สืบค้นงานวิจัย
ผลของการให้น้ำแบบประหยัดและการให้ปุ๋ยในระบบน้ำต่อผลผลิตและคุณภาพขององุ่น
สุดชล วุ้นประเสริฐ - มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
ชื่อเรื่อง: ผลของการให้น้ำแบบประหยัดและการให้ปุ๋ยในระบบน้ำต่อผลผลิตและคุณภาพขององุ่น
ชื่อเรื่อง (EN): Effect of Micro-Irrigation and Fertigation on Yield and Quality of Grapevine
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: สุดชล วุ้นประเสริฐ
ผู้ร่วมงาน / ผู้ร่วมวิจัย: ณัฐธิญา เบือนสันเทียะ
คำสำคัญ:
คำสำคัญ (EN):
บทคัดย่อ: องุ่นเป็นผลไม้ที่มีความสำคัญ ได้รับความนิยมปลูกในประเทศไทยเพราะผลองุ่นมีคุณค่าทาง โภชนาการ และสามารถแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นได้หลายชนิด เป็นพืชที่มีศักยภาพในการให้ผลผลิต และมีมูลค่ของผลผลิตสูง ส่งผลให้มีการขยายพื้นที่การเพาะปลูกเพิ่มขึ้น แต่ปัจจุบันยังขาดคำแนะนำ ถึงเทคโนโลยีการปลูกที่เหมาะสมกับสภาพอากาศร้อนขึ้นของประเทศไทย โดยเฉพาะการจัดการน้ำ และปุ๋ยที่ถูกต้อง องุ่นเหมือนกับพืชชนิดอื่น ที่ต้องการธาตุอาหารที่จำเป็นทั้ง 16 ชนิดในสัดส่วนที่ เหมาะสม หากได้รับธาตุอาหารไม่สมดุลจะมีผลกระทบต่อการเจริญเติบโต และผลผลิต อาการขาด ธาตุอาหารสามารถวินิจฉัยได้โดยการวิเคราะห์เนื้อเยื่อพืชด้วยวิธีเคมี ซึ่งเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการ ตรวจสอบความผิดปกติของธาตุอาหารในพืช ปัจจุบันได้มีการนำเทคนิคการเรื่องรังสีเอกซ์ด้วยแสง ซินโครตรอน (XRF) มาใช้ในการตรวจหาธาตุบางชนิดในวัสดุต่าง ๆ เทคนิคนี้สามารถใช้กับตัวอย่างที่ มีขนาดเล็ก และวิเคราะห์ได้เร็วกว่าวิธีเคมี ดั่งนั้นเทคนิคนี้อาจนำมาประยุกต์ใช้ในการวินิจฉัยระดับ ธาตุอาหารในพืชได้ หากผลการวิเคราะห์มีความสัมพันธ์ที่ดีกับวิธีเคมี การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อ 1) ศึกษาผลของการให้น้ำ และการจัดการธาตุอาหารพืชในระบบน้ำหยดต่อการเจริญเติบโตของ องุ่น 2) ศึกษาปริมาณ และการกระจายตัวของธาตุอาหารพืชในใบองุ่น และ 3) ศึกษาความเป็นไปได้ใน การใช้เทคนิคการเรื่องรังสีเอกซ์ด้วยแสงชินโครตรอนสำหรับการวิเคราะห์ธาตุอาหารพืชในใบองุ่น โดย ได้ทำการทดลอง 2 การทดลองประกอบด้วย การทดลองที่ ผลของการให้ปุย และน้ำในระบบน้ำ หยด ต่อการเจริญเติบโตขององุ่น วางแผนการทดลองแบบ Randomized Complete Block Desien จำนวน 7 ทรีตเมนต์ 3 ซ้ำ ประกอบด้วย T1) ชุดควบคุม (ให้น้ำทางผิวดิน และไมให้ปุ๋ย) T2) ให้น้ำทางผิวดิน และให้ปุยทางดิน สูตร 12-24-12, T3) ให้น้ำหยด และให้ปุ๋ยทางดิน สูตร 12 24-12, T4) ให้ปุ้ยในระบบน้ำหยด สูตร 12-24-12, T5) ให้ปุ๋ยในระบบน้ำหยด สูตร 10.2-4.2-17.9 T6) ให้ปุ๋ยในระบบน้ำหยด สูตร 10.24.2-17.9+ธาตุอาหารรอง และ 17) ให้ปุ๋ยในระบบน้ำหยด สูตร 10.2 4.2- 17.9 +ธาตุอาหารรอง +ธาตุอาหารเสริ่ม ในทุกทรีตเมนต์ยกเว้นในชุดควบคุมให้ปุ๋ยธาตุ อาหารหลักปริมาณเท่ากันคือ 83 กรัม/ต้น ผลการทดลองพบว่การให้ปุ๋ยทุกทรีตเมนต์มีการ เจริญเติบโตมากกว่าการไมให้ปุย และการให้ปุ๋ยในระบบน้ำหยดมีการเจริญเติบโตขององุ่นดีกว่าการ ให้ปุ๋ยทางดิน ส่วนการให้ปุ๋ยในระบบน้ำหยด สูตร 10.2 -4.2-17. (T5) มีแนวโน้มส่งเสริมให้องุ่นมีการ เจริญเติบโตทางด้านความยาวกิ่ง จำนวนใบ เส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น และปริมาณคลอโรฟิลล์ในใบ กลางได้สูงที่สุด ส่วนการทดลองที่ 2 เป็นการวินิจฉัยการสะสม ฟอสฟอรัส โพแทสเชียม และ แคลเชียม ในใบองุ่น โดยเทคนิค XRF และวิธีทางเคมี โดยนำตัวอย่างใบจากการทดลองที่ 1 มา วิเคราะห์ ธาตุฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และแคลเซียมด้วยวิธีการทั้งสอง ผลการทดลองพบว่าจาก การวิเคราะห์ธาตุอาหารในใบด้วยวิธีเคมี ทุกทรีตเมนต์มีการสะสมธาตุฟอสฟอรัส และโพแทสเชียม อยู่ในความเข้มขันที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของต้นองุ่น แต่ธาตุแคลเชียมส่วนใหญ่มีปริมาณต่ำ กว่าระดับที่เหมาะสมยกเว้นใน T6 และ 17 ซึ่งมีการใส่ธาตุแคลเซียมร่วมด้วยจะมีธาตุแคลเซียมในใบ ที่พอเพียง ส่วนการเปรียบเทียบการวิเคราะห์ธาตุอาหารพืชด้วยวิธีเคมี กับวิธี XRF พบว่าทั้งสอง วิธีการให้ผลไปในทิศทางเดียวกัน โดยมีค่าสหสัมพันธ์ (R) ระหว่างวิธีการวิเคราะห์ ธาตุฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และธาตุแคลเชียม ที่ 0.764, 0.774 และ 0.898 ตามลำดับ ซึ่งแสดงให้เห็นวิธี XRF อาจ นำมาประยุกต์ใช้ในการวิเคราะห์ และตรวจวินิจฉัยสถานะของธาตุอาหารในใบองุ่นได้
บทคัดย่อ (EN): Grapevine is one of the important fruit crops in Thailand because of grape berries have high nutritional values and can be processed into several products. It also has high yield potential and good product prices which lead to the expansion of its growing areas. However, the suitable technologies for grape production under hot and humid conditions in Thailand are still limited, especially on nutrient and water management. Grape requires 16 essential mineral nutrients in suitable ratios for optimum growth. Its growth and yield will be limited if it receives an imbalance of mineral nutrients. Diagnosis of nutrients status in plant tissues can be achieved by chemical analysis. Currently, the Synchrotron X-ray Fluorescence technique (XRF) is successfully adopted for analyzing mineral elements in various materials. It is a fast technique and requires small amount of sample materials. It could be applied to analyze mineral nutrients in plant tissues if its analysis results are well correlated to the standard chemical method. The objectives of this research are: 1) to study the effects of water application and plant nutrient management via drip irrigation system on grape vegetative growth, 2) to study plant nutrient content and distribution in grape leaves and 3) to study the possibility of using the synchrotron XRF technique for plant nutrient analysis in grape leaves. There were two experiments in this research. In the first experiment, the effects of drip irrigation and fertigation on vegetative growth of grape were evaluated. Seven treatments of irrigation and fertilizer application were arranged in a Randomized Complete Block Design with 3 replications. Treatments consisted of T1) control, T2) surface irrigation+soil fertilizer application of 12-24-12 (N-P2O5 -K2O), T3) drip irrigation+soil fertilizer application of12-24-12, T4) drip irrigation+fertigation of12-24-12, T5) drip irrigation+fertigation of10.2-4.2-17.9, T6) drip irrigation+fertigation of 10.2-4.2-17.9+ secondary nutrients, and T7) drip irrigation fertigation of10.2-4.2-17.9+secondary and micro nutrients.Total primary nutrient fertilizer applications in all treatments except control were 83 g/plant. The results showed that all fertilizer treatments yielded greater growth than control treatment. Grape growth under fertigation was greater than those under surface soil fertilizer application. The treatments of drip irrigation+fertigation of 10.2-4.2-17.9 (N-P2O5-K2O) (T5) tended to produce the highest vegetative growth. In the second experiment, the leaf tissues in all treatments of experiment 1 were analyzed for mineral nutrients (P, K and Ca) by chemical and the synchrotron XRF techniques. The results showed that, with the chemical analysis, P and K contents in the leaves of all treatments except control were in the sufficient range. Leaf Ca content in most treatments were in the deficient range except T6 and T7. The regression and correlation analysis showed the significant positive correlation of the nutrient analysis results (P, K and Ca) between the synchrotron XRF technique and the chemical method (R2= 0.764, 0.774 and 0.898). The results implied that the synchrotron XRF technique could be applied for nutrient analysis and the diagnosis of nutrient status in grape
ปีเริ่มต้นงานวิจัย: 2554-10-01
ปีสิ้นสุดงานวิจัย: 2555-09-30
ลิขสิทธิ์: แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย (CC BY-NC-ND 3.0 TH)
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ผลของการให้น้ำแบบประหยัดและการให้ปุ๋ยในระบบน้ำต่อผลผลิตและคุณภาพขององุ่น
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
30 กันยายน 2555
การผสมผสานการให้ปุ๋ยในระบบน้ำและภูมิอากาศเฉพาะแห่ง การพัฒนาการผลิตพริก และมะเขือเทศในตะวันออกเฉียงเหนือโดยใช้น้ำแบบประหยัด และการให้ปุ๋ยในระบบน้ำ ผลของการใช้น้ำชลประทานเพิ่มเติมต่อการเจริญเติบโตผลผลิต และคุณภาพผลผลิตของปาล์มน้ำมันในช่วงฤดูแล้ง (ปีที่ 3) โปรแกรมฐานข้อมูลแนะนำการใช้ปุ๋ย dbFRec for DOS โรคสแคปขององุ่น (Sphaceloma ampelinum de Bary) ผลของการให้น้ำชลประทานเพิ่มเติมต่อการเจริญเติบโต ผลผลิต และคุณภาพผลผลิตของปาล์มน้ำมันในช่วงฤดูแล้ง ปีที่ 2 ผลของการให้น้ำชลประทานเพิ่มเติมต่อการเจริญเติบโต ผลผลิต และคุณภาพผลผลิตของปาล์มน้ำมันในช่วงฤดูแล้ง ปีที่ 3 อิทธิพลของการให้น้ำและปุ๋ยต่อการเจริญเติบโตและผลผลิตของปาล์มน้ำมันลูกผสมสุราษฎร์ธานี 7 การพัฒนาวิธีการให้น้ำแบบประหยัด และการให้ปุ๋ยในระบบน้ำ ในการผลิตพริก และมะเขือเทศในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผลของปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงร่วมกับปุ๋ยเคมีต่ผลผลิตและคุณภาพขององุ่นพันธุ์ Perlette (ชื่อเดิม : ผลของปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงและปุ๋ยอินทรีย์น้ำต่อผลผลิตและคุณภาพขององุ่นพันธุ์ Perlette)

แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย (CC BY-NC-ND 3.0 TH)
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก