สืบค้นงานวิจัย
ผลของขมิ้นชันต่อระดับมาลอนไดอัลดีฮัยน์ในเลือดของผู้ป่วยบีต้าธาลัสซีเมีย
Anchalee Mahathein - มหาวิทยาลัยมหิดล
ชื่อเรื่อง: ผลของขมิ้นชันต่อระดับมาลอนไดอัลดีฮัยน์ในเลือดของผู้ป่วยบีต้าธาลัสซีเมีย
ชื่อเรื่อง (EN): Malondialdehyde levels in the blood of beta-thalassemic patients treated with curcumin
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Anchalee Mahathein
บทคัดย่อ: บีต้าธาลัสซีเมียเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของการสร้างฮีโมโกลบิน มีลักษณะเฉพาะคือ สายบีต้าโกลบินถูกสร้างลดลงและมีสายแอลฟ่าที่มากเกิน การตกตะกอนของสายแอลฟ่าในเม็ด เลือดแดงมีผลในการทำลายผนังเม็ดเลือดแดง ผลผลิตที่ได้จากการทำลายสายแอลฟ่าที่อยู่ในรูป อิสระจะได้โกลบิน, ฮีม และเหล็กในรูปอิสระ เหล็กจะเป็นตัวกระตุ้นปฏิกิริยาของอนุมูลอิสระอัน จะทำให้เกิดปฏิกิริยาเปอร์ออกซิเดชันต่อไขมันที่สามารถวัดได้ในรูปของมาลอนไดอัลดีฮัยน์ การศึกษาคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระของขมิ้นชันที่สกัดได้จากรากของ Curcuma longa L. ในผู้ป่วยบีต้าธาลัสซีเมียที่ไม่ได้รับเลือด 8 คนและได้รับเลือด 8 คน ผู้ป่วยเหล่านี้จะได้รับ ขมิ้นชัน 500 มิลลิกรัมทุกวันติดต่อกันเป็นเวลา 3 เดือน, และผู้ป่วยที่ได้รับเลือดอีก 10 คนจะได้รับ ยาหลอก ระดับมาลอนไดอัลดีฮัยน์ในเม็ดเลือดแดงของผู้ป่วยบีต้าธาลัสซีเมียที่ไม่ได้รับเลือดลดลง 41% และระดับพลาสมามาลอนไดอัลดีฮัยน์ลดลง 25 % หลังได้รับขมิ้นชัน ในผู้ป่วยบีต้าธาลัสซีเมีย ที่ได้รับเลือด ระดับพลาสมามาลอนไดอัลดีฮัยน์ลดลงประมาณ 12% เมื่อหยุดยาแล้ว 3 เดือนพบว่า ระดับพลาสมามาลอนไดอัลดีฮัยน์เข้าสู่สภาวะพื้นฐานที่ใกล้เคียงกับก่อนให้ยา สำหรับกลุ่มที่ได้รับ ยาหลอกระดับมาลอนไดอัลดีฮัยน์ในเม็ดเลือดและในพลาสมาไม่เปลี่ยนแปลง ในผู้ป่วยกลุ่มที่ได้ เลือดระดับพลาสมามาลอนไดอัลดีฮัยน์เพิ่มสูงขึ้นหลังหยุดยา แสดงให้เห็นว่าขมิ้นชันมีคุณสมบัติ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระในผู้ป่วย การรับเลือดมีผลต่อมาลอนไดอัลดีฮัยน์ในเม็ดเลือดแดงและผู้ป่วย บีต้าธาลัสซีเมียที่ได้รับเลือดเป็นประจำจะมีการสะสมของเหล็กในพลาสมา ในการศึกษาครั้งนี้การ วัดระดับพลาสมามาลอนไดอัลดีฮัยน์โดยวิธีสเปกโตรฟลูออโรเมตริกและวิธี HPLC มีความ สัมพันธ์ในระดับปานกลาง และพบว่า การวัดโดยวิธี HPLC มีประสิทธิภาพและ ความแม่นยำสูง กว่าวิธีอื่น
บทคัดย่อ (EN): -thalassemia patients. The level of MDA determined by spectrofluorometry and HPLC was moderately correlated. However, the HPLC-based TBA test is the method of choice because of its sensitivity and specificity in detecting plasma MDA
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=126&RecId=2381&obj_id=1260
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยมหิดล
คำสำคัญ (EN): Malondialdehyde
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยมหิดล
รายละเอียด: บีต้าธาลัสซีเมียเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของการสร้างฮีโมโกลบิน มีลักษณะเฉพาะคือ สายบีต้าโกลบินถูกสร้างลดลงและมีสายแอลฟ่าที่มากเกิน การตกตะกอนของสายแอลฟ่าในเม็ด เลือดแดงมีผลในการทำลายผนังเม็ดเลือดแดง ผลผลิตที่ได้จากการทำลายสายแอลฟ่าที่อยู่ในรูป อิสระจะได้โกลบิน, ฮีม และเหล็กในรูปอิสระ เหล็กจะเป็นตัวกระตุ้นปฏิกิริยาของอนุมูลอิสระอัน จะทำให้เกิดปฏิกิริยาเปอร์ออกซิเดชันต่อไขมันที่สามารถวัดได้ในรูปของมาลอนไดอัลดีฮัยน์ การศึกษาคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระของขมิ้นชันที่สกัดได้จากรากของ Curcuma longa L. ในผู้ป่วยบีต้าธาลัสซีเมียที่ไม่ได้รับเลือด 8 คนและได้รับเลือด 8 คน ผู้ป่วยเหล่านี้จะได้รับ ขมิ้นชัน 500 มิลลิกรัมทุกวันติดต่อกันเป็นเวลา 3 เดือน, และผู้ป่วยที่ได้รับเลือดอีก 10 คนจะได้รับ ยาหลอก ระดับมาลอนไดอัลดีฮัยน์ในเม็ดเลือดแดงของผู้ป่วยบีต้าธาลัสซีเมียที่ไม่ได้รับเลือดลดลง 41% และระดับพลาสมามาลอนไดอัลดีฮัยน์ลดลง 25 % หลังได้รับขมิ้นชัน ในผู้ป่วยบีต้าธาลัสซีเมีย ที่ได้รับเลือด ระดับพลาสมามาลอนไดอัลดีฮัยน์ลดลงประมาณ 12% เมื่อหยุดยาแล้ว 3 เดือนพบว่า ระดับพลาสมามาลอนไดอัลดีฮัยน์เข้าสู่สภาวะพื้นฐานที่ใกล้เคียงกับก่อนให้ยา สำหรับกลุ่มที่ได้รับ ยาหลอกระดับมาลอนไดอัลดีฮัยน์ในเม็ดเลือดและในพลาสมาไม่เปลี่ยนแปลง ในผู้ป่วยกลุ่มที่ได้ เลือดระดับพลาสมามาลอนไดอัลดีฮัยน์เพิ่มสูงขึ้นหลังหยุดยา แสดงให้เห็นว่าขมิ้นชันมีคุณสมบัติ เป็นสารต้านอนุมูลอิสระในผู้ป่วย การรับเลือดมีผลต่อมาลอนไดอัลดีฮัยน์ในเม็ดเลือดแดงและผู้ป่วย บีต้าธาลัสซีเมียที่ได้รับเลือดเป็นประจำจะมีการสะสมของเหล็กในพลาสมา ในการศึกษาครั้งนี้การ วัดระดับพลาสมามาลอนไดอัลดีฮัยน์โดยวิธีสเปกโตรฟลูออโรเมตริกและวิธี HPLC มีความ สัมพันธ์ในระดับปานกลาง และพบว่า การวัดโดยวิธี HPLC มีประสิทธิภาพและ ความแม่นยำสูง กว่าวิธีอื่น
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ผลของขมิ้นชันต่อระดับมาลอนไดอัลดีฮัยน์ในเลือดของผู้ป่วยบีต้าธาลัสซีเมีย
Anchalee Mahathein
มหาวิทยาลัยมหิดล
2547
ผลของขมิ้นชันซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระต่อเม็ดเลือดแดงของผู้ป่วยเบต้า-ธาลัสซีเมีย/ฮีโมโกลบินอี การทบทวนอย่างเป็นระบบและอภิวิเคราะห์ของการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตนเองต่อการควบคุมระดับน้ำตาลของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2. : การศึกษาระดับโมเลกุลของยีน PKD1 ในผู้ป่วยไทย ผลของการรับประทานพริกขี้หนูต่อรูปแบบการบริโภค, สารอาหารที่ได้รับและระดับไขมันในเลือดของผู้ป่วยไขมันในเล ประสิทธิผลของการทานใบพญาวานรชนิดอบแห้งต่อระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงThe Efficacy of Pseuderanthemum Palatiferum radlk leaves powder on blood sugar level in prediabetes การศึกษาความหลากหลายทางพันธุกรรมของยีน ZHX2 ในผู้ป่วยเบต้าธาลัสซีเมีย/ฮีโมโกลบินอี ผลของการลดความเครียดด้วยการฝึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อแบบแอคทีฟโปรเกรสซีฟต่อระดับน้ำตาลในเลือดผู้ป่วยเบาหวานชนิดไม่พึ่งอินซูลิน การตอบสนองของระดับน้ำตาล ไตรกลีเซอไรด์และอินซูลินในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 หลังกินผลไม้ที่มีฟรุคสูงก่อนและหลังมื้ออา ฤทธิ์ต้านมะเร็งของอัลคาลอยด์ที่สกัดจากกระท่อมเลือด ผลของการเสริมผลิตภัณฑ์อาหารจากธัญพืชและวุ้นน้ำมะพร้าวในผู้ป่วยไขมันในเลือดสูง
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก