สืบค้นงานวิจัย
ระบบภูมิสารสนเทศเพื่อการประเมินศักยภาพแหล่งการหากินของช้างป่า บริเวณอุทายาแห่งชาติกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
Nanta Changthongkham - มหาวิทยาลัยมหิดล
ชื่อเรื่อง: ระบบภูมิสารสนเทศเพื่อการประเมินศักยภาพแหล่งการหากินของช้างป่า บริเวณอุทายาแห่งชาติกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ชื่อเรื่อง (EN): Geo-Informatics for wild elephant living space at Kuiburi National Park, Prajuabkirlkhan province
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Nanta Changthongkham
บทคัดย่อ: การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาลักษณะ รูปแบบ และปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับแหล่งหากินของช้าง ป่าเพื่อทำการประเมินศักยภาพแหล่งหากินและวิเคราะห์เส้นทางหากินของช้างป่า โดยการศึกษาในครั้งนี้ได้ใช้ เทคนิคการวิเคราะห์พื้นที่แบบ Potential Surface Analysis และ Network Analysis ในโมดูลของ shortest path และ finding the closest facility ซึ่งเป็น Extention หนึ่งในโปรแกรม Arcview เป็นเครื่องมือช่วยในการวิเคราะห์ ผลการศึกษาพบว่า ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์มากกับพฤติกรรมของแหล่งหากินของช้างป่า คือ ปัจจัย ทางด้าน ป่าไม้, แหล่งน้ำ, แหล่งโป่ง, ระดับความสูง, ความลาดชัน และหน่วยพิทักษืป่า เมื่อนำมาทำการ ซ้อนทับข้อมูลแล้วพบว่า มีพื้นที่ที่มีศักยภาพสูง 1,266.07 ตารางกิโลเมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 65.02 ของพื้นที่ ทั้งหมด, พื้นที่ที่มีศักยภาพปานกลาง 678.36 ตารางกิโลเมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 34.84 ของพื้นที่ทั้งหมดและ พื้นที่ที่มีศักยภาพต่ำ 2.87 ตารางกิโลเมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 0.15 ของพื้นที่ทั้งหมด ส่วนปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ ค่อนข้างกับพฤติกรรมของแหล่งหากินของช้างป่า คือ ปัจจัยทางด้านที่ตั้งชุมชน, เส้นทางคมนาคม และพื้นที่ เกษตร เมื่อนำมาทำการซ้อนทับข้อมูลแล้วพบว่า มีพื้นที่ที่มีศักยภาพสูง 1,006.63 ตารางกิโลเมตร หรือคิดเป็นร้อย ละ 51.69 ของพื้นที่ทั้งหมด, พื้นที่ที่มีศักยภาพปานกลาง 449.75 ตารางกิโลเมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 23.10 ของ พื้นที่ทั้งหมด และพื้นที่ที่มีศักยภาพต่ำ 490.92 ตารางกิโลเมตร หรือคิดเป็น ร้อยละ 25.21 ของพื้นที่ทั้งหมด ดังนั้นเมื่อเรานำพื้นที่ของปัจจัยที่เป็นบวกและลบมาซ้อนทับกันโดยวิธี matrix overly ซึ่งผลที่ได้คือพื้นที่ที่มี ศักยภาพสูง1,003.82 ตารางกิโลเมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 51.55 ของพื้นที่ทั้งหมด, พื้นที่ที่มีศักยภาพปานกลาง 449.75 ตารางกิโลเมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 23.10 ของพื้นที่ทั้งหมด และ พื้นที่ที่มีศักยภาพต่ำ 493.73 ตาราง กิโลเมตร หรือคิดเป็นร้อยละ25.35 ของพื้นที่ทั้งหมด และจากผลการศึกษาโดยใช้ Function การหาเส้นทางที่ สั้นที่สุด (Shortest path) จะเห็นได้ว่าปัจจัยที่สำคัญในการหากินของช้างป่า ณ.อุทยานแห่งชาติกุยบุรีคือลักษณะ และรูปแบบของพื้นที่แหล่งน้ำ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติ และแหล่งน้ำธรรมชาติที่ถูกพัฒนาโดยมนุษย์ โดยแหล่งน้ำเหล่านี้จะเป็นแหล่งน้ำพื้นผิวดิน (Surface Water) โดยเส้นทางการเดินจะมีรูปแบบเป็นไปตามลำธาร, พื้นที่ราบที่มีความลาดชันไม่มากที่ไม่เกิน 3 เปอร์เซนต์, รวมไปถึงพื้นที่ส่วนใหญ่ที่ช้างป่าเดินผ่านเป็นป่าเบญจ พรรณ ห่างจากที่ตั้งชุมชน แต่อยู่ใกล้กับพื้นที่เกษตรกรรม คือไร่สัปปะรด และท้ายสุดจุดเริ่มต้นทางเดินของช้าง ป่าไปยังแหล่งน้ำ โดยช้างป่าจะทำการเดินไปยังแหล่งน้ำใกล้ที่สุด ณ จุดที่ช้างอยู่ ซึ่งสอดคล้องกับการทำงานของ function ทั้งสองคือ shortest path และ finding the closest facility
บทคัดย่อ (EN): in establishing the shortest path and finding the closest facility
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=126&RecId=2789&obj_id=2434
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยมหิดล
คำสำคัญ (EN): Prajuabkirlkhan
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยมหิดล
รายละเอียด: การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาลักษณะ รูปแบบ และปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับแหล่งหากินของช้าง ป่าเพื่อทำการประเมินศักยภาพแหล่งหากินและวิเคราะห์เส้นทางหากินของช้างป่า โดยการศึกษาในครั้งนี้ได้ใช้ เทคนิคการวิเคราะห์พื้นที่แบบ Potential Surface Analysis และ Network Analysis ในโมดูลของ shortest path และ finding the closest facility ซึ่งเป็น Extention หนึ่งในโปรแกรม Arcview เป็นเครื่องมือช่วยในการวิเคราะห์ ผลการศึกษาพบว่า ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์มากกับพฤติกรรมของแหล่งหากินของช้างป่า คือ ปัจจัย ทางด้าน ป่าไม้, แหล่งน้ำ, แหล่งโป่ง, ระดับความสูง, ความลาดชัน และหน่วยพิทักษืป่า เมื่อนำมาทำการ ซ้อนทับข้อมูลแล้วพบว่า มีพื้นที่ที่มีศักยภาพสูง 1,266.07 ตารางกิโลเมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 65.02 ของพื้นที่ ทั้งหมด, พื้นที่ที่มีศักยภาพปานกลาง 678.36 ตารางกิโลเมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 34.84 ของพื้นที่ทั้งหมดและ พื้นที่ที่มีศักยภาพต่ำ 2.87 ตารางกิโลเมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 0.15 ของพื้นที่ทั้งหมด ส่วนปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ ค่อนข้างกับพฤติกรรมของแหล่งหากินของช้างป่า คือ ปัจจัยทางด้านที่ตั้งชุมชน, เส้นทางคมนาคม และพื้นที่ เกษตร เมื่อนำมาทำการซ้อนทับข้อมูลแล้วพบว่า มีพื้นที่ที่มีศักยภาพสูง 1,006.63 ตารางกิโลเมตร หรือคิดเป็นร้อย ละ 51.69 ของพื้นที่ทั้งหมด, พื้นที่ที่มีศักยภาพปานกลาง 449.75 ตารางกิโลเมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 23.10 ของ พื้นที่ทั้งหมด และพื้นที่ที่มีศักยภาพต่ำ 490.92 ตารางกิโลเมตร หรือคิดเป็น ร้อยละ 25.21 ของพื้นที่ทั้งหมด ดังนั้นเมื่อเรานำพื้นที่ของปัจจัยที่เป็นบวกและลบมาซ้อนทับกันโดยวิธี matrix overly ซึ่งผลที่ได้คือพื้นที่ที่มี ศักยภาพสูง1,003.82 ตารางกิโลเมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 51.55 ของพื้นที่ทั้งหมด, พื้นที่ที่มีศักยภาพปานกลาง 449.75 ตารางกิโลเมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 23.10 ของพื้นที่ทั้งหมด และ พื้นที่ที่มีศักยภาพต่ำ 493.73 ตาราง กิโลเมตร หรือคิดเป็นร้อยละ25.35 ของพื้นที่ทั้งหมด และจากผลการศึกษาโดยใช้ Function การหาเส้นทางที่ สั้นที่สุด (Shortest path) จะเห็นได้ว่าปัจจัยที่สำคัญในการหากินของช้างป่า ณ.อุทยานแห่งชาติกุยบุรีคือลักษณะ และรูปแบบของพื้นที่แหล่งน้ำ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติ และแหล่งน้ำธรรมชาติที่ถูกพัฒนาโดยมนุษย์ โดยแหล่งน้ำเหล่านี้จะเป็นแหล่งน้ำพื้นผิวดิน (Surface Water) โดยเส้นทางการเดินจะมีรูปแบบเป็นไปตามลำธาร, พื้นที่ราบที่มีความลาดชันไม่มากที่ไม่เกิน 3 เปอร์เซนต์, รวมไปถึงพื้นที่ส่วนใหญ่ที่ช้างป่าเดินผ่านเป็นป่าเบญจ พรรณ ห่างจากที่ตั้งชุมชน แต่อยู่ใกล้กับพื้นที่เกษตรกรรม คือไร่สัปปะรด และท้ายสุดจุดเริ่มต้นทางเดินของช้าง ป่าไปยังแหล่งน้ำ โดยช้างป่าจะทำการเดินไปยังแหล่งน้ำใกล้ที่สุด ณ จุดที่ช้างอยู่ ซึ่งสอดคล้องกับการทำงานของ function ทั้งสองคือ shortest path และ finding the closest facility
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ระบบภูมิสารสนเทศเพื่อการประเมินศักยภาพแหล่งการหากินของช้างป่า บริเวณอุทายาแห่งชาติกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
Nanta Changthongkham
มหาวิทยาลัยมหิดล
2548
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศเพื่อหาพื้นที่ที่มีศักยภาพในการผลิตสบู่ดำ กรณีศึกษาจังหวัดชลบุรี การมีส่วนร่วมของประชาชนในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแควระบบ-สียัด : ศึกษาเฉพาะกรณีโครงการปรับปรุงป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแควระบบสียัด (1),(2) การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศเพื่อประเมินตะกอนแขวนลอยบริเวณปากแม่น้ำบางปะกง ระบบภูมิสารสนเทศเพื่อจำแนกสังคมพืชป่าชายเลนในจังหวัดตราด ระบบสารสนเทศแหล่งธรรมชาติอันควรอนุรักษ์ จังหวัดกาญจนบุรี การใช้ระบบภูมิสารสนเทศเพื่อประเมินความต้องการใช้น้ำของพืชเศรษฐกิจในตำบลแม่ทา อำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ การประเมินมลพิษของแหล่งน้ำและดินตะกอนบริเวณปากอ่าวในเขตบางขุนเทียน ปัจจัยที่ส่งผลให้ช้างออกจากป่ามายังพื้นที่เกษตรกรรมในช่วงฤดูแล้ง : กรณีศึกษา ณ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานตอ ศักยภาพการสะสมธาตุคาร์บอนในมวลชีวภาพเหนือพื้นดินของระบบนิเวศป่าทองผาภูมิ การประเมินคุณภาพสิ่งแวดล้อมโดยทางชีวภาพบริเวณแม่น้ำท่าจีน
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก