สืบค้นงานวิจัย
การใช้หินฟอสเฟตที่ทำปฏิกริยาแล้ว (โพลี่ฟอสเฟต) กับพืชไร่ที่ปลูกในดินกรดของประเทศไทย
ครรชิต กูรมะโรหิต และ สุวพันธ์ รัตนรัต - กรมวิชาการเกษตร
ชื่อเรื่อง: การใช้หินฟอสเฟตที่ทำปฏิกริยาแล้ว (โพลี่ฟอสเฟต) กับพืชไร่ที่ปลูกในดินกรดของประเทศไทย
ชื่อเรื่อง (EN): The Use of Treated Rock Phosphate (Polyphosphate) for Field Crops Grown on Acid Soils of Thailand
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: ครรชิต กูรมะโรหิต และ สุวพันธ์ รัตนรัต
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Kunchit Kurmarohita and Suwapan Ratanarat.
บทคัดย่อ: ในประเทศไทยยังไม่มีการศึกษาการใช้ประโยชน์จากหินฟอสเฟตที่ทำปฏิกิริยาเคมีกับกรดมาก่อน หินฟอสเฟตที่ทำปฏิกิริยากับกรดสามารถผลิตขึ้นได้ในประเทศไทยในรูปของโพลี่ฟอสเฟสซึ่งมีองค์ประกอบส่วนที่ละลายได้ทันทีครึ่งหนึ่ง ส่วนที่ไม่ละลายทันทีอีกครึ่งหนึ่งนั้นอยู่ในรูปของปุ๋ยละลายช้า สามารถปลดปล่อยฟอสเฟตให้กับพืชได้ทีละน้อยในภายหลัง โดยเฉพาะเมื่อใส่ในดินกรด คุณสมบัติทางเคมีของปุ๋ยที่ใช้ทดสอบประกอบด้วย available P2O2 12% total P2O5 25.4%, S 10-14% , Ca 16-18% และ F 2.4% ลักษระทางกายภาพเป็นผงสีชา มีความละเอียด 100mesh ขึ้นไป ได้ทดสอบปุ๋ยนี้ในระหว่างปี 2521 ถึง 2524 โดยใช้พืชหลักสองชนิด คือ ถั่วเหลือง สจ. 4 และข้าวโพดสุวรรณ 1 โดยในปี 2521 และ 2522 ได้ทดสอบถั่วเหลือง 9 แห่ง ในดินที่มีปฏิกิริยาเป็นกรดจัดจนถึงปานกลาง การศึกษาผลตกค้างหลังปลูกถั่วเหลืองใช้ข้าว , ถั่วเขียว , และถั่วเหลืองเป็นพืชปลูกตามหลังในฤดูต่อ ๆ มา การศึกษาผลตกค้างกับข้าวโพดซ้ำที่เดิม ผลการทดลองปรากฎว่า ปุ๋ยนี้ให้ผลดีทัดเทียมกับปุ๋ยฟอสเฟสมาตรฐาน ดับเบิ้ลซุปเปอร์ฟอสเฟต หรือทริปเปิ้ลซุปเปอร์ฟอสเฟต และให้ผลดีกว่าในดินที่เป็นกรดจัด ในดินกรดนี้โพลี่ฟอสเฟตมีผลตกค้างสูงและยาวนานกว่าฟอสเฟตมาตรฐาน และยังทำให้ผลผลิตของพืชที่ปลูกตามหลังอยู่ในระดับสูงขึ้น การใส่แบบหว่านให้ผลดีในดินที่เป็นกรดและมีการตรึงฟอสเฟตสูง แต่การใส่แบบฝังกลบให้ผลดีกว่าหว่านในกรณีที่ดินมีการตรึงฟอสเฟตไม่สูงนัก การใส่แบบฝังกลบนี้ปุ๋ยถูกใช้ไป หรือทำปฏิกริยากับดินน้อยกว่าจึงมีผลตกค้างเหลืออยู่มากกว่าการใส่แบบหว่าน โดยทั่ว ๆ ไปการใส่ครึ่งอัตราเพื่อเป็นการประหยัดนั้นให้ผลด้อยกว่าการใส่เต็มอัตรา การทดสอบหลาย ๆ แห่ง พบว่า การใส่โพลี่ฟอสเฟตจะช่วยเพิ่มผลผลิตเมล็ดถั่วเหลืองและข้าวโพดให้สูงขึ้นในปีที่ 1 , 2 , และ 3 บางแห่งเพิ่มสูงขึ้นกว่าไม่ใส่ปุ๋ยหลายเท่าตัวในท้องที่ที่ดินขาดกำมะถัน การใส่ปุ๋ยชนิดนี้ยังสามารถแก้อาการขาดธาตุกำมะถันได้ และทำให้ผลผลิตเพิ่มสูงขึ้นอย่างสำคัญยิ่ง ปุ๋ยนี้จึงให้ธาตุ P และ S ในเวลาเดียวกัน
บทคัดย่อ (EN): A locally manufactured polyphosphate was tested on corn, soybean , mungbean and paddy rice grown on acid soils with. low P availability for several consecutive periods in field grown condition during 1978 - 1981. The material had the following analysis : 12% available P2O5, 25.4% total P2O5, 14% S, 18% Ca, 2.4% F. Five treatments , each replicated 4 times, were assigned to compare the effects of the material against standard phosphate fertilizer (DSP & TSP). Treatments were : 1) chece, 2) standard phosphate-banded, 3) polyphosphatebanded, 4) polyphosphate-broadcasted, and 5) polyphosphate-broadcasted at 1/2 rate. All treatments received optimal N and K applications for each crop grown in each season. Phosphate materials were applied only once in the initeal year and cropping was repeated to check the residual effects of the material. Therewas no correction of soil acidity by liming at all test sites. The results of the sutdy revealed that the effects of polyphosphate on growth and yields of corn and soybean during the first year were comparable to the standard P-source in almost every soil sites tested. In areas where soil acidity was high (pH below 5.0) polyphosphate producted better growth and yields of thecrops than the standard P-source. In these acid soil ares, repeated cropping showed that the residual effects polyphosphate were significantly greater and lated longer than the standard P-source. In acid soils with high P-fixing capacity, broadcast application of this material was superior to band application. This result was observed in the first year of the first cropping. However, the result could be reversed in sosme situations when soils were acid but exhibited little P-fixing capacity. In general, band-treatment showed greater residual availability of P as it produced better yields than broadcast-treatment in the 2nd , 3rd and 4the crops. This might be due to the fact that the amount of polyphosphate material applied in band had been consumed by crops and subjected to soil reaction in the first year to a lesser extent than that of broadcast material. It was true that, after the first harvest, soil preparation for the second crop broke loose the band of previously applied fertillizer and such a "banding effect" would last only in the growing period of the first crop. the remaining available amount of the previously banded material worul then be undoubtedly greater than that of the previously brodcasted material. Half-rate application of polyphosphate slightly producted less growth and yield of the crops but tended to be more economical than full-rate application. In this study, the residual effects of polyphophate on subsequent crops were noticeable up to 3 years. The effect tended to diminish by the 4th year whereas that of the standard fertilizer had diminished after the 2nd year of cropping.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: กรมวิชาการเกษตร
คำสำคัญ: หินฟอสเฟต
เจ้าของลิขสิทธิ์: กรมวิชาการเกษตร
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง

ครรชิต กูรมะโรหิต และ สุวพันธ์ รัตนรัต. "การใช้หินฟอสเฟตที่ทำปฏิกริยาแล้ว (โพลี่ฟอสเฟต) กับพืชไร่ที่ปลูกในดินกรดของประเทศไทยThe Use of Treated Rock Phosphate (Polyphosphate) for Field Crops Grown on Acid Soils of Thailand". กรมวิชาการเกษตร. 2526

ครรชิต กูรมะโรหิต และ สุวพันธ์ รัตนรัต. "การใช้หินฟอสเฟตที่ทำปฏิกริยาแล้ว (โพลี่ฟอสเฟต) กับพืชไร่ที่ปลูกในดินกรดของประเทศไทยThe Use of Treated Rock Phosphate (Polyphosphate) for Field Crops Grown on Acid Soils of Thailand". กรมวิชาการเกษตร. 2526. Print.



TARR Wordcloud:
การใช้หินฟอสเฟตที่ทำปฏิกริยาแล้ว (โพลี่ฟอสเฟต) กับพืชไร่ที่ปลูกในดินกรดของประเทศไทย
ครรชิต กูรมะโรหิต และ สุวพันธ์ รัตนรัต
กรมวิชาการเกษตร
2526
การเพิ่มประสิทธิภาพของหินฟอสเฟตโดยเผาที่อุณหภูมิต่ำ การใช้ปุ๋ยหินฟอสเฟตอัตราต่างๆ ร่วมกับเชื้อจุลินทรีย์ย่อยละลายหินฟอสเฟต ต่อการเพิ่มผลผลิตหม่อน ชนิด ปริมาณ และชีววิทยาของไรบนฝ้ายในประเทศไทย อนุกรมวิธานของฟิล์มมี่เฟิร์นสกุล Hymenophyllum s.l. (Hymenophyllaceae) ในประเทศไทย การใช้หินฟอสเฟตเพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนะและผลผลิตของถั่วฮามาต้า การดูดซับและปลดปล่อยฟอสฟอรัสของดินกรดที่ดอน ที่ปรับปรุงโดยใช้หินฟอสเฟต การเพิ่มความเป็นประโยชน์ของหินฟอสเฟตโดยผสมกับส่าเหล้า ศึกษาหาชนิดจุลินทรีย์ดินอิสระที่สามารถย่อยสลายหินฟอสเฟตในสภาพดินปลูกยาง ในเขตภาคใต้ตอนบนให้อยู่ในรูปที่เป็นประโยชน์ต่อยาง พืชอ้างอิงสำหรับประเมินการตรึงไนโตรเจนโดย N Isotope Dilution Technique แนวโน้มการนำเข้า การใช้และปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อการกำหนดแนวทางส่งเสริมการใช้สารกำจัดวัชพืชในพืชไร่
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก
พัฒนาระบบโดยศูนย์ความรู้เฉพาะด้านวิศวกรรมความรู้และวิศวกรรมภาษาDeveloped by Center of Excellence for Unified Knowledge and Language Engineering
สนับสนุนโดยสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)Supported by the Agricultural Research Development Agency (Public Organization)
แบบสำรวจความพึงพอใจQuestionair