สืบค้นงานวิจัย
ผลของปุ๋ยเคมีและปุ๋ยชีวภาพในการเพิ่มผลผลิตของข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ร่วมกับระบบการปลูกพืชเหลื่อมฤดู
พัทธ์กานต์ เนียมอยู่ - กรมพัฒนาที่ดิน
ชื่อเรื่อง: ผลของปุ๋ยเคมีและปุ๋ยชีวภาพในการเพิ่มผลผลิตของข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ร่วมกับระบบการปลูกพืชเหลื่อมฤดู
ชื่อเรื่อง (EN): Effect of chemical fertilizer with biofertilizer to increase productivity of maize with relay-cropping system.
บทคัดย่อ: การวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาผลของปุ๋ยเคมีและปุ๋ยชีวภาพ พด.12 ในการเพิ่มผลผลิตของข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ร่วมกับระบบการปลูกพืชเหลื่อมฤดูดำเนินการ ที่บ้านทุ่งม่านเหนือ หมู่ 2 ตำบลบ้านเป้า อำเภอเมืองจังหวัดลำปาง ระหว่าง เดือนตุลาคม 2555 ถึง เดือนกันยายน 2557 รวมระยะเวลา 2 ปี มีวัตถุประสงค์การทดลองเพื่อศึกษาผลของการใช้ปุ๋ยเคมีและปุ๋ยชีวภาพ พด.12 ที่มีต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตของข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ร่วมกับระบบพืชเหลื่อมฤดู โดยวางแผนการทดลองแบบสุ่มสมบูรณ์ (Randomized Complete Block Design) ประกอบด้วย 5 วิธีการทดลอง จำนวน 4 ซ้ำ ประกอบด้วย วิธีการที่ 1 แปลงควบคุม (ไม่ใส่ปัจจัย) วิธีการที่ 2 ปุ๋ยเคมีตามคำแนะนำ วิธีการที่ 3 ใส่ปุ๋ยเคมีในอัตราหนึ่งส่วนสองร่วมกับปุ๋ยชีวภาพ พด.12 วิธีการที่ 4 ใส่ปุ๋ยเคมีในอัตราหนึ่งส่วนสี่ร่วมกับปุ๋ยชีวภาพ พด.12 และวิธีการที่ 5 ใส่ปุ๋ยชีวภาพ พด.12 เพียงอย่างเดียว ผลการศึกษาผลของการใช้ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยชีวภาพ พด.12 ต่อสมบัติบางประการของดิน พบว่า ดินมีระดับความรุนแรงของกรดใกล้เคียงกับก่อนการทดลอง ในทุกวิธีการทดลอง ค่าความเป็นกรดเป็นด่างของดินอยู่ในช่วง 5.6-6.0 คือ ระดับกรดปานกลาง ส่วนมากมีแนวโน้มของค่าความเป็นกรดเป็นด่างลดลง ยกเว้นวิธีการที่ 1 แปลงควบคุม เพิ่มขึ้น แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่พอเหมาะกับการเจริญเติบโตของข้าวโพด ซึ่งข้าวโพดสามารถเจริญเติบโตได้ดีในสภาพกรดปานกลาง ค่าความเป็นกรดเป็นด่างอยู่ที่ 5.5-6.4 ส่วนปริมาณอินทรียวัตถุเมื่อเปรียบเทียบกับก่อนการทดลอง มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในวิธีการที่มีการใช้ปุ๋ยชีวภาพ พด.12 โดยมีปริมาณอินทรียวัตถุอยู่ระหว่าง 1.02-2.15 อยู่ในระดับปานกลาง ส่วนปริมาณฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมอยู่ในระดับใกล้เคียงกับก่อนการทดลองคือ โดยปริมาณฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ อยู่ในช่วง 9.5-14.0 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ซึ่งอยู่ในระดับต่ำถึงปานกลาง ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และปริมาณโพแทสเซียมที่แลกเปลี่ยนได้ อยู่ในช่วง 94-98.25 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม อยู่ในระดับสูง ส่วนผลของการใช้ปุ๋ยเคมีร่วมกับปุ๋ยชีวภาพ พด.12 ต่อการเจริญเติบโตและผลผลิต พบว่า วิธีการใช้ปุ๋ยเคมีในอัตราหนึ่งส่วนสองร่วมกับปุ๋ยชีวภาพ พด.12 (วิธีการที่ 3) และวิธีการใช้ปุ๋ยเคมีเพียงอย่างเดียว (วิธีการที่ 2) ทำให้อัตราการเจริญเติบโตและผลผลิตต่อไร่ใกล้เคียงกัน ในทั้ง 2 ปีการทดลอง โดยในปีการทดลองที่ 1 การใช้ปุ๋ยเคมีเพียงอย่างเดียวให้ผลผลิตสูงที่สุด เท่ากับ 835.43 กิโลกรัมต่อไร่ ส่วนในปีที่ 2 การลดใช้ปุ๋ยเคมีลงครึ่งหนึ่งร่วมกับการใช้ปุ๋ยชีวภาพ พด.12 ร่วมให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นใกล้เคียงกัน โดยให้ผลผลิตต่อไร่เท่ากับ 834.05 กิโลกรัมต่อไร่ 05 และมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ 0.01 กับแปลงควบคุม (วิธีการที่ 1) มีค่าผลผลิตน้อยที่สุด และได้มีการทดลองทำการปลูกพืชปุ๋ยสดจำนวน 4 ชนิด (ถั่วพุ่มดำ ถั่วพร้า ปอเทืองและโสนอัฟริกัน)เหลื่อมในแปลงข้าวโพดโดยทำการปลูกก่อนการเก็บเกี่ยวข้าวโพด 30 วัน และได้เก็บข้อมูลของพืชปุ๋ยสดทั้ง 4 ชนิด เมื่ออายุ 60 วัน ได้น้ำหนักสดและน้ำหนักแห้ง พบว่า โสนอัฟริกัน มีการเจริญเติบโตและให้น้ำหนักสดและน้ำหนักแห้งมากที่สุด โดยมีน้ำหนักสดอยู่ที่ 1,120 – 3,480 กิโลกรัมต่อไร่ น้ำหนักแห้งเท่ากับ 313-974 กิโลกรัมต่อไร่ เนื่องจากสภาพแปลงทดลองเป็นการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังจากทำนา ทำให้สภาพดินเป็นดินนา มีน้ำขังเป็นบางแห่ง ซึ่งโสนอัฟริกันเป็นพืชที่สามารถขึ้นในสภาพน้ำขังและดินนาได้ดีกว่า ปอเทือง ถั่วพุ่ม และถั่วพร้า ซึ่งชอบดินดอน ร่วนซุย ที่มีการระบายน้ำดี
บทคัดย่อ (EN): Study on the effects of chemical fertilizer and bio-fertilizer LDD12 on increasing productivity of maize in combination with relay cropping systems. At Ban Thung Man Nua, Moo 2, Ban Phra, Mueang, Lampang Province. During October 2012 to September 2014. Objective was the effect of chemical fertilizers and bio-fertilizer LDD12 are growth and yield of maize with cropping system. Experimental planning with Randomized Complete Block Design consists of 5 methods 4 replication, one of which is controlled (no inputs). Method 2: Chemical fertilizers recommended rate. Method 3: half chemical fertilizer with bio-fertilizer LDD12. Method 4: One fourth chemical fertilizer with bio-fertilizer LDD12 and method 5: Bio-fertilizer only. The results of chemical fertilizer application with bio-fertilizer LDD12 on soil properties showed the soil had the same degree of acid intensity as before the experiment in all the experimental methods. pH of soil was in the range of 5.6-6.0, medium acid level. Most likely pH is lower except for method 1 was increased (control) and reasonable level on the growth of corn. Corn can grow well in acidic medium pH 5.5-6.4. Organic matter content compared to pre-treatment is increasing in the way that bio-fertilizer LDD12 is used, with an organic content of between 1.02-2.15 at medium level. Available phosphorus and potassium were at similar levels as before the experiment. Available phosphorus content is in the range of 9.5-14.0 mg/kg. level is low to moderate which is likely to increase slightly. Exchangeable potassium was in the range of 94-98.25 mg/kg. A result of the application of chemical fertilizers combination with bio-fertilizer LDD12 on growth and yield, it was found that the application of chemical fertilizers at the rate of one part two with bio-fertilizer LDD12 (method3) and method Only chemical fertilizers (method 2) yielded the same growth rate and yield per rai over the two years. In year 1, only chemical fertilizers produced the highest yields as 835.43 kg per rai.In year 2 method was half chemical fertilizer with bio-fertilizer LDD12 share a similar yield increases. The yield per rai was 834.05 kg/rai and significant different at the 0.01 level with the control plot (method 1). Experiment was conducted on four green manure crops (Vigna sp.,canavalia ensiformis.,crotalalia juncea., and esbania rostrata.) in maize plots, planted 30 days before corn harvest and collected data of both green manure crops. At the age of 60 days, fresh weight and dry weight were found Sesbania was the most abundant and fresh weight and dry weight had fresh weight is from 1,120 to 3,480 kg/rai. Dry weight was 313-974 kg/rai. Because of the experimental condition, corn was planted after rice cultivation. Soil condition is soil Some water Sesbania is a plant that grows better in water and soil than peanuts, bushes, and peanuts, which prefer the freeze-dried soils with good drainage.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dric.nrct.go.th/Search/SearchDetail/291760
เผยแพร่โดย: กรมพัฒนาที่ดิน
คำสำคัญ: ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ผลของปุ๋ยเคมีและปุ๋ยชีวภาพในการเพิ่มผลผลิตของข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ร่วมกับระบบการปลูกพืชเหลื่อมฤดู
กรมพัฒนาที่ดิน
30 กันยายน 2556
การใช้ปุ๋ยชีวภาพ (พด.12) ร่วมกับปุ๋ยเคมีเพื่อเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลัง อิทธิพลของปุ๋ยเคมีต่อผลผลิตของชมจันทร์ การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยเคมีและปุ๋ยชีวภาพกับการผลิตข้าวโพดพันธุ์นครสวรรค์ 2 ในชุดดินวังสะพุง ศึกษาประสิทธิภาพปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูง ทดแทนปุ๋ยเคมี เพื่อเพิ่มผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จ.ลำปาง ปัจจัยบางประการที่มีผลต่อการเลือกซื้อปุ๋ยเคมีของเกษตรกรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปัจจัยบางประการที่มีผลต่อการเลือกซื้อปุ๋ยเคมีของเกษตรกรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปัญหาการเพิ่มผลผลิตการทำนาปรังในตำบลตะเครียะ อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา โครงการวิจัย และพัฒนาระบบการปลูกสตรอเบอรี่เพื่อเพิ่มคุณภาพผลผลิตบนพื้นที่สูงของจังหวัดเพชรบูรณ์ การทดสอบวิจัยและพัฒนาระบบการปลูกพืชหลังนาในเขตน้ำใต้ดินตื้น เขตใช้น้ำฝน จังหวัดอุบลราชธานี อิทธิพลของปุ๋ยพืชสดต่อการเพิ่มผลผลิตข้าวโพดในเขตจังหวัดอุบลราชธานี
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก