอรอล แอลดีแอล-โคเลสเตอรอล เอชดีแอล-โคเลสเตอรอล เและไตรกลีเซอไรด์) ระดับน้ำตาล ไลปิดเปอร์ไฮโดรเปอร์อ๊อกไชด์ และคอนจูเกทไดอีนในเลือด ค่าความดันโลหิด ค่าดัชนีชี้วัดการทำงานของไต ได้แก่ Cleatinine clearance และ Glomerular filtration rate และค่า nitrogen balance ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเมื่อเปรียบเทียบกับค่าเริ่มต้นและเมื่อเปรียบเทียบกันระหว่างอาหารทั้งสองชนิด เป็นที่น่าสังเกตว่าค่า nitrogen balance มีค่าเป็นบวกหลังสัปดาห์ที่ 12 ของช่วงที่รับประทานอาหารที่มีถั่วเหลืองมากเท่านั้น จากผลการวิจัยสรุปได้ว่า การบริโภคอาหารที่มีปริมาณของถั่วเหลืองมากไม่สามารถแสดงประโยชน์ที่ชัดเจนต่อการลดระดับไขมันในเลือด ระดับไลปิดเปอร์ออกซิเดชั่น และการชะลอความเสื่อมของไตในผู้ป่วยเอส แอล อี ที่อยู่ในระยะโรคสงบ แต่อย่างไรก็ตามการบริโภคถั่วเหลืองในปริมาณที่แนะนำ ไม่ทำให้ผู้ป่วยเอส แอล อี มีอาการกำเริบของโรคเกิดขึ้น
บทคัดย่อ (EN): Systemic Lupus Erythematosus (SLE) is an autoimmune disease which may lead to significant morbidity and mortality from accelerated vascular disease with heart attack, strokes, other atherogenic complication and renal involvement. Soy potentially has multifaceted health-promoting effects, including cholesterol reduction, improvement of vascular health and salutary effects on renal function. An increasing number of studies have shown a significant impact of regular consumption of soy protein as part of a diet low in saturated fat and cholesterol on vascular health and subsequent risks for heart disease and kidney function. The objective of this study was to determine the effect of soy-rich diet on lipid profile, lipid peroxidation and renal function in patients with SLE. Twenty hyperlipidemic female patients with SLE aged 37.8+11.0 years under inactive phase, participated in a randomized crossover trial with two 12-wk diets and 4-wk washout period before and between treatments. The study diets consisted of a control diet (soy-free diet) and an isocaloric soy-rich diet (25 g soy protein in various forms of provided soyfoods containing more than 50 mg isoflavones daily, substituted for animal protein). Subjects were asked to fill-in daily eaten soy food consumption checklist. During both study periods, subjects consumed self-selected diet with low fat and low cholesterol foods. Subjects were asked to maintain a consistent level of physical activity throughout the study period. A fasting blood sample and a 24-hour urine sample were collected at the beginning and end of each 12-wk period. Blood pressure and anthropometric measurements (3 times by the same person throughout the study) were taken at the start and end of each diet. Seven-days food record was evaluated at all visits. No significant differences were observed in baseline values between two groups. Compared with baseline, no significant reduction in body weight, fasting blood sugar (FBS), total cholesterol (TC), low density lipoprotein cholesterol (LDL-C), high density lipoprotein (HDL-C), triglycerides, plasma lipid hydroperoxides, plasma conjugated diene, blood pressure, creatinine clearance (Ccr), glomerular filtration rate (GFR) and nitrogen balance were observed after both 12-wks treatments. It should be noticed that positive nitrogen balance occurred only after the soy-rich diet period. To our knowledge, this is the first dietary intervention in Thai patients with SLE. The beneficial effect of consumption 25 g soy protein daily on lipid profile, lipid peroxidation and renal function is unproved. However, including 25 g of soy protein a day as part of a diet low in saturated fat and cholesterol had no harmful effects in SLE patients
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=126&RecId=2373&obj_id=1252
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยมหิดล
คำสำคัญ (EN): Systemic lupus erythematosus
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยมหิดล
รายละเอียด: โรคเอส แอล อี เป็นโรคภูมิแพ้ชนิดหนึ่งเกิดจากความผิดปกติของภูมิคุ้มกันทำให้เกิดการอักเสบที่อวัยวะต่างๆ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้เกิดความเจ็บป่วยและเพิ่มอัตราเสี่ยงต่อการเสียชีวิตเนื่องจากโรคหัวใจและโรคไต ปัจจุบันพบว่าการรับประทานถั่วเหลืองเป็นส่วนหนึ่งของอาหารมีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายด้านเช่น การลดระดับไขมันในเลือด ช่วยฟื้นฟูเซลล์ของผนังหลอดเลือด อาจช่วยลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดและช่วยชะลอความเสื่อมของการทำงานของไต องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาได้ให้คำแนะนำแก่ประชาชนว่า การบริโภคโปรตีนจากถั่วเหลืองอย่างน้อย 25 กรัมต่อวัน ร่วมกับการรับประทานอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวและโคเลสเตอรอลต่ำ สามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจได้ การวิจัยครั้งนี้จึงมีจุดประสงค์เพื่อศึกษาผลของอาหารที่มีปริมาณของถั่วเหลืองมากต่อระดับไขมันในเลือด ไลปิดเปอร์อ๊อกซิเดชั่นและการทำงานของไตในผู้ป่วยโรคเอส แอล อี อาสาสมัครเป็นผู้หญิงที่เป็นโรคเอส แอล อี ทั้งหมด 20 คน (อายุ 19-56 ปี) ซึ่งอยู่ในช่วงที่โรคสงบ เข้าร่วมในการวิจัยจนสิ้นสุดการทดลอง การวิจัยประกอบด้วย 2 ช่วงเวลา ช่วงละ 12 สัปดาห์ และมีช่วงพัก 4 สัปดาห์ ช่วงแรกของการวิจัยจะแบ่งอาสาสมัครแบบสุ่มเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ได้รับอาหารจากถั่วเหลืองก่อน และกลุ่มควบคุม (งดถั่วเหลือง) ส่วนช่วงที่สองของการวิจัยจะสลับกลุ่มการรับประทานอาหาร อาสาสมัครทั้งสองกลุ่มได้รับคำแนะนำให้เลือกรับประทานอาหารที่มีไขมันและโคเลสเตอรอลต่ำและมีกิจกรรมที่ใช้กำลังเหมือนเดิมตลอดระยะเวลาการวิจัย เมื่ออยู่ในช่วงที่ต้องรับประทานอาหารจากถั่วเหลือง อาสาสมัครจะได้รับอาหารจากถั่วเหลืองเพื่อทดแทนเนื้อสัตว์บางส่วนตามที่ผู้วิจัยจัดให้ (ซึ่งจะทำให้ได้รับโปรตีนจากถั่วเหลืองอย่างน้อย 25 กรัม และได้สารไอโซฟลาโวน 50 มก. ต่อวันโดยเฉลี่ย) อาสาสมัครจะได้รับการเจาะเลือด, เก็บปัสสาวะ 24 ชั่วโมง, วัดความดันโลหิต และ วัดสัดส่วนร่างกาย ก่อนและหลังสิ้นสุดแต่ละช่วงของชนิดอาหาร ซึ่งวัดโดยบุคคลเดียวกันตลอด ผลการศึกษาพบว่าน้ำหนักตัว ค่าสัดส่วนของร่างกาย ระดับไขมันในเลือด (โคเลสเตอรอล แอลดีแอล-โคเลสเตอรอล เอชดีแอล-โคเลสเตอรอล เและไตรกลีเซอไรด์) ระดับน้ำตาล ไลปิดเปอร์ไฮโดรเปอร์อ๊อกไชด์ และคอนจูเกทไดอีนในเลือด ค่าความดันโลหิด ค่าดัชนีชี้วัดการทำงานของไต ได้แก่ Cleatinine clearance และ Glomerular filtration rate และค่า nitrogen balance ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเมื่อเปรียบเทียบกับค่าเริ่มต้นและเมื่อเปรียบเทียบกันระหว่างอาหารทั้งสองชนิด เป็นที่น่าสังเกตว่าค่า nitrogen balance มีค่าเป็นบวกหลังสัปดาห์ที่ 12 ของช่วงที่รับประทานอาหารที่มีถั่วเหลืองมากเท่านั้น จากผลการวิจัยสรุปได้ว่า การบริโภคอาหารที่มีปริมาณของถั่วเหลืองมากไม่สามารถแสดงประโยชน์ที่ชัดเจนต่อการลดระดับไขมันในเลือด ระดับไลปิดเปอร์ออกซิเดชั่น และการชะลอความเสื่อมของไตในผู้ป่วยเอส แอล อี ที่อยู่ในระยะโรคสงบ แต่อย่างไรก็ตามการบริโภคถั่วเหลืองในปริมาณที่แนะนำ ไม่ทำให้ผู้ป่วยเอส แอล อี มีอาการกำเริบของโรคเกิดขึ้น
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ผลของการกินอาหารที่มีถั่วเหลืองมากต่อระดับไขมันและไลปิดเปอร์อ็อกซิเดชั่น และการทำงานของไตในผู้ป่วยเอส
Duangnapa Danboonchant
มหาวิทยาลัยมหิดล
2547
ผลของการรับประทานพริกขี้หนูต่อรูปแบบการบริโภค, สารอาหารที่ได้รับและระดับไขมันในเลือดของผู้ป่วยไขมันในเล ผลของสมุนไพรรางจืดต่อการย่อยได้ของสารอาหาร เอนไซม์ต้านออกซิเดชั่นและการทำงานของตับในไก่กระทงที่ได้ร ปริมาณสารไอโซฟลาโวนที่ได้รับจากการบริโภคถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองของผู้หญงวัยทำงาน ดัชนีน้ำตาลของขนมเทียนในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 กับผลดีที่เกิดขึ้นต่อระดับน้ำตาล, ไขมันและคว ผลของการออกกำลังกายแบบแอโรบิคที่มีต่อไขมันและไลโปโปรตีนในซีรั่ม ลักษณะการถ่ายทอดทางพันธุกรรมและการกระจายตัวของลักษณะทางการเกษตรบางลักษณะของถั่วเหลืองลูกผสมชั่วที่ 2 จากการผสมข้ามระหว่างถั่วเหลืองน้ำมันกับถั่วเหลืองฝักสด. ผลของการเสริมผลิตภัณฑ์อาหารจากธัญพืชและวุ้นน้ำมะพร้าวในผู้ป่วยไขมันในเลือดสูง การถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตนมถั่วเหลืองเสริมแคลเซียมสู่ระดับโรงเรียน การใช้การเมล็ดยางพาราแทนกากถั่วเหลืองในสูตรอาหารไก่กระทง การผลิตกะปิจากถั่วเขียวและถั่วเหลืองโดยใช้เชื้อแบคทีเรียที่แยกได้
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก