สืบค้นงานวิจัย
การพัฒนาการจัดการความรู้ทางการตลาดเกษตรอินทรีย์ของกลุ่มเกษตรกรในตำบลมะค่า อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม
พรปวีณ์ ศรีประเสริฐ - มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม
ชื่อเรื่อง: การพัฒนาการจัดการความรู้ทางการตลาดเกษตรอินทรีย์ของกลุ่มเกษตรกรในตำบลมะค่า อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม
ชื่อเรื่อง (EN): Knowledge Management Development on Organic Agriculture Marketing of Farmer Group, Makha Sub-district, Kantharawichai District, Maha Sarakham Province
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: พรปวีณ์ ศรีประเสริฐ
บทคัดย่อ: การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาบริบทของตลาดเกษตรอินทรีย์เกี่ยวกับ สภาพและปัญหาของกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกผักปลอดสารพิษบ้านใคร่นุ่น 2) เพื่อวิเคราะห์กลยุทธ์ ทางการตลาดเกษตรอินทรีย์ของกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกผักปลอดสารพิษบ้านใคร่นุ่น 3) เพื่อศึกษา การจัดการความรู้ทางการตลาดเกษตรอินทรีย์ของกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกผักปลอดสารพิษบ้านใคร่ นุ่น และ 4) เพื่อพัฒนาการจัดการความรู้ทางการตลาดเกษตรอินทรีย์ของกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกผัก ปลอดสารพิษบ้านใคร่นุ่น ตำบลมะค่ อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม ซึ่งผู้วิจัยได้ ทำการศึกษาเก็บรวบรวมข้อมูลโดยการสัมภาษณ์จากกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกผักปลอดสารพิษบ้าน ใคร่นุ่น จำนวน 2 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านใคร่นุ่นหมู่ที่ 15 และบ้านใคร่นุ่นหมู่ที่ 10 หมู่บ้านละ 25 ราย รวมเป็นจำนวน 50 ราย เกษตรกรผู้สนจ จำนวน 50 ราย และตัวแทนหน่วยงานราชการซึ่ง เป็นผู้ที่เกี่ยวข้อง อันประกอบด้วย เกษตรตำบลมะคำ พัฒนาอำเภอกันทรวิชัย อาสาสมัคร สาธารณสุขประจำหมู่บ้านใคร่นุ่น (อสม.) นายกองค์การบริหารงานส่วนตำบลมะค่ และ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 15 และหมู่ที่ 10 จำนวน 6 ราย จำนวนทั้งสิ้น 106 ราย โดยใช้วิธีการวิจัยเชิง ปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมเพื่อประมวลผล/สังเคราะห์ผลการวิจัย ด้วยการทำวิเคราะห์กลยุทธ์ทาง การตลาดเกษตรอินทรีย์ของกลุ่มปลูกผักปลอดสารพิษบ้านใคร่นุ่น ในด้านผลิตภัณฑ์ ราคา ช่อง ทางการจัดจำหน่ายและการส่งเสริมการตลาด และสังคราะห์การจัดส่วนประสมทางการตลาด เกษตรอินทรีย์ และวิเคราะห์การจัดการความรู้ทางการตลาดอินทรีย์ของกลุ่มในด้านการบ่งชี้ ความรู้ การสร้งและแสวงหาความรู้ การประมวลและกลั่นกรองความรู้ การจัดความรู้ให้เป็น ระบบ การแบ่งปันแลกเปลี่ยนความรู้และการเรียนรู้ ผลการวิจัยพบว่า 1) สภาพดินโดยทั่วไปของบ้านใคร่นุ่น เป็นดินร่วนปนดินเหนียว สามารถอุ้มน้ำได้ดี เหมาะสำหรับทำการเกษตร มีแม่น้ำชีเป็นแม่น้ำสายหลัก มีน้ำตลอดปีใช้ประโยชน์ทางการเกษตร กลุ่มสมาชิกเกษตรกรผู้ปลูกผักปลอดสารพิษบ้านใคร่นุ่น มีเนื้อที่ในการเพาะปลูกรวมจำนวน ทั้งสิ้น 15 ไร่ โดยปลูกข้าวโพด จำนวน 10 ไร่ เป็นข้าวโพดเหนียวปลูกเป็นเวลา 2 เดือน และ ปลูกข้าวโพดหวานทุกๆ 3 เดือน สลับหมุนเวียนกันไป ปลูกพริก จำนวน 2 ไร่ ปลูกมะละกอ จำนวน 1 ไร่ ปลูกแตงกว่า จำนวน 200 ตารางวา และปลูกมะเขือ จำนวน 200 ตารางวา สมาชิก กลุ่มฯ ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง เป็นผู้ที่มีอายุอยู่ในช่วงระหว่าง 51-60 ปี และมีการศึกษาอยู่ใน ระดับประถมศึกษา โดยเป็นผู้ที่มีสถานภาพสมรส ซึ่งในตอนจัดตั้งกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกผักปลอด สารพิษบ้านใคร่นุ่น ขึ้นครั้งแรกมีสมาชิกจำนวนเพียง 26 คน แต่ปัจจุบันมีสมาชิกเพิ่มขึ้นเป็น 50 คน มีทั้งเกษตรกรที่อยู่บ้านใคร่นุ่นหมู่ที่ 15 และหมู่ที่ 10 ทั้งนี้ได้รับการสนับสนุนเงินทุนจาก สหกรณ์การเกษตรจังหวัดมหาสารคาม สาขากันทรวิชัย จำนวน 40,000 บาท โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อให้สมาชิกในกลุ่มฯ มีผักที่ปลอดสารพิษไว้รับประทานในครัวเรือนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียง และหากมีผลผลิตมากพอก็จะนำออกไปจำหน่าย แต่สมาชิกกลุ่มฯ ต้องเผชิญกับผลผลิต ที่มีราคาตกต่ำ เพราะนอกจากไม่สามารถกำหนดราคาขายได้เองแล้ว ผลผลิตยังเป็นเชื้อราและ แมลงกัดกินผลผลิต 2) ผลการวิเคราะห์กลยุทธ์ทางการตลาดกษตรอินทรีย์ในด้านผลิตภัณฑ์ พบว่า สมาชิก กลุ่มเกษตรกรฯ ผลิตและจำหน่ายถั่วฝักยาว มะเขือ ข้าวโพด แตงกวาและพริก โดยจัดทำในรูป บรรจุภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้ากลุ่มปลูกผักปลอดสารพิษบ้านใคร่นุ่น โดยฉลากระบุข้อความไว้ว่า "ไม่ใช้สารเคมี ไม่ใช้ยาฆ่าแมลง " แต่ในภาพรวมพบว่า พืชผลเติบโตช้าและได้ผลผลิตน้อย เนื่องจากว่า มีแมลงศัตรูพืช ทำให้ผู้ผลิตบางรายต้องพึ่งพาเคมีในการปลูก ด้านราคา ส่วนใหญ่ แล้วไม่สามารถที่จะควบคุมราคาผลผลิตของตนเองได้ เพราะเน้นการขายส่งให้แก่พ่อค้าคนกลาง โดยจะถูกต้องกดราคาพืชผลลงเกือบทุกชนิดประมาณกิโลกรัมละ 10-15 บาท โดยขายพริกสดได้ ในราคากิโลกรัมละ 70 บาท มะเขือกิโลกรัมละ 15-20 บาท ถั่วฝักยาวกิโลกรัมละ 70 บาท ข้าวโพดบรรจุถุงละ 3 ฝัก จำหน่ายในราคาถุงละ 20 บาท ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย เส้นทาง การจำหน่ายผักปลอดสารพิษของสมาชิกกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกผักปลอดสารพิษของบ้านใคร่นุ่น จะ มีอยู่ 2 ช่องทาง อันได้แก่ ช่องทางที่ 1 มีพ่อค้ามารับซื้อถึงหมู่บ้าน และช่องทางที่ 2 คือ สมาชิก กลุ่มๆ จะนำบรรจุถุงไปขายที่ตลาดเองโดยจะขายแบบสดทั้งขายปลีกและขายส่งให้กับแม่ค้าใน ตลาดสดอำเภอกันทรวิชัยและตลาดสดอำเภอเมืองมหาสารคามในจังหวัดมหาสารคาม และด้าน การส่งเสริมการตลาด ในการนำผลิตผลทางการเกษตรไปจำหน่ายที่ตลาดสดเอง ก็มีการใช้การ ส่งเสริมการขายอยู่ข้าง ยกตัวอย่างเช่น ข้าวโพด หากลูกค้าซื้อเป็นประจำและซื้อเป็นจำนวนมาก ก็จะมีการแถม หรี่ออาจจะลดราคาให้ เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าเกิดความสนใจในการซื้อ และที่สำคัญ คือ เพื่อให้เกิดความต้องการที่จะมาซื้ออีกอย่างต่อเนื่อง เช่น หากลูกค้าซื้อข้าวโพด 10 ถุง ก็จะ แถมให้เป็น 12 ถุง เพื่อให้ลูกค้าเกิดความพอใจ หรือหากนำไปขายต่อก็จะได้รับกำไร 3) ผลการวิเคราะห์การจัดการความรู้ทางการตลาดเกษตรอินทรีย์ในด้านการบ่งชี้ความรู้ ถึงแม้ว่า ส่วนใหญ่แล้วนิยมใช้ปุยหมักสดในการปลูก จนได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้บริโภคในวงที่ กว้างมากขึ้น ทำให้ทางกลุ่มมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นจนสามารถพึ่งพาตนเองได้ แต่บางคนยังใช้ ปุ้ยเคมีในการทำการเกษตรอยู่บ้างบางส่วน ซึ่งอาจกลายเป็นอุปสรรคของผลิตภัณฑ์ของบ้านใคร นุ่นเองในระยะยาว ด้านการสร้างและแสวงหาความรู้ ผักปลอดสารพิษของบ้านใคร่นุ่น ถือได้ว่า เป็นที่รู้จักของกลุ่มผู้บริโภคอยู่พอสมควร ภายใต้แบรนด์ที่มีชื่อว่า "กลุ่มปลูกผักปลอดสารพิษ บ้านใคร่นุ่น " แต่ยังขาดการติดต่อขอความร่วมมือจากกลุ่มอื่น คงมีแต่เพียงศึกษาค้นคว้าข้อมูล การปลูกผักปลอดสารพิษจากโครงการเศรษฐกิจพอเพียงเท่านั้น ด้านการประมวลและกลั่นกรอง ความรู้ในบางครั้งอาจจำเป็นต้องมีการใช้สารเคมีเข้าร่วมด้วย เช่น ปุ้ยเคมี และสารจำกัดแมลง เป็นต้น ซึ่งการมีแนวคิดเช่นนี้กลับทำให้กลุ่มเกษตรกรฯ ได้รับผลกระทบอย่างเห็นได้ชัด ก็คือ กลุ่มผู้บริโภคเริ่มมีการคัดกรองความคิดในการที่จะตัดสินใจซื้อผลผลิตทางการเกษตรของบ้านใคร่ นุ่น หากปล่อยให้เหตุการณ์เช่นเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ในที่สุดแล้วอาจจะส่งกระทบต่อรายได้จากการ จำหน่ายพืชผัก ด้านการจัดความรู้ให้เป็นระบบ ถึงแม้ว่า บอร์ดประชาสัมพันธ์ เข้ามาใช้ในชุมชน ก็ตาม แต่ก็ได้มีการเตรียมพร้อมสำหรับการวางโครงสร้างความรู้ทางการตลาดเกษตรอินทรีย์ใน อนาคตอยู่บ้างก็ตามแรงสนับสนุนของหน่วยงานราชการ โดยมีถุงเพื่อบรรจุภัณฑ์และตราสินค้า ผักปลอดสารพิษให้แก่บ้านใคร่นุ่น ด้านการแบ่งปันแลกเปลี่ยนความรู้ จะมีเกษตรกรบางรายที่ ไมให้ความร่วมมือกับทางกลุ่ม ดังเช่นเมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้ว ต่างก็คนต่างก็นำไปขายกันเอง โดยไม่พูดคุยกัน ทำให้ขาดอำนาจในการต่อรองราคาจำหน่ายได้ และด้านการเรียนรู้ ต้นทุนใน การผลิตสูง แต่ได้ผลตอบแทนต่ำไม่คุ้มกับต้นทุนเท่าที่ควร และที่สำคัญคือ เกิดการแข่งขันใน ตลาดสูงขึ้นกว่าสมัยก่อนๆ 4) ผลการพัฒนาการจัดการความรู้ทางการตลาดเกษตรอินทรีย์ของกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูก ผักปลอดสารพิษบ้านใคร่นุ่น ก็คือ สมาชิกกลุ่มฯ ควรที่จะมีการเรียนรู้ในการที่จะอยู่ร่วมกันกับวิถี การผลิตพืชผลโดยปราศจากสารพิษ โดยเป็นผู้ปลูกที่มีจริยธรรมและความรับผิดชอบต่อผู้บริโภค และสังคม
บทคัดย่อ (EN): This research aimed to 1) study current conditions and problems of agricultural organic marketing of farmer groups who grew organic vegetables in Khrainun village, Makha Sub-District, Kantara Wichai District, Mahasarakham Province, 2) to analyze agricultural organic marketing strategies of the farmer groups in Khrainun village, Makha Sub-District, 3) to investigate agricultural organic marketing knowledge management for the farmer groups in Khrainun village, and 4) to develop knowledge management of organic agriculture marketing for the farmer groups. The data was collected by interviewing fifty farmers from two villages: Khrainun village 10 and Khrainun village 15, and 106 participants from the government sectors consisting of representatives from Makha Sub-District Agriculture Office, Kantara Wichai District Development Office, Ban Khainun Public Health volunteers, chief executives of Makha Sub-District Administrative Organization, and village headmen of Khrainun village 10 and 15. The participatory action research was employed for data collection and data analysis of agricultural organic marketing strategies of the farmer groups in Khrainun village focusing on products, price, channel of distribution and marketing promotion. The marketing mix and marketing knowledge management was analyzed to identify indicators for creating, searching and analyzing knowledge including managing systematically knowledge, learning and sharing knowledge. 1) The research findings showed that the clay soil with absorbing water in Khrainun village is proper for agriculture. There is water all year from the Chi River Main for organic farming of the farmer groups in Khainun village. The total cultivating area of the farmer groups was 15 rais consisting of 10 rais of growing corn, two rais of growing chili, one rai of growing papaya, 0.5 rai of growing cucumber, and 0.5 rai of growing tomato. Two kinds of corn were cultivated in the area. The sticky and sweet corns were planted for two and three months in the area. The majority of farmer group members were female. Most of the members were 51-60 years old with primary education level. The farmers of Khrainun village 10 and 15 got the financial support from the Mahasarakham Provincial Cooperative for Agriculture, Kantara Wichai branch (40,000 baht). The support aimed to enhance the farmers to grow organic vegetables for consumption and sale. The farmers could not earn more money from selling the organic vegetables because of low quality vegetables and low price. 2) Regarding the analysis of agricultural organic marketing strategy for products, the study showed that the farmers planted cowpea, eggplant, corn, cucumber, and chili and packed the vegetables with an organic label. The findings showed that the farmers encountered the problems of quality and insufficiency of vegetables for consumption and sale. In case of the price of vegetables, the farmers could not control the price, and they directly sold the vegetables to the middlemen with the low prices: about 10-15 baht per kilogram of all vegetables; 70 baht per kilogram of chili, 10-15 baht per kilogram of eggplant, 70 baht per kilogram of cowpea, and 20 baht per bag of 3 pieces of corn. Regarding the channel of distribution, the study indicated that two channels were wholesale at the villages and retail distribution in KantaraWichai District bazaar, and Mueng Mahasarakham District bazaar in Mahasarakham Province. Marketing promotion, the farmers usually give one or two more agricultural products to customers such as if a customer buys 10 bag corns, he usually gets two free eyes of corn. 3) Regarding marketing knowledge management, the research findings showed Knowledge Identification that most of the farmers used organic fertilizer to grow vegetables. As a result, the organic vegetables are very popular for consumers. Selling organic vegetables provides better life of the farmers. However, some farmers use chemical fertilizer in farming which will make a negative impact of the products in long-term period. Knowledge creation and acquisition, consumers knew well free toxin vegetables of Khrainun village with the local brand of farmer groups. The members rarely shared and learned new experience with other groups, but they only studied the principles of sufficient economy project. Knowledge management and analysis, the farmers used chemical fertilizer, and insecticide in farming, and the use of the chemical substance affected the sale of their agricultural products. Knowledge Organization system, the research showed that the farmers were trained and prepared for agricultural organic marketing structure in the future with a packing bag and an organic label by some local government sectors.. Knowledge Sharing, some farmers did not coordinate with other farmer groups, they usually sold their products freely to customers after crop harvest. Lastly learning experience, the study showed that the farmer learned and recognized that they produced high cost products, but they sold their products at a low price under circumstance of the serious marketing competition. 4) In conclusion, the study suggests that the farmers in Khrainun village should learn more organic agriculture marketing and organic vegetables for the better life of both the farmers and consumers.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม
คำสำคัญ: กลุ่มเกษตรกร
คำสำคัญ (EN): Farmer Group
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การพัฒนาการจัดการความรู้ทางการตลาดเกษตรอินทรีย์ของกลุ่มเกษตรกรในตำบลมะค่า อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม
มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม
30 กันยายน 2558
การจัดการความรู้ของเกษตรกรที่ทำการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ตำบลหินดาต อำเภอปาศิลาทอง จังหวัดกำแพงเพชร การติดตามตรวจสอบสารกลุ่มโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอนในอากาศริมถนนโดยใช้ใบไม้ในเขตจังหวัดนนทบุรี การจัดการความรู้การทอผ้าย้อมครามในจังหวัดสกลนคร การจัดการความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นแบบมีส่วนร่วมของชุมชนที่มีต่อการพัฒนาการศึกษาและอาชีพการเกษตรในท้องถิ่น การศึกษากลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตข้าวสาร อินทรีย์ส่งออกเพื่อการค้าที่เป็นธรรม การวิจัยและพัฒนาการเกษตรแบบอินทรีย์ในพื้นที่เกษตรทฤษฎีใหม่ในจังหวัดมหาสารคาม การศึกษาการพัฒนาการประกอบอาชีพเลี้ยงโคขุนของเกษตรกร ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง โดยการใช้การจัดการความรู้ ในเขตพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ การจัดการความรู้ และพัฒนารูปแบบการถ่ายทอด ภูมิปัญญาของปราชญ์ชาวบ้านในการพัฒนาอาชีพตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง:กรณีศึกษานวดแผนโบราณ หมู่ที่ 3 ตำบลโคกเดื่อ อำเภอไพศาลี จังหวัดนครสวรรค์ การจัดการความรู้ และพัฒนารูปแบบการถ่ายทอดภูมิปัญญาของปราชญ์ชาวบ้านในการพัฒนาอาชีพตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง:กรณีศึกษารากบัวเชื่อม เทศบาลตำบลทับกฤช อำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์ การบริหารจัดการกลุ่มเกษตรกรปศุสัตว์อินทรีย์ในจังหวัดขอนแก่น
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก