สืบค้นงานวิจัย
การศึกษาระดับการเกิดฮิวมิกของปุ๋ยหมัก และผลของการเป็นสารคีเลตต่อความสามารถในการปลดปล่อยจุลธาตุอาหาร
ศุภโชค กำภูพงษ์ - มหาวิทยาลัยศิลปากร
ชื่อเรื่อง: การศึกษาระดับการเกิดฮิวมิกของปุ๋ยหมัก และผลของการเป็นสารคีเลตต่อความสามารถในการปลดปล่อยจุลธาตุอาหาร
ชื่อเรื่อง (EN): Study of humification degree and effect as chelating agentof the compost on the ability of releasing micronutrients
บทคัดย่อ: ชื่อโครงการ การศึกษาระดับการเกิดฮิวมิกของปุ๋ยหมัก และผลของการเป็นสารคีเลต ต่อความสามารถในการปลดล่อยจุลธาตุอาหาร ชื่อผู้วิจัย 1) รองศาสตราจารย์ ดร.นัทธีรา สรรมณี (หัวหน้าโครงการ) คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร 2) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กุลนาถ อบสุวรรณ (ผู้ร่วมวิจัย) คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร 3) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กมลชนก พานิชการ (ผู้ร่วมวิจัย) คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร 4) นายศุภโชค กำภูพงษ์ (ผู้ร่วมวิจัย) เครือข่ายเกษตรอินทรีย์ชีวภาพก้าวหน้า นครปฐม แหล่งทุนอุดหนุนการวิจัย งบประมาณแผ่นดินประจำปี 2557-2558 สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยศิลปากร ปีที่เสร็จ 2560 ประเภทการวิจัย การวิจัยประยุกต์ สาขาวิชา เกษตรศาสตร์และชีววิทยา บทคัดย่อ วัตถุประสงค์ของงานวิจัยนี้เพื่อที่จะศึกษาระดับการเกิดสารฮิวมิกของปุ๋ยหมัก 2 ชนิดที่แตกต่างกัน ได้แก่ ปุ๋ยหมักมูลหมูและมูลไก่ และผลของการเป็นคีเลตต่อจุลธาตอาหารซึ่งได้แก่เหล็ก และแมงกานีส จากอาหารตามสูตรของ Murashige and Skoog (MS) ที่เข้มข้นเพียง 1 ใน 4 ของสูตรปกติ ปุ๋ยหมักทั้ง 2 สูตรผสมกับวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรถูกเก็บตัวอย่างตลอดกระบวนการหมักในวันที่ 0, 3, 7, 14, 21, 28, 35, 49, 63, 77, 91, 105 และ 119 และถูกแบ่งตามอุณหภูมิออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะเริ่มผสมวันที่ 0 ระยะอุณหภูมิสูงวันที่ 1-34 สำหรับปุ๋ยหมักมูลหมู และ 1-41 สำหรับปุ๋ยหมักมูลไก่ และระยะปุ๋ยเจริญเต็มที่วันที่ 35-119 สำหรับปุ๋ยหมักมูลหมู และ 42-119 สำหรับปุ๋ยหมักมูลไก่ ซึ่งระดับออกซิเดชันภายในรวมถึงอัตราส่วนไฮโดรเจนต่อคาร์บอน และออกซิเจนต่อคาร์บอนบ่งบอกถึงสภาวะออกซิเดชันที่เพิ่มขึ้นของกรดฮิวมิกเมื่อใกล้สิ้นสุดกระบวนการหมัก โดยปริมาณออกซิเจนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหลังจากวันที่ 91 ซึ่งบ่งบอกถึงโครงสร้างที่ถูกออกซิไดซ์มีมากขึ้นในปุ๋ยหมักทั้งคู่ พารามิเตอร์เชิงแสง (E4/E6) แสดงให้เห็นถึงกระบวนการสร้างสารฮิวมิกในปุ๋ยหมักที่ค่อนข้างคงที่ในช่วงที่ปุ๋ยทั้งสองเจริญเต็มที่ โดยในปุ๋ยหมักมูลหมูจะมีคุณภาพสารฮิวมิกที่ดีกว่าจากค่าอัตราส่วน E4/E6 ที่ต่ำกว่ามีค่าอยู่ในช่วง 2.2-2.3 ขณะที่ในปุ๋ยหมักมูลไก่มีค่าอยู่ในช่วง 2.4-2.8 สอดคล้องกับเสถียรภาพของสารประกอบเชิงซ้อนกับเหล็กและแมงกานีสของปุ๋ยหมักมูลหมูที่สูงกว่าปุ๋ยหมักมูลไก่ การเพิ่มปริมาณของกรดฮิวมิกมีผลกับเหล็กมากกว่าแมงกานีสในปุ๋ยหมักมูลหมู แต่ไม่แสดงผลอย่างชัดเจนกับปุ๋ยหมักมูลไก่ อย่างไรก็ดี การเพิ่มระยะเวลาการหมักมีผลกับเพียงเหล็กเท่านั้นในปุ๋ยหมักมูลหมูแต่ไม่มีผลต่อแมงกานีส ขณะที่ในปุ๋ยหมักมูลไก่ เสถียรภาพของสารประกอบเชิงซ้อนกับโลหะทั้งสองชนิดลดลงทั้งคู่ จากผลการศึกษาพบว่ากรดฮิวมิกที่สกัดจากแหล่งที่แตกต่างกันแสดงผลที่แตกต่างกันต่อเสถียรภาพสารประกอบเชิงซ้อนกับไอออนโลหะ ยิ่งไปกว่านั้น การทดสอบกรดฮิวมิกในลักษณะสารคีเลตต่อการเจริญเติบโตของเรดโอ๊ค (Lactuca sativa var. Crispa L.) ด้วยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพบว่ามีผลสอดคล้องกับระยะเวลาการหมักสำหรับปุ๋ยหมักมูลหมูแต่ไม่เจริญเติบโตในมูลไก่ ซึ่งสอดคล้องกับผลของกรดฮิวมิวที่สกัดจากมูลหมูที่คุณภาพค่อนข้างดีกว่าจากของมูลไก่ ดังนั้นการศึกษาระดับการเกิดสารฮิวมิกช่วยให้ความเข้าใจถึงศักยภาพของปุ๋ยหมักในการปลดปล่อยจุลธาตุอาหาร รวมถึงแนวคิดในการเลือกชนิดและอายุปุ๋ยหมักได้ จากการศึกษานี้ ปุ๋ยหมักมูลหมูให้คุณภาพที่ดีกว่าปุ๋ยหมักมูลไก่จึงถูกแนะนำให้ใช้สำหรับการเกษตร คำสำคัญ: ปุ๋ยหมัก, กรดฮิวมิก, Chelex, เหล็ก, แมงกานีส
บทคัดย่อ (EN): Research Title Study of humification degree and effect as chelating agent of the compost on the ability of releasing micronutrients Researchers 1) Assoc. Prof. Natdhera Sanmanee, Ph. D (Project Leader) Faculty of Science, Silpakorn University 2) Asst. Prof. Kullanart Obsuwan, Ph.D (Co-Researcher) Faculty of Science, Silpakorn University 3) Asst. Prof. Kamolchanok Panishkan, Ph.D (Co-Researcher) Faculty of Science, Silpakorn University 4) Mr. Supachok Kampupong (Co-Researcher) Advanced Organic farming Network, Nakorn Pathom Research Grants Fiscal Year 2014-2015 Research and Development Institute, Silpakorn University Year of completion 2017 The objectives of this research were to study the humification degree of the 2 different composts, pig and chicken manure composts and their chelating effects on micronutrients which were iron (Fe2+) and manganese (Mn2+) obtained from ? of Murashinge and Skoog (MS). Two composts mixed with the same agricultural wastes were collected during fermenting period at day 0,3, 7, 14, 21, 28, 35, 49, 63, 77, 91, 105 and 119. The composts were divided after temperature into 3 stages—initial stage at day 0, thermophilic stage during day 1-34 for pig manure and 1-41 for chicken manure, and mature stage during day 35-119 for pig manure and 42-119 from chicken manure. Internal oxidation including H/C and O/C indicated the higher oxidation of humic acids towards the end of composting. The numbers of oxygen increased significantly after day 91 implying the more oxidized structures in both composts. The optical parameters (E4/E6) showed that the humificaition of both composts were steady during mature stages with the better humic acid quality in pig maure compostas shown by lower E4/E6 ratio, 2.2-2.3 while chicken manure compost was found between 2.4-2.8. In corresponding to their qualities, the humic acid extracted from pig manure compost yielded higher complex stability with both iron and manganese than from chicken manure compost. Increasing the amounts of humic acid seemed to respond with iron than manganese in pig manure compost but not clearly affected in chicken manure compost of both metals. However, increasing the fermenting time affected on only iron in pig manure compost but not with the manganese while in chicken manure compost, stabilities of both complexes were reduced. As a result, humic acid extracted from the different sources showed the different effects on the complex stability with metal ions. Moreover, testing humic acid as chelating agent on the growth with red oak (Lactuca sativa var. Crispa L.) via tissue culture showed the same respond with time from pig manure but showed no growth with chicken manure. This corresponded to the results that humic acids extracted from pig manure seemed to have better quality than from chicken manure. Thus, study the humification degree of different composts helped understanding how the compost having the potentially releasing the micronutrients to plants including the idea of selecting types of the composts and the duration of their fermenting period. From this study, pig manure compost gain superior in its quality over the chicken manure compost and was suggested to be used for agriculture. Key words: Compost, Humic Acid, Chelex, Iron, Manganese
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยศิลปากร
คำสำคัญ: การเจริญเติบโตของพืช
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การศึกษาระดับการเกิดฮิวมิกของปุ๋ยหมัก และผลของการเป็นสารคีเลตต่อความสามารถในการปลดปล่อยจุลธาตุอาหาร
มหาวิทยาลัยศิลปากร
30 กันยายน 2558
อาหารบำรุงสมอง อนาคตของอาหารโลกอยู่ในมือของคุณ สถานะภาพของจุลธาตุอาหารและการแก้ไขการขาดจุลธาตุอาหารในพืชเศรษฐกิจที่ปลูกในดินเนื้อปูน การเพิ่มผลผลิตข้าวหอมมะลิในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยโดยการจัดการธาตุ อาหารรอง จุลธาตุอาหาร การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ และวัสดุเหลือทิ้งจากโรงงานอตุสาหกรรม ระบบอิมัลชันในอาหารและความคงตัว พื้นฐานของเนื้อสัมผัสอาหารที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ศึกษาการใช้ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์ ธาตุอาหารรองและสารปรับปรุงดินแบบบูรณาการ เพื่อเพิ่มผลผลิตหม่อนผลสด ในดินชุดสตึก ศึกษาการใช้ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์ ธาตุอาหารรองและสารปรับปรุงดินแบบบูรณาการเพื่อเพิ่มผลผลิตหม่อนผลสดในชุดดินโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย ศึกษาการใช้ปุ๋ยเคมี ปุ๋ยอินทรีย์ ธาตุอาหารรองและสารปรับปรุงดินแบบบูรณาการ เพื่อเพิ่มผลผลิตหม่อนผลสดในชุดดินโคราช (มุกดาหาร) ระดับโปรตีนและพลังงานที่เหมาะสมในอาหารปลาอีกงวัยรุ่น
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก