สืบค้นงานวิจัย
การใช้ระบบจำแนกสมรรถนะความอุดมสมบูรณ์ของดิน (FCC) เพื่อศึกษาความเหมาะสมของดินปลูกยาง ในภาคตะวันออก
พิเชษฐ ไชยพานิชย์ - การยางแห่งประเทศไทย
ชื่อเรื่อง: การใช้ระบบจำแนกสมรรถนะความอุดมสมบูรณ์ของดิน (FCC) เพื่อศึกษาความเหมาะสมของดินปลูกยาง ในภาคตะวันออก
ชื่อเรื่อง (EN): Use of Fertility Capability Classification (FCC) System for Land Suitability for Rubber Plantations in The East
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: พิเชษฐ ไชยพานิชย์
บทคัดย่อ: การใช้ระบบจำแนกสมรรถนะความอุดมสมบูรณ์ของดิน (FCC) เพื่อศึกษาความเหมาะสมของดินปลูกยางในภาคตะวันออก มีวัตถุประสงค์เพื่อจำแนกสมรรถนะความอุดมสมบูรณ์ของดิน และความเหมาะสมของดิน ในการใช้เป็นพื้นที่ปลูกยางในภาคตะวันออก คือจังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ปราจีนบุรี นคนายก และจังหวัดสระแก้ว ดำเนินงาน ปี 2510-2512 จากผลการสำรวจพบว่า ชุดดินที่พบในภาคตะวันออกมีจำนวน 117 ชุดดิน และจากการจำแนกพบว่า ชุดดินที่เหมาะสมต่อการปลูกยางพาราในภาคตะวันออกมีจำนวน 44 ชุดดิน ส่วนชุดดินที่เหมาะสมต่อการปลูกยางพารา ซึ่งพบมากที่สุดคือชุดดินคลองซาก พบว่ามีการกระจายอยู่ทั้งภาคประมาณ 16.26 % รองลงมาคือชุดดินกบินทร์บุรี โคราช ชุมพร คลองเต็ง ห้วยโป่งและสตึก ตามลำดับ ซึ่งทั้ง 7 ชุดดินดังกล่าวรวมกันประมาณ 70 % สำหรับชุดดินที่เหมาะสมในการปลูกยางพาราในภาคตะวันออก ตามการจำแนกชั้นความเหมาะสมต่อการปลูกยาง (FCC-R) สามารถจำแนกได้เป็นชั้นความเหมาะสมที่ 1 (FCC-R I ) หรือเหมาะสมในการปลูกยางมากที่สุดมีจำนวน 4 ชุดดิน ชั้นความเหมาะสมที่ 2 (FCC-R II) หรือเหมาะสมในการปลูกยางปานกลางมีจำนวน 24 ชุดดิน ชั้นความเหมาะสมที่ 3 (FCC-R III ) หรือเหมาะสมในการปลูกยางเล็กน้อยมีจำนวน 16 ชุดดิน สำหรับกลุ่มดินที่เหมาะสมในการปลูกยางยางพาราในภาคตะวันออก ตามการจำแนกเนื้อดิน สามารถจำแนกได้เป็นกลุ่มดินร่วนเหนียว มีจำนวน 21 ชุดดิน และกลุ่มดินร่วนทราย มีจำนวน 23 ชุดดิน ส่วนชุดดินที่ไม่เหมาะสมในการปลูกยาง ในภาคตะวันออก มีจำนวน 74 ชุดดิน จากการสำรวจพบว่าเนื้อที่ของภาคตะวันออกมีทั้งหมด 23,183,932 ไร่ มีเนื้อที่ที่เหมาะสมในการปลูกยาง 8,294,643 ไร่ หรือ 35.78 % และเนื้อที่ที่ไม่เหมาะสมในการปลูกยาง 14,889,289 ไร่ หรือ 64.22% ส่วนจังหวัดที่มีเนื้อที่ที่เหมาะสมในการปลูกยางมากที่สุดคือจังหวัดระยอง (59.94 % ของเนื้อที่จังหวัด) และพบว่าในในภาคตะวันออกมีชั้นความเหมาะสมที่ 1 ประมาณ 2.88% ชั้นความเหมาะสมที่ 2 ประมาณ 30.46 % และชั้นความเหมาะสมที่ 3 ประมาณ 66.66 % ส่วนจังหวัดที่มีชั้นความเหมาะสมที่ 1 มากที่สุดคือจังหวัดจันทบุรี (7.79 % ของเนื้อที่ที่เหมาะสมในการปลูกยางของจังหวัด) สำหรับการจำแนกชนิดของเนื้อดิน ในดินที่เหมาะสมในการปลูกยางในภาคตะวันออก พบว่าเป็นดินร่วนเหนียว ประมาณ 51.16 % และดินร่วนทรายประมาณ 48.84 %
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: การยางแห่งประเทศไทย
คำสำคัญ: ภาคตะวันออก
คำสำคัญ (EN): The East
เจ้าของลิขสิทธิ์: การยางแห่งประเทศไทย
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การใช้ระบบจำแนกสมรรถนะความอุดมสมบูรณ์ของดิน (FCC) เพื่อศึกษาความเหมาะสมของดินปลูกยาง ในภาคตะวันออก
การยางแห่งประเทศไทย
2547
การใช้ระบบจำแนกสมรรถนะความอุดมสมบูรณ์ของดินเพื่อศึกษาความเหมาะสมของดินปลูกยางในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การใช้ระบบ FCC เพื่อศึกษาความเหมาะสม และจำแนกสมรรถนะความอุดมสมบูรณ์ของดินปลูกยางในเขตภาคใต้ตอนบน การพัฒนาวิธีการวิเคราะห์ Permanganate Oxidizable Carbon เพื่อใช้ในการวัดปริมาณอินทรียวัตถุในการประเมินความอุดมสมบูรณ์ของดิน การใช้ระบบ Fisheries Map เพื่อการบริหารจัดการข้อมูลเชิงพื้นที่จับสัตว์น้ำ สำรวจโรคและศัตรูสำคัญทางเศรษฐกิจของยางพาราในแปลงกิ่งตายาง แปลงกล้ายาง และแปลงผลิตยางชำถุง ในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ระบบสนับสนุนการตัดสินใจของทิศทางการแปรรูปผลิตภัณฑ์ยางเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มยางพาราในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โครงการพัฒนาการผลิตยางพาราเชิงระบบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระบบการผลิตยางพาราภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โครงการพัฒนาการผลิตยางพาราเชิงระบบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(ระยะที่ 2) การใช้ระบบ FCC เพื่อศึกษาความเหมาะสม และจำแนกสมรรถนะความอุดมสมบูรณ์ของดินปลูกยางในเขตภาคใต้ตอนล่าง
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก