สืบค้นงานวิจัย
ปัจจัยทางกายภาพและการจัดการที่มีผลต่อการผลิตข้าวในจังหวัดมหาสารคาม
พงศ์เทพ มีนอก - มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม
ชื่อเรื่อง: ปัจจัยทางกายภาพและการจัดการที่มีผลต่อการผลิตข้าวในจังหวัดมหาสารคาม
ชื่อเรื่อง (EN): Physiological Factor and management on Rice Production in Maha Sarakham
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: พงศ์เทพ มีนอก
บทคัดย่อ: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการเจริญเติบโตและการให้ผลผลิตของข้าว ระดับ ความอุตมสมบูรณ์ของดิน และความแตกต่างของการเขตกรรมของการผลิตข้าวที่ปลูกในแต่ละชุดดิน ของพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม การทดลองครั้งนี้ทำการสำรวจเกษตรกรและสัมภาษณ์การเขตกรรม ข้าวเบื้องตันในเขตพื้นที่กลุ่มชุดดินต่างๆ เพื่อศึกษาระบบการผลิตข้าวของเกษตรกร ผลการวิจัยพบว่า ความเหมาะสมของพื้นที่ปลูกข้าวในจังหวัดมหาสารคามมีเนื้อที่รวม ประมาณ 169,912 ไร่ หรือร้อยละ 9.33 ของเนื้อที่ทั้งหมด แบ่งเป็นพื้นที่นาตอนและพื้นที่สุ่ม ซึ่งมี ข้อจำกัดคือ เนื้อดินเป็นดินทรายและบางพื้นที่พบปัญหาดินเค็ม จากการสำรวจเกษตรกรในพื้นที่ พบว่า มีการทำนา 1 ครั้งต่อปี โดยอาศัยน้ำฝนธรรมชาติและนิยมปลูกข้าวเหนียวพันธุ์ กข 6 ร้อยละ 80 ของพื้นที่ เกษตรกรส่วนใหญ่มีการทำนาโดยวิธีการปีกดำมากกว่าวิธีการหว่านร้อยละ 98 มีการ เตรียมตินโตยใช้รถถเดินตามและใช้แรงงานภายในครัวเรือน การใส่ปุยนิยมใช้ปุ๋ยเคมีมากกว่าการใส่ ปุ๋ยคอก และเกษตรกรร้อยละ 54 ไม่มีการกำจัดวัชพืช ในขณะที่ร้อยละ 35 กำจัดวัชพืชโตยใช้ แรงงานคน ทำให้มีผลผลิตข้าวเฉสี่ยเท่ากับ 455 กิโลกรัมต่อไร่ซึ่งพบว่ามีข้อจำกัดคือปัญหาฝนแล้ง สัตว์ศัตรูพืช วัชพืช โรคแมลงและดินเต็มเท่ากับ ร้อยละ 76, 15, 5, 2 และ 2 ตามลำดับ ระดับความ อุดมสมบูรณ์พบว่า ส่วนใหญ่มีความอุดมสมบูรณ์ของดินค่อนข้างต่ำ คำความเป็นกรดเป็นต่างชองดิน (pH) อยู่ระหว่าง 5.08-6.32 ซึ่งมีค่าเป็นกรดเล็กน้อยถึงปานกลางและไม่เป็นอันตรายต่อพืช ค่าความ เค็มของติน (EC) อยู่ระหว่าง 4.08-5.32 mS/cm ซึ่งมีความเค็มเล็กน้อย ปริมาณอินทรียวัตถุมีค่าต่ำ มาก (ร้อยละ 0.50-260) ระดับความเข้มข้นของปริมาณนโตรเจนทั้งหมดในดินเท่ากับร้อยละ 0.10 ฟอสฟอรัสและโพแทสเชียมที่แลกเปลี่ยนได้มีค่าสูงสุดเท่ากับ 39.84 และ 83.39 ppm จัดได้ว่าเป็น ระดับต่ำ วัชพืชที่พบในแปลงนาส่วนใหญ่คือ หญ้าข้าวนก หญ้าข้าวปล้อง และหญ้าแดง จากการ วิเคราะห์ปริมาณความเข้มข้นของธาตุอาหารนวัชพืชดังกล่าวมีปริมาณนโตรเจนทั้งหมด ฟอสฟอรัส ทั้งหมด และโพแทสเซียมทั้งหมดสูงสุดเท่ากับร้อยละ 2.22, 0.52 5.11 ตามลำดับ ซึ่งเป็นปริมาณที่ มากกว่าระดับธาตุอาหารในดิน ดังนั้น สรุปได้ว่าระดับธาตุอาหารที่ได้รับจากปุยที่เกษตรกรใส่ลงไปใน ดินส่วนหนึ่งเกิดการสูญเสียโดยการดูตใช้ของวัชพืชในนาข้าวทำให้มีระดับธาตุอาหารในดินต่ำและ ส่งผลต่อคุณภาพผลผลิตข้าวในแปลงนาของเกษตรกร
บทคัดย่อ (EN): The purpose of this study was to investigate the rice growth, rice yield, soil fertility and difference cultivation of rice field in various soil series in Maha Sarakham Province. Data were collected via an interview and the questionnaire from Farmers in rice cultivation. The results show that the suitable rice area in Maha Sarakham covered 169,912 rai or 4.33 % of total area comprising upland and lowland rice field which consist of sandy soil and some saline soil. The frequency of farming activity was once a year in rainy season. The Ko-kho 6-glutinous rice were planted in 80% of total planted area and the transplanting method was applied more than direct sowing by the farmers. Rice fields were prepared using small farm tractor and farm family members. The chemical fertilizer was used more than animal manure. In addition, 45% of farmers were ignoring any weed control, whereas 35% of farmers were applied to unwanted plants in human-controlled, and consequently an average of rice production was 455 Kilogram per rai. The limitations of cultural control practice were drought, pest, weeds, diseases, insect and saline soil (76, 15, 5, 2 and 2%, respectively). Furthermore, soil fertility was found rather low, the soil-pH ranged between 5.08-6.32, which means that the soil was slight to moderate acid and had no harm to plants. The electronic conductivity ranged between 4.08-5.32 mS/cm, soil organic matter was found very low by 0.50-2.60%, total soil nitrogen content was 0.10%, exchangeable phosphorous and potassium were low (39.84 and 83.39 ppm, respectively). The dominant weeds in rice field were barnyard grass (Echinochloa crus-galli L. Beauv), junkle rice (Echinochloa colana L. Link) and wrinkle duck-beak (Ischaemum rugosum Salisb.). Also, weed nutrition content were 2.22% of total nitrogen, 0.52% of total phosphorous and 5.11% of total potassium, which higher than soil nutrition content. It can be concluded from the present study that the nutrition from utilized-fertilizer was lost by weed consumed, and showed the effect on nutrition level of rice field and rice yield, consecutively.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม
คำสำคัญ: การเขตกรรมข้าว
คำสำคัญ (EN): Rice cultural
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ปัจจัยทางกายภาพและการจัดการที่มีผลต่อการผลิตข้าวในจังหวัดมหาสารคาม
มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม
30 กันยายน 2552
ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจใช้ปุ๋ยลดต้นทุน (ปุ๋ยสั่งตัด) ในการผลิตข้าว การจัดการเพื่อลดการปนเปื้อนสารหนูในการผลิตข้าวที่ผลิตจากพื้นที่เสี่ยง ปัจจัยที่สัมพันธ์กับการยอมรับเทคโนโลยีการจัดการศัตรูพืชโดยวิธีผสมผสานของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในจังหวัดพิษณุโลก การประเมินความเสี่ยงและวิธีการจัดการความเสี่ยงเชิงกายภาพในมุมมอง ของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี จังหวัดขอนแก่น การศึกษาการสลายตัวของไบโอพลาสติกที่ผลิตจากน้ำอ้อยภายใต้ปัจจัยทางกายภาพเคมีและชีวภาพ การแพร่ทำลายของด้วงรังผึ้ง (Small Hive Beetle) และปัจจัยทางกายภาพที่มีผลต่อการเจริญเติบโต การจัดการข้าววัชพืชแบบผสมผสาน ปัจจัยที่มีผลต่อการดำเนินงานศูนย์ส่งเสริมและผลิตพันธุ์ข้าวชุมชนจังหวัดสระบุรี โครงการวิจัยการจัดเขตศักยภาพการผลิตข้าว การใช้ปุ๋ยเคมีตามค่าวิเคราะห์ดินเพื่อลดต้นทุนการผลิตข้าว
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก