สืบค้นงานวิจัย
การผลิตและศึกษาคุณสมบัติของโมโนโคลนัลแอนติบอดีจำเพาะต่อสารก่อภูมิแพ้ไรฝุ่น
Lakkana Plaidoung - มหาวิทยาลัยมหิดล
ชื่อเรื่อง: การผลิตและศึกษาคุณสมบัติของโมโนโคลนัลแอนติบอดีจำเพาะต่อสารก่อภูมิแพ้ไรฝุ่น
ชื่อเรื่อง (EN): Production and characterization the monoclonal antibodies specific to house dust mite allergens
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Lakkana Plaidoung
บทคัดย่อ: สารก่อภูมิแพ้จากไรฝุ่นจัดเป็นสาเหตุสำคัญที่สุดของการเกิดโรคภูมิแพ้ Dermatophagoides pteronyssinus และ Dermatophagoides farinae เป็นไรฝุ่น 2 ชนิดที่มีรายงานจากทั่วโลกรวมทั้งประเทศ ไทย ไรฝุ่นสามารถผลิตสารก่อภูมิแพ้ออกมาได้ในหลายรูปแบบ ซึ่งปัจจุบันสารก่อภูมิแพ้ถูกแบ่งออกเป็น 19 กลุ่ม นักวิจัยพบว่าสารก่อภูมิแพ้จากกลุ่มที่ 1 มีความสำคัญในการก่อให้เกิดโรคมากที่สุด สารก่อภูมิแพ้กลุ่มที่ 1โดยเฉพาะ Der p 1 และ Der f 1 สามารถกระตุ้นให้ร่างกายเกิดปฏิกริยาตอบสนองมากที่สุดโดยผู้ป่วยจะสร้าง specific IgE ในปริมาณที่มากขึ้น มีรายงานว่า ระดับความรุนแรงของอาการแพ้ในผู้ป่วยมีความสัมพันธ์ตามกันอย่างมีนัยสำคัญกับ ปริมาณสารก่อภูมิแพ้กลุ่มที่ 1 ในบ้านของผู้ป่วยเอง ฉะนั้นหากประชากรทราบปริมาณสารก่อภูมิแพ้ไรฝุ่นในบ้านเรือนก็ จะสามารถบอกถึงระดับความเสี่ยงของการเกิดอาการแพ้และการพัฒนาไปสู่การเป็นโรคภูมิแพ้ได้ ดังนั้นวัตถุประสงค์ของ การศึกษาครั้งนี้คือผลิตโมโนโคลนัลแอนติบอดีที่มีความจำเพาะกับสารก่อภูมิแพ้ไรฝุ่นและศึกษาวิเคราะห์คุณสมบัติของโม โนโคลนัลแอนติบอดีที่ผลิตได้เพื่อนำไปสู่การพัฒนาวิธีตรวจสอบสารก่อภูมิแพ้ไรฝุ่นที่มีคุณภาพต่อไป ในการศึกษานี้ ใช้ วิธี somatic hybridization technique ในการผลิตโมโนโคลนัลแอนติบอดี และทดสอบความจำเพาะของโมโน โคลนัลแอนติบอดีที่ผลิตได้ด้วยวิธี indirect ELISA โดยใช้กลุ่มของสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ 14 ชนิด รวมทั้ง affinity purified Der p 1 อีก 1 ชนิด ผลการทดลองพบว่า ได้โมโนโคลนัลแอนติบอดีที่มีความจำเพาะกับไรฝุ่นชนิด Dp, โมโนโคลนัลแอนติบอดีที่มีความจำเพาะกับไรฝุ่นชนิด Df, โมโนโคลนัลแอนติบอดีที่มีความจำเพาะกับ common epitope ของไรฝุ่น Dp และ Df และโมโนโคลนัลแอนติบอดีที่มีความจำเพาะกับสารก่อภูมิแพ้หลายชนิด โมโน โคลนัลแอนติบอดีที่ผลิตขึ้นมาได้นำไปประยุกต์ใช้โดยทดลองผลิตเป็นน้ำยา latex เพื่อใช้ในการตรวจวัดสารก่อภูมิแพ้ ไรฝุ่น ผลการทดสอบพบว่ามีโมโนโคลนัลแอนติบอดีเพียง 2 clone (1D4H9 และ 7A2D1) ที่เคลือบบน latex beads แล้วสามารถเกิดปฏิกริยา agglutination กับสารก่อภูมิแพ้ในแอนติเจนที่สกัดจากไรฝุ่น แต่อย่างไรก็ตาม น้ำยา latex ที่ผลิตได้ยังไม่สามารถตรวจวัดสารก่อภูมิแพ้ไรฝุ่นได้ถึงระดับที่มีความสำคัญทางการแพทย์ น้ำยา latex จึงไม่เหมาะสมสำหรับนำไปใช้ประโยชน์ในการตรวจวัดสารก่อภูมิแพ้ในสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตามโมโนโคลนัล แอนติบอดีที่ได้ สามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อการตรวจวัดสารก่อภูมิแพ้ไรฝุ่นได้ด้วยวิธีอื่นที่มีความไวของการทดสอบ มากกว่า หรืออาจจะนำไปใช้ประโยชน์ในการ standardize allergen ของไรฝุ่น, purified specific allergen ของไรฝุ่น, หรือแม้แต่ใช้ identify species ของไรฝุ่นในการศึกษาด้านระบาดวิทยา
บทคัดย่อ (EN): ), was a broadly specific MAb which reacted to various antigens. The MAbs were adsorbed onto the latex particles. Only two MAbs, 1D4H9 and 7A2D1, both sensitized latex reagents, could agglutinate with HDM extracted antigens but the interaction did not reach the level of index of exposure. Given that the sensitivity of the latex agglutination was very low, both MAbs 1D4H9 and 7A2D1 sensitized latex reagents were not useful for detection of the HDM allergens in the environment. However, the MAbs will be further developed for higher sensitive immunological techniques, or shifted up to other advantages such as standardization of mite allergens, purification of specific mite allergens and identification of mite species for epidemiological study.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=126&RecId=1813&obj_id=1955
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยมหิดล
คำสำคัญ (EN): Mites
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยมหิดล
รายละเอียด: สารก่อภูมิแพ้จากไรฝุ่นจัดเป็นสาเหตุสำคัญที่สุดของการเกิดโรคภูมิแพ้ Dermatophagoides pteronyssinus และ Dermatophagoides farinae เป็นไรฝุ่น 2 ชนิดที่มีรายงานจากทั่วโลกรวมทั้งประเทศ ไทย ไรฝุ่นสามารถผลิตสารก่อภูมิแพ้ออกมาได้ในหลายรูปแบบ ซึ่งปัจจุบันสารก่อภูมิแพ้ถูกแบ่งออกเป็น 19 กลุ่ม นักวิจัยพบว่าสารก่อภูมิแพ้จากกลุ่มที่ 1 มีความสำคัญในการก่อให้เกิดโรคมากที่สุด สารก่อภูมิแพ้กลุ่มที่ 1โดยเฉพาะ Der p 1 และ Der f 1 สามารถกระตุ้นให้ร่างกายเกิดปฏิกริยาตอบสนองมากที่สุดโดยผู้ป่วยจะสร้าง specific IgE ในปริมาณที่มากขึ้น มีรายงานว่า ระดับความรุนแรงของอาการแพ้ในผู้ป่วยมีความสัมพันธ์ตามกันอย่างมีนัยสำคัญกับ ปริมาณสารก่อภูมิแพ้กลุ่มที่ 1 ในบ้านของผู้ป่วยเอง ฉะนั้นหากประชากรทราบปริมาณสารก่อภูมิแพ้ไรฝุ่นในบ้านเรือนก็ จะสามารถบอกถึงระดับความเสี่ยงของการเกิดอาการแพ้และการพัฒนาไปสู่การเป็นโรคภูมิแพ้ได้ ดังนั้นวัตถุประสงค์ของ การศึกษาครั้งนี้คือผลิตโมโนโคลนัลแอนติบอดีที่มีความจำเพาะกับสารก่อภูมิแพ้ไรฝุ่นและศึกษาวิเคราะห์คุณสมบัติของโม โนโคลนัลแอนติบอดีที่ผลิตได้เพื่อนำไปสู่การพัฒนาวิธีตรวจสอบสารก่อภูมิแพ้ไรฝุ่นที่มีคุณภาพต่อไป ในการศึกษานี้ ใช้ วิธี somatic hybridization technique ในการผลิตโมโนโคลนัลแอนติบอดี และทดสอบความจำเพาะของโมโน โคลนัลแอนติบอดีที่ผลิตได้ด้วยวิธี indirect ELISA โดยใช้กลุ่มของสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ 14 ชนิด รวมทั้ง affinity purified Der p 1 อีก 1 ชนิด ผลการทดลองพบว่า ได้โมโนโคลนัลแอนติบอดีที่มีความจำเพาะกับไรฝุ่นชนิด Dp, โมโนโคลนัลแอนติบอดีที่มีความจำเพาะกับไรฝุ่นชนิด Df, โมโนโคลนัลแอนติบอดีที่มีความจำเพาะกับ common epitope ของไรฝุ่น Dp และ Df และโมโนโคลนัลแอนติบอดีที่มีความจำเพาะกับสารก่อภูมิแพ้หลายชนิด โมโน โคลนัลแอนติบอดีที่ผลิตขึ้นมาได้นำไปประยุกต์ใช้โดยทดลองผลิตเป็นน้ำยา latex เพื่อใช้ในการตรวจวัดสารก่อภูมิแพ้ ไรฝุ่น ผลการทดสอบพบว่ามีโมโนโคลนัลแอนติบอดีเพียง 2 clone (1D4H9 และ 7A2D1) ที่เคลือบบน latex beads แล้วสามารถเกิดปฏิกริยา agglutination กับสารก่อภูมิแพ้ในแอนติเจนที่สกัดจากไรฝุ่น แต่อย่างไรก็ตาม น้ำยา latex ที่ผลิตได้ยังไม่สามารถตรวจวัดสารก่อภูมิแพ้ไรฝุ่นได้ถึงระดับที่มีความสำคัญทางการแพทย์ น้ำยา latex จึงไม่เหมาะสมสำหรับนำไปใช้ประโยชน์ในการตรวจวัดสารก่อภูมิแพ้ในสิ่งแวดล้อม อย่างไรก็ตามโมโนโคลนัล แอนติบอดีที่ได้ สามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อการตรวจวัดสารก่อภูมิแพ้ไรฝุ่นได้ด้วยวิธีอื่นที่มีความไวของการทดสอบ มากกว่า หรืออาจจะนำไปใช้ประโยชน์ในการ standardize allergen ของไรฝุ่น, purified specific allergen ของไรฝุ่น, หรือแม้แต่ใช้ identify species ของไรฝุ่นในการศึกษาด้านระบาดวิทยา
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง

Lakkana Plaidoung. "การผลิตและศึกษาคุณสมบัติของโมโนโคลนัลแอนติบอดีจำเพาะต่อสารก่อภูมิแพ้ไรฝุ่นProduction and characterization the monoclonal antibodies specific to house dust mite allergens". มหาวิทยาลัยมหิดล. 2547

Lakkana Plaidoung. "การผลิตและศึกษาคุณสมบัติของโมโนโคลนัลแอนติบอดีจำเพาะต่อสารก่อภูมิแพ้ไรฝุ่นProduction and characterization the monoclonal antibodies specific to house dust mite allergens". มหาวิทยาลัยมหิดล. 2547. Print.



TARR Wordcloud:
การผลิตและศึกษาคุณสมบัติของโมโนโคลนัลแอนติบอดีจำเพาะต่อสารก่อภูมิแพ้ไรฝุ่น
Lakkana Plaidoung
มหาวิทยาลัยมหิดล
2547
การผลิตและศึกษาคุณสมบัติของโมโนโคลนัลแอนติบอดีจำเพาะต่อจุลชีพ L.interrogans และการนำไปประยุกต์ใช้ การผลิตโมโนโคลนอลแอนติบอดีต่อ Vibrio alginolyticus การผลิตโมโนโคลนอลแอนติบอดีต่อไกลโคลิปิดที่จำเพาะของเชื้อวัณโรค การศึกษาแอนติบอดีชนิด specific IgE ต่อสารก่อภูมิแพ้และการวิเคราะห์สารภูมิแพ้ของยุงสายพันธุ์ที่พบในประเทศไทย การค้นหามิโมโทปจากโมโนโคลนัลแอนติบอดีและซีรัมผู้ป่วยที่จำเพาะต่อพยาธิตัวจี๊ด โดยใช้เทคโนโลยีการแสดงเปปไ การผลิตและลักษณะสมบัติของโมโนโคลนอลแอนติบอดีจำเพาะต่อเม็ดเลือดกุ้งกุลาดำ Penaeus monodon การผลิตโมโนโคลนอลแอนติบอดที่จำเพาะต่อเชื้อ Aeromonas Hydrophila ที่ก่อโรคในปลา การผลิตและคัดกรองไฮบริโดมาที่ผลิตโมโนโคลนอลแอนติบอดีต่อโปรตีนของไวรัสเด็งกี่ การสร้างโมโนโคลนอลแอนติบอดีที่จำเพาะต่อโปรตีน OprD porin ซึ่งเกี่ยวข้องกับการดื้อยา การพัฒนาโมโนโคลนอลแอนติบอดีต่อโพลีฮีดรินของเชื้อโมโนดอนแบคคูโลไวรัสในกุ้งกุลาดำ
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก
พัฒนาระบบโดยศูนย์ความรู้เฉพาะด้านวิศวกรรมความรู้และวิศวกรรมภาษาDeveloped by Center of Excellence for Unified Knowledge and Language Engineering
สนับสนุนโดยสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)Supported by the Agricultural Research Development Agency (Public Organization)
แบบสำรวจความพึงพอใจQuestionair