สืบค้นงานวิจัย
เปรียบเทียบสมบัติของแอสฟัสท์ธรรมดากับแอสฟัสท์ผสมยางธรรมชาติในการสร้างถนน
ณพรัตน์ วิชิตชลชัย - การยางแห่งประเทศไทย
ชื่อเรื่อง: เปรียบเทียบสมบัติของแอสฟัสท์ธรรมดากับแอสฟัสท์ผสมยางธรรมชาติในการสร้างถนน
ชื่อเรื่อง (EN): Comparation the Specification of Asphalt and Mixed Natural Rubber for Road Construction
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: ณพรัตน์ วิชิตชลชัย
บทคัดย่อ: ปัจจุบันประเทศมีการพัฒนาทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคมมากขึ้น การคมนาคมขนส่งมีความสำคัญและมีการขยายตัวมาก โดยเฉพาะถนนเป็นปัจจัยหลักของการคมนาคม และมักพบปัญหาถนนเกิดการชำรุดเสียหายเร็วกว่าปกติ ยางพาราเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ และเป็นพอลิเมอร์ชนิดหนึ่งที่สามารถนำมาใช้ในการปรับปรุงสมบัติของแอสฟัลต์ที่ใช้ในงานทางให้ดีขึ้น จากการศึกษาเทคนิคและอัตราส่วนผสมยางพารากับแอสฟัลต์ที่เหมาะสมพบว่า การใช้ยางแผ่นรมควันผสมแอสฟัลต์ เพื่อปรับปรุงสมบัติของแอสฟัลต์ ในปริมาณ 6% ต่อน้ำหนักแอสฟัลต์เป็นอัตราเหมาะสมที่สุด เนื่องจากมี ค่าจุดอ่อนตัว , ค่าการคืนกลับตัว , ค่า Toughness , ค่า Tenacity , ค่าความหนืด และ ค่า Penetration Index สูงขึ้น ซึ่งค่าเหล่านี้สามารถเป็นข้อบ่งชี้ว่า ถนนมีความแข็งแรงและความทนทานเพิ่มขึ้น อีกทั้งค่าความหนืดที่เพิ่มขึ้นก็ยังอยู่ในระดับที่ไม่ก่อให้เกิดปัญหาในการผลิตแอสฟัลท์คอนกรีต แต่การทดลองที่กล่าวมาแล้วนั้นเป็นการทดลองในห้องปฏิบัติการ ซึ่งใช้เครื่องผสมขนาดเล็กที่มีประสิทธิภาพสูง จึงจำเป็นต้องศึกษาเปรียบเทียบสมบัติของแอสฟัลต์ธรรมดากับ แอสฟัลต์ผสมยางพาราในการสร้างถนน โดยต้องคำนึงถึงความเป็นไปได้ของการผสม ประสิทธิภาพในการผสมแอสฟัลต์กับยางพารา ในระดับโรงงานผสมแอสฟัลต์คอนกรีต และสามารถนำไปใช้ในการราดถนนได้จริง ซึ่งพบว่าการใช้น้ำยางข้นสามารถผสมเป็นเนื้อเดียวกับแอสฟัลต์ได้ดีกว่ายางแผ่นรมควัน อัตราส่วนผสมน้ำยางข้นที่เหมาะสมในการผสมแอสฟัลต์ในโรงงานผสม และใช้งานราดถนนคืออัตราร้อยละ 5 ของเนื้อยางแห้งต่อน้ำหนักแอสฟัลต์ เพราะนอกจากสามารถปรับปรุงสมบัติแอสฟัลต์ให้ดีขึ้นแล้ว ยังสามารถผสมเป็นเนื้อเดียวกันกับแอสฟัลต์ในสภาพโรงผสมได้อีกด้วย แต่การเติมน้ำยางข้นต้องค่อยๆ เติมในปริมาณน้อยต่อครั้งของการเติม เพื่อป้องกันการเกิดฟอง นอกจากนี้ผลการทดสอบเมื่อเก็บตัวอย่างแอสฟัลท์คอนกรีตจากถนนที่ราดด้วยแอสฟัลต์ผสมน้ำยางข้นอัตราร้อยละ 5 มีค่าเสถียรภาพ (Stability) สูงกว่า ถนนที่ราดด้วยแอสฟัลต์ปกติ ซึ่งแสดงว่าถนนสามารถรับน้ำหนักการจราจรได้ดี และจากการทดสอบ การเกิดร่องล้อ พบว่าตัวอย่างถนนที่ราดด้วยแอสฟัลต์ผสมกับน้ำยางข้นอัตราร้อยละ 5 มีการเกิดร่องล้อน้อยกว่าตัวอย่างถนนที่ราดด้วยแอสฟัลต์ปกติ ซึ่งคาดว่าสามารถลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมและบำรุงรักษาถนน พร้อมกันนี้ยังเป็นการเพิ่มปริมาณในการใช้ยางภายในประเทศมากขึ้น โดยในแต่ละปีประเทศไทยมีปริมาณการใช้แอสฟัลต์เฉลี่ย 839,400 ตัน ถ้าใช้ยางพาราผสมแอสฟัลต์ในอัตราร้อยละ 5 สามารถใช้ยางพาราปีละไม่น้อยกว่า 40,000 ตัน ปัจจุบันการใช้ยางพาราผสมในแอสฟัลต์ถูกจัดอยู่ใน แผนงานการใช้ยางธรรมชาติในงานทางปี 2545 -2549 ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการสร้างและซ่อมบำรุงรักษาถนนได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์,กระทรวงการคมนาคม และกระทรวงมหาดไทย นำไปใช้ปฏิบัติได้ ทั้งยังสามารถนำไปใช้เป็นแนวทางในการกำหนดนโยบายพัฒนาประเทศอีกด้วย
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: การยางแห่งประเทศไทย
คำสำคัญ: การสร้างถนน
คำสำคัญ (EN): Construction
เจ้าของลิขสิทธิ์: การยางแห่งประเทศไทย
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
เปรียบเทียบสมบัติของแอสฟัสท์ธรรมดากับแอสฟัสท์ผสมยางธรรมชาติในการสร้างถนน
การยางแห่งประเทศไทย
ไม่ระบุวันที่เผยแพร่
การแปรรูปน้ำยางผสมของยางธรรมชาติกับยางสังเคราะห์ ผลของกลีเซอรอลและการเติมยางธรรมชาติอิพอกไซด์ (ENR)และยางธรรมชาติ (NR)ต่อสมบัติของฟิล์มเจลาตินจากวัว การเปรียบเทียบถุงมือยางชนิดตรวจโรคที่ผลิตจากยางธรรมชาติและไนไตรล์ การใช้ยางธรรมชาติในพอลิเมอร์ผสมชนิดยางธรรมชาติกับยางอีพีดีเอ็มสำหรับขอบประตูเรือหลวง การศึกษาสมบัติเชิงกลและการย่อยสลายทางชีวภาพของ PLA โดยการสร้างพันธะเชื่อมโยงร่วมกับยางธรรมชาติที่มีหมู่คลอโรอะซีเตท การผลิตยางธรรมชาติอิพอกไซด์จากน้ำยางสด การปรับปรุงสมบัติทางความร้อนของยางธรรมชาติโดยวิธีไดอิไมด์ไฮโดรจิเนชั่น อุปกรณ์หนุนสะโพกจากยางธรรมชาติ การใช้ยางธรรมชาติร่วมกับยางสังเคราะห์เพื่อผลิตปะเก็นยางทนน้ำมันสำหรับสวมเพลาเกียร์ การวิจัยเพื่อผลิตยางธรรมชาติคุณภาพพิเศษ
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก