สืบค้นงานวิจัย
การศึกษา clastogenicity และ anticlastogenicity ของผักโขมดิบและปรุงสุก
Patchaya Masomboon - มหาวิทยาลัยมหิดล
ชื่อเรื่อง: การศึกษา clastogenicity และ anticlastogenicity ของผักโขมดิบและปรุงสุก
ชื่อเรื่อง (EN): Clastogenic and anticlastogenic potential of raw and cooked Amaranthus species
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Patchaya Masomboon
บทคัดย่อ: วัตถุประสงค์ของการศึกษาครั้งนี้เพื่อศึกษาศักยภาพของผักโขมหัด (Amaranthus viridis) และผักโขมสวน (Amaranthus tricolour) ทั้งแบบดิบและปรุงสุก ต่อการเกิด Clastogenicity และการยับยั้งการเกิด Clastogenicity (anticlastogenicity) จากการชักนำของสารก่อมะเร็ง mitomycin C (MMC) ซึ่งเป็น direct-acting carcinogen และสารก่อมะเร็ง 1,2-dimethyl-9-10-benzanthracene (DMBA) ซึ่งเป็น direct-acting carcinogen โดยวิธี erythrocyte micronucleus assay ผักโขมดิบและปรุงสุก (ลวกและต้ม) จะนำไปสกัดด้วยเมทานอล ต่อมานำส่วนสกัด (100 และ 200 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม) ไปป้อนให้หนูเพศผู้ผ่านทางกระเพาะอาหารเป็นเวลา 2 สัปดาห์ก่อนที่จะให้สารก่อมะเร็ง MMC และ DMBA หลังจากนั้นจะทำการเจาะเลือดที่เวลา 0, 24, 48 และ 72 ชั่วโมงแล้วจึงนำเลือดที่ได้วิเคราะห์หาจำนวนไมโครนิวเคลียสที่เกิดขึ้น โยที่กลุ่มควบคุมได้รับเพียงสารก่อมะเร็งเท่านั้น ผลการศึกษาศักยภาพของผักโขมทั้ง 2 ชนิดทั้งแบบดิบและปรุงสุก พบว่า ผักโขมทั้ง 2 ชนิดไม่มีผลการเกิดไมโครนิวเคลียส และที่น่าสนใจคือส่วนสกัดของผักโขมทั้ง 2 ชนิดทั้งแบบดิบและปรุงสุก (100 และ 200 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม) สามารถลดจำนวนไมโครนิวเคลียสที่ชักนำด้วยสารก่อมะเร็ง MMC และ DMBA อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม โดยที่ส่วนสกัดของผักโขมทั้ง 2 ชนิดให้ผลในการยับยั้งไมโครนิวเคลียสที่ชักนำด้วยสารก่อมะเร็ง MMC และ DMBA เหมือนกัน โดยผักโขมดิบให้ผลในการยับยั้งมากที่สุด ส่วนผักโขมปรุงสุกโดยวิธีลวกให้ผลการยับยั้งไมโครนิวเคลียสที่ชักนำด้วยสารก่อมะเร็ง MMC มากกว่าผักโขมต้ม ในขณะที่ให้ผลไม่แตกต่างกันระหว่างผักโขมลวกและผักโขมลวกและผักโขมต้มในการยับยั้งไมโครนิวเคลียสที่ชักนำด้วยสารก่อมะเร็ง DMBA ผลการทดสองแสดงให้เห็นว่าผักโขมทั้ง 2 ชนิดนี้มีคุณสมบัติเป็น Chemopreventive agent สามารถป้องกันการแตกหักของโครโมโซมอันเนื่องจากสารก่อมะเร็ง MMC และ DMBA
บทคัดย่อ (EN): The objectives of this study were to determine the clastogenic and anticlastogenic potentials of raw and cooked Amaranthus viridis.(Pak Khom Had) and A.tricolor (Pak Khom Suan) induced by mitomycin C (MMC), a direct acting carcinogen, and 9,10-dimethyl-1,2-benzanthracene (DMBA), an indirect acting carcinogen, using in vivo erythrocyte micronucleus assay. Three samples of Amaranthus, one raw, one blanched and the other boiled, were extracted with methanol. Each extract (100 and 200 mg/kg) for each sample was then administered to male mice by intragastric intubation for 2 weeks prior to the administration of MMC intraperitoneally and DMBA intragastrically. The carcinogens were introduced to the mice then blood was collected from all groups at 0, 24, 48 and 72 hours and was analyzed for the number of micronucleated peripheral reticulocytes (MNRETs). A control group received the carcinogens only. The result in erythrocyte micronucleuse assay showed that the ingestion of 100 and 200 mg/kg vegetables extracts, both raw and cooked (blanched and boiled) A. viridis and A. tricolor, for 2 weeks had no significant effect on the micronucleus formation. For the anticlastogenicity test, all of them caused a significant reduction in the number of MNRETs induced by MMC and DMBA when compared with the control group. Both A. viridis and A. tricolor extracts had a similar effect on MMC and DMBA induced MNRETs. The extracts of raw vegetable showed the highest anticlastogenic potential against MMC and DMBA. However, the inhibition of MMC induced MNRETs was markedly reduced in the blanched vegetable and less in case of boiled vegetable. In case of DMBA induced MNRETs, the inhibition by blanched and boiled vegetables was not different. In conclusion, the study revealed that A.viridis and A.tricolor had no clastogenicity. Interestingly, however they showed significant anticlastogenic activity against both direct and indirect-acting carcinogens.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=126&RecId=1291&obj_id=791
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยมหิดล
คำสำคัญ (EN): genetics
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยมหิดล
รายละเอียด: วัตถุประสงค์ของการศึกษาครั้งนี้เพื่อศึกษาศักยภาพของผักโขมหัด (Amaranthus viridis) และผักโขมสวน (Amaranthus tricolour) ทั้งแบบดิบและปรุงสุก ต่อการเกิด Clastogenicity และการยับยั้งการเกิด Clastogenicity (anticlastogenicity) จากการชักนำของสารก่อมะเร็ง mitomycin C (MMC) ซึ่งเป็น direct-acting carcinogen และสารก่อมะเร็ง 1,2-dimethyl-9-10-benzanthracene (DMBA) ซึ่งเป็น direct-acting carcinogen โดยวิธี erythrocyte micronucleus assay ผักโขมดิบและปรุงสุก (ลวกและต้ม) จะนำไปสกัดด้วยเมทานอล ต่อมานำส่วนสกัด (100 และ 200 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม) ไปป้อนให้หนูเพศผู้ผ่านทางกระเพาะอาหารเป็นเวลา 2 สัปดาห์ก่อนที่จะให้สารก่อมะเร็ง MMC และ DMBA หลังจากนั้นจะทำการเจาะเลือดที่เวลา 0, 24, 48 และ 72 ชั่วโมงแล้วจึงนำเลือดที่ได้วิเคราะห์หาจำนวนไมโครนิวเคลียสที่เกิดขึ้น โยที่กลุ่มควบคุมได้รับเพียงสารก่อมะเร็งเท่านั้น ผลการศึกษาศักยภาพของผักโขมทั้ง 2 ชนิดทั้งแบบดิบและปรุงสุก พบว่า ผักโขมทั้ง 2 ชนิดไม่มีผลการเกิดไมโครนิวเคลียส และที่น่าสนใจคือส่วนสกัดของผักโขมทั้ง 2 ชนิดทั้งแบบดิบและปรุงสุก (100 และ 200 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม) สามารถลดจำนวนไมโครนิวเคลียสที่ชักนำด้วยสารก่อมะเร็ง MMC และ DMBA อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม โดยที่ส่วนสกัดของผักโขมทั้ง 2 ชนิดให้ผลในการยับยั้งไมโครนิวเคลียสที่ชักนำด้วยสารก่อมะเร็ง MMC และ DMBA เหมือนกัน โดยผักโขมดิบให้ผลในการยับยั้งมากที่สุด ส่วนผักโขมปรุงสุกโดยวิธีลวกให้ผลการยับยั้งไมโครนิวเคลียสที่ชักนำด้วยสารก่อมะเร็ง MMC มากกว่าผักโขมต้ม ในขณะที่ให้ผลไม่แตกต่างกันระหว่างผักโขมลวกและผักโขมลวกและผักโขมต้มในการยับยั้งไมโครนิวเคลียสที่ชักนำด้วยสารก่อมะเร็ง DMBA ผลการทดสองแสดงให้เห็นว่าผักโขมทั้ง 2 ชนิดนี้มีคุณสมบัติเป็น Chemopreventive agent สามารถป้องกันการแตกหักของโครโมโซมอันเนื่องจากสารก่อมะเร็ง MMC และ DMBA
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การศึกษา clastogenicity และ anticlastogenicity ของผักโขมดิบและปรุงสุก
Patchaya Masomboon
มหาวิทยาลัยมหิดล
2546
ลักษณะเฉพาะและความสัมพันธ์ทางพันธุกรรมในระดับพันธุ์ของผักนางแลว ผักปลัง และผักเชียง ผลของการปรุงสุกด้วยวิธีการลวก การต้ม และการผัดต่อปริมาณวิตามินซี แทนน การวิเคราะห์การเจริญเติบโตและปริมาณโปรตีนในผักโขมเมล็ด 5 สายพันธุ์ ปริมาณตะกั่วและแคดเมียมในผักคะน้าอินทรีย์, ผักคะน้าปลอดภัยจากสารพิษและผักคะน้าเคมี การศึกษาการปลูกผักอินทรีย์ที่เหมาะสมในระบบการปลูกผักโดยไม่ใช้ดิน การศึกษาคุณสมบัติของแครอทปรุงสุกภายใต้สภาวะเหนือจุดเดือดเพื่อใช้สำหรับอาหารเหลว การใช้ผักผสมเป็นแหล่งของแคลเซียมในข้าวตัง การดัดแปรเนื้อสัมผัสและกระบวนการผลิตข้าวเหนียวดำสุกเร็วด้วยไมโครเวฟ การกำจัดกำมะถันอินทรีย์จากน้ำมันดิบโดยเชื้อจุลินทรีย์ องค์ประกอบทางเคมีและฤทธิ์ทางชีวภาพของผักดีด
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก