สืบค้นงานวิจัย
การใช้ประโยชน์กากแคลเซียมคาร์ไบด์ในการกำจัดตะกั่วในนำ้เสียจากอุตสาหกรรมแผงวงจรไฟฟ้า
Suwat Tharayuth - มหาวิทยาลัยมหิดล
ชื่อเรื่อง: การใช้ประโยชน์กากแคลเซียมคาร์ไบด์ในการกำจัดตะกั่วในนำ้เสียจากอุตสาหกรรมแผงวงจรไฟฟ้า
ชื่อเรื่อง (EN): Utilization of calcium carbide waste to remove lead from integrated circuits industrial wastewater
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Suwat Tharayuth
บทคัดย่อ: ศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้ประโยชน์จากกากแคลเซียมคาร์ไบด์ที่เกิดจากกระบวนผลิตก๊าซอเซทิลีน ในการกำ จัดตะกั่วในนํ้าเสียจากอุตสาหกรรมแผงวงจรไฟฟ้า โดยทำ การเก็บตัวอย่างนํ้าเสียและกากแคลเซียมคาร์ ไบด์มาวิเคราะห์สมบัติทางกายภาพและเคมี ศึกษาประสิทธิภาพการกำ จัดตะกั่วที่สภาวะต่างๆ คือ อัตราการใช้กาก อัตราการกวนเร็ว ระยะเวลาการกวนเร็ว อัตราการกวนช้า และระยะเวลาการกวนช้าที่แตกต่างกัน จนได้สภาวะ การบำ บัดที่เหมาะสม ศึกษาเปรียบเทียบความเป็นกรด-ด่าง ปริมาณมลสารที่เหลือในนํ้าทิ้ง ประสิทธิภาพในการ บำ บัดตะกั่ว ปริมาณตะกอนที่เกิดขึ้นภายหลังการบำ บัด และศึกษาความสามารถในการชะละลายของตะกั่วจาก กากตะกอนภายหลังการบำ บัดที่สภาวะที่เหมาะสม นํ้าเสียจากอุตสาหกรรมแผงวงจรไฟฟ้า มีฤทธิ์เป็นกรดสูง ค่าของแข็งละลายทั้งหมดสูง และมีปริมาณ ตะกั่วสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพนํ้าทิ้งของกรมโรงงานอุตสาหกรรม ส่วนกากแคลเซียมคาร์ไบด์มีความชื้น ปานกลาง มีฤทธิ์เป็นด่างสูง มีองค์ประกอบของแคลเซียมไฮดรอกไซด์ แคลเซียมคาร์บอเนต และแกรไฟต์ กลไกที่ เกิดขึ้นในการกำ จัดตะกั่วคือ การดูดซับและการตกตะกอนเคมี สภาวะที่เหมาะสมในการบำ บัดนํ้าเสียจากอุตสาห กรรมแผงวงจรไฟฟ้าด้วยกากแคลเซียมคาร์ไบด์คือกากแคลเซียมคาร์ไบด์ 3.4 กรัมต่อลิตรของนํ้าเสีย อัตราการ กวนเร็ว 120 รอบต่อนาที ระยะเวลาในการกวนเร็ว 4 นาที อัตราการกวนช้า 50 รอบต่อนาที และระยะเวลาในการ กวนช้า 50 นาที ค่าความเป็นกรด-ด่างที่ตรวจวัดได้ภายหลังการบำ บัดที่สภาวะที่เหมาะสมคือ 8.82 และปริมาณ ตะกั่ว 0.089 มิลลิกรัมต่อลิตร ซึ่งอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพนํ้าทิ้งของกรมโรงงานอุตสาหกรรม ประสิทธิภาพ การกำ จัดตะกั่วสูงสุดถึงร้อยละ 99 โดยการบำ บัดด้วยกากแคลเซียมคาร์ไบด์ก่อให้เกิดปริมาณตะกอนภายหลังการ บำ บัด (5.7 กรัมต่อลิตร) และความสามารถในการชะละลายโลหะหนักจากกากตะกอนตํ่า การศึกษาในครั้งต่อไปควรศึกษาการเพิ่มประสิทธิภาพในการกำ จัดค่าของแข็งละลายทั้งหมดและของ แข็งแขวนลอยทั้งหมดและซีโอดี ควรติดตามตรวจสอบความเสี่ยงทางสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้นจากกากตะกอน ตามข้อกำ หนดต่างๆและสร้างความมั่นใจด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ยังมีความจำ เป็นที่จะต้องทำ การศึกษาความเป็น ไปได้เชิงเศรฐศาสตร์ถึงการใช้ประโยชน์กากแคลเซียมคาร์ไบด์ เพื่อให้เกิดการนำ ไปใช้ในทางปฏิบัติ
บทคัดย่อ (EN): The feasibility of utilizing calcium carbide waste to remove lead in integrated circuits industrial wastewater was investigated. The integrated circuits industrial wastewater and calcium carbide were sampled and chemical and physical characteristics were analyzed. They were treated under various conditions of reacting dosages, rapid mixing speeds, rapid mixing times, slow mixing speeds and slow mixing times. The effluent qualities such as pH and lead concentration after reatment were monitored and used for selecting suitable treatment conditions including pH criterion of effluent standard requirement and maximum lead removal efficiency. Regarding these conditions, the heavy metals (copper and nickel) and other pollutants (color, COD, SS, and TDS) in the effluent were observed. The sludge quantities, volume, density, and heavy metal leachability were also determined. Integrated circuits industrial wastewater had a low pH value and contained high TDS and lead concentrations. Calcium carbide waste had a moderate moisture content, high pH value and low heavy metal contamination. It was composed of calcium hydroxide, calcium carbonate and graphite. The treatment efficiency increased with increased dosage, mixing times and speeds. There were two major treatment mechanisms: sorption and precipitation. The best treatment condition was 3.4 grams of calcium carbide waste per liter of wastewater, 120 rpm rapid mixing speed, 4 minutes rapid mixing time, 50 rpm slow mixing speed, and 50 minutes slow mixing time. It gave a pH value and lead concentration of the treated wastewater of 8.8 and 0.089 mg/L, respectively. The maximum lead removal efficiency was up to 99%. This application contributed a low sludge volume (5.7 g/L) and leachability of heavy metals was in the range of standard requirements. Further study should put an emphasis on increasing SS, TDS, and COD removal efficiencies. The investigation of possible environmental risks from the sediment should be monitored in order to comply with regulations and ensure a healthy environment. The economic feasibility of using calcium carbide waste requires further investigation.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=126&RecId=137&obj_id=140
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยมหิดล
คำสำคัญ (EN): Heavy metals removal
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยมหิดล
รายละเอียด: ศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้ประโยชน์จากกากแคลเซียมคาร์ไบด์ที่เกิดจากกระบวนผลิตก๊าซอเซทิลีน ในการกำ จัดตะกั่วในนํ้าเสียจากอุตสาหกรรมแผงวงจรไฟฟ้า โดยทำ การเก็บตัวอย่างนํ้าเสียและกากแคลเซียมคาร์ ไบด์มาวิเคราะห์สมบัติทางกายภาพและเคมี ศึกษาประสิทธิภาพการกำ จัดตะกั่วที่สภาวะต่างๆ คือ อัตราการใช้กาก อัตราการกวนเร็ว ระยะเวลาการกวนเร็ว อัตราการกวนช้า และระยะเวลาการกวนช้าที่แตกต่างกัน จนได้สภาวะ การบำ บัดที่เหมาะสม ศึกษาเปรียบเทียบความเป็นกรด-ด่าง ปริมาณมลสารที่เหลือในนํ้าทิ้ง ประสิทธิภาพในการ บำ บัดตะกั่ว ปริมาณตะกอนที่เกิดขึ้นภายหลังการบำ บัด และศึกษาความสามารถในการชะละลายของตะกั่วจาก กากตะกอนภายหลังการบำ บัดที่สภาวะที่เหมาะสม นํ้าเสียจากอุตสาหกรรมแผงวงจรไฟฟ้า มีฤทธิ์เป็นกรดสูง ค่าของแข็งละลายทั้งหมดสูง และมีปริมาณ ตะกั่วสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพนํ้าทิ้งของกรมโรงงานอุตสาหกรรม ส่วนกากแคลเซียมคาร์ไบด์มีความชื้น ปานกลาง มีฤทธิ์เป็นด่างสูง มีองค์ประกอบของแคลเซียมไฮดรอกไซด์ แคลเซียมคาร์บอเนต และแกรไฟต์ กลไกที่ เกิดขึ้นในการกำ จัดตะกั่วคือ การดูดซับและการตกตะกอนเคมี สภาวะที่เหมาะสมในการบำ บัดนํ้าเสียจากอุตสาห กรรมแผงวงจรไฟฟ้าด้วยกากแคลเซียมคาร์ไบด์คือกากแคลเซียมคาร์ไบด์ 3.4 กรัมต่อลิตรของนํ้าเสีย อัตราการ กวนเร็ว 120 รอบต่อนาที ระยะเวลาในการกวนเร็ว 4 นาที อัตราการกวนช้า 50 รอบต่อนาที และระยะเวลาในการ กวนช้า 50 นาที ค่าความเป็นกรด-ด่างที่ตรวจวัดได้ภายหลังการบำ บัดที่สภาวะที่เหมาะสมคือ 8.82 และปริมาณ ตะกั่ว 0.089 มิลลิกรัมต่อลิตร ซึ่งอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพนํ้าทิ้งของกรมโรงงานอุตสาหกรรม ประสิทธิภาพ การกำ จัดตะกั่วสูงสุดถึงร้อยละ 99 โดยการบำ บัดด้วยกากแคลเซียมคาร์ไบด์ก่อให้เกิดปริมาณตะกอนภายหลังการ บำ บัด (5.7 กรัมต่อลิตร) และความสามารถในการชะละลายโลหะหนักจากกากตะกอนตํ่า การศึกษาในครั้งต่อไปควรศึกษาการเพิ่มประสิทธิภาพในการกำ จัดค่าของแข็งละลายทั้งหมดและของ แข็งแขวนลอยทั้งหมดและซีโอดี ควรติดตามตรวจสอบความเสี่ยงทางสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้นจากกากตะกอน ตามข้อกำ หนดต่างๆและสร้างความมั่นใจด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ยังมีความจำ เป็นที่จะต้องทำ การศึกษาความเป็น ไปได้เชิงเศรฐศาสตร์ถึงการใช้ประโยชน์กากแคลเซียมคาร์ไบด์ เพื่อให้เกิดการนำ ไปใช้ในทางปฏิบัติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การใช้ประโยชน์กากแคลเซียมคาร์ไบด์ในการกำจัดตะกั่วในนำ้เสียจากอุตสาหกรรมแผงวงจรไฟฟ้า
Suwat Tharayuth
มหาวิทยาลัยมหิดล
2548
การชะละลายของตะกั่วและกำลังรับแรงอัดจากการหล่อแข็งกากตะกอนของโรงงานแบตเตอรี่โดยใช้กากแคลเซียมคาร์ไบด์และขี้เถ้าแกลบ กำลังรับแรงอัดอัดของก้อนของเสียหล่อแข็งกากตะกอนจากโรงชุบที่ใช้กากแคลเซียมคาร์ไบด์และเถ้าแกลบดำเป็นวัสดุยึดประสาน และใช้ปูนซีเมนต์ และโซเดียมซิลิเกตในการกระตุ้นปฎิกิริยาปอซโซลาน การใช้ประโยชน์จากกากตะกอนน้ำเสียโรงงานฟอกย้อมในการผลิตปุ๋ย การใช้ประโยชน์ของเสียจากกากน้ำตาล น้ำกากส่า และเศษผักเพื่อผลิตปุ๋ยน้ำชีวภาพในการหมักแบบไร้อากาศ กำลังอัดและความทนทานของคอนกรีตที่ใช้จากแคลเซียมคาร์ไบด์บดร่วมกับเถ้าชานอ้อยเป็นวัสดุประสาน อิทธิพลของชนิของสารกระตุ้นประเภทด่างที่มีต่อกำลังรับแรงอัดของก้อนของเสียหล่อแข็งกากตะกอนจากโรงชุบที่ใช้กากแคลเซียลคาร์ไบด์และเถ้าแกลบดำเป็นวัสดุประสาน ความต้องการใช้น้ำเพื่อการอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ผลกระทบของการหมุนเวียนน้ำเสียที่มีไตโตรเจนภายในระบบและการควบคุมออกซิเจนละลายน้ำต่อการกำจัดธ การศึกษาความเป็นไปได้ทางเศรษฐศาสตร์และสิ่งแวดล้อมของโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ใช้วัสดุเหลือใช้จากมะพร้าวเป็นเชื้อเพลิงกรณีศึกษา: โรงไฟฟ้าบริษัท ทีพี อุตสาหกรรมเหรียญชัย จำกัด ต.ห้วยยาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขั การกำจัดโพรฟีโนฟอสในน้ำโดยกระบวนการแวคคูอัมอัลตราไวโอเลต
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก