สืบค้นงานวิจัย
การเปรียบเทียบผลกระทบต่อสุขภาพทางกายแบบเฉียบพลันจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ระหว่างกลุ่มที่ได้รับความรู้ กับกลุ่มที่ไม่ได้รับความรู้GAP พืชของเกษตรกรผู้ปลูกคะน้า จังหวัดอุบลราชธานี
สมาพร มนตรีโพธิ์ - มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
ชื่อเรื่อง: การเปรียบเทียบผลกระทบต่อสุขภาพทางกายแบบเฉียบพลันจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ระหว่างกลุ่มที่ได้รับความรู้ กับกลุ่มที่ไม่ได้รับความรู้GAP พืชของเกษตรกรผู้ปลูกคะน้า จังหวัดอุบลราชธานี
ชื่อเรื่อง (EN): A Comparison of Acute Physical Health Effects from Pesticide Chemicals betwee
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: สมาพร มนตรีโพธิ์
บทคัดย่อ: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาความรู้เรื่องการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชแบบปลอดภัย ทัศนคติต่อการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชแบบปลอดภัย และการปฏิบัติตัวในการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชแบบปลอดภัย ของเกษตรกรผู้ปลูกคะน้า จังหวัดอุบลราชธานี ที่ได้รับความรู้และไม่ได้รับความรู้ GAP พืช 2) เปรียบเทียบความรู้เรื่องการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชแบบปลอดภัย ทัศนคติต่อการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชแบบปลอดภัย และการปฏิบัติตัวในการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชแบบปลอดภัย ระหว่างเกษตรกรผู้ปลูกคะน้า จังหวัดอุบลราชธานี ที่ได้รับความรู้กับไม่ได้รับความรู้ GAP พืช 3) เปรียบเทียบผลกระทบของการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชต่อสุขภาพทางกายแบบเฉียบพลันของเกษตรกรผู้ปลูกคะน้า จังหวัดอุบลราชธานี ระหว่างกลุ่มที่ได้รับความรู้กับกลุ่มที่ไม่ได้รับความรู้ GAP พืช กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ ประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไป ที่ประกอบอาชีพเกษตรกรผู้ปลูกคะน้า ที่ใช้หรือสัมผัสสารเคมีกำจัดศัตรูพืช หรือสารอินทรีย์ ไม่น้อยกว่า 1 ปีขึ้นไป อาศัยในจังหวัดอุบลราชธานี ปี 2554 จำนวน 60 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ มี 2 ประเภท ได้แก่ 1) แบบสอบถาม ซึ่งมีความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ .755 2) คู่มือในการให้ความรู้เรื่อง GAP พืช หมวดที่ 3 การใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชแบบปลอดภัย สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ไคสแควร์ และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน วิเคราะห์ความแตกต่างโดยใช้สถิติทดสอบค่าทีชนิดสองกลุ่มที่ไม่เป็นอิสระต่อกัน และเปรียบเทียบความแตกต่างโดยใช้การวิเคราะห์ความแปรปรวนร่วม ผลการวิจัยพบว่า 1. หลังการทดลอง เกษตรกรในกลุ่มทดลองมีความรู้เรื่องการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชแบบปลอดภัย สูงกว่าเกษตรกรในกลุ่มควบคุม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับนัยสำคัญ 0.01 2. หลังการทดลอง เกษตรกรในกลุ่มทดลองและเกษตรกรในกลุ่มควบคุม มีทัศนคติ และการปฏิบัติตัวในการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชแบบปลอดภัย ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติระดับนัยสำคัญ 0.01 3. หลังการทดลอง เกษตรกรในกลุ่มทดลองและเกษตรกรในกลุ่มควบคุมมีระดับ โคลีนเอสเตอเรสในเลือดไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับนัยสำคัญ 0.05 The objectives of this study were 1) to investigate the knowledge of safe pesticide chemical use to prevent insects, attitude toward safe pesticide chemical use to prevent insects, and self-performance in using pesticide chemicals safely of kale farmers who had tree GAP (Good Agricultural Practice) knowledge about using pesticide chemicals safely and those who did not have tree GAP knowledge in Ubon Ratchathani province, 2) to compare the knowledge about using pesticide chemicals safely, attitude toward safe pesticide chemical use to prevent insects, and self-performance in using pesticide chemicals safely of the two groups, and 3) to compare the immediate physical health effects from pesticide chemicals of the two groups. A total of 60 kale farmers aged 15 years and older who had used pesticide chemicals at least one year and over residing in Ubon Ratchathani province in the year 2011, selected by means of a multi-staged random sampling methods, were employed as the sample group of the study. The survey questionnaire yielding the overall reliability coefficient of .755 and the knowledge manual about tree GAP section 3 titled How to Use Pesticide Chemicals Safely were utilized in data collection. The statistics used in data analysis included frequency, percentage, mean, chi-square, and standard deviation. Dependent t-test sample and covariance were also used to analyze the difference between the two groups. The research findings were as follows: 1. After the experiment, the participants in the experimental group was found to have better knowledge of using pesticide chemicals safely higher than those in the control group at the level of .01 of significance. 2. After the experiment, participants in both groups were found not to be different at a significant level in the attitude toward using pesticide chemicals safely and self-performance on using pesticide chemicals safely. 3. After the experiment, the experimental group, and control group were found not to be different at a significance the level of .05 .
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://www.lib.ubru.ac.th/thesis/Samaporn_2555/title.pdf
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
คำสำคัญ: สารเคมีกำจัดศัตรูพืชคะน้า
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
รายละเอียด: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาความรู้เรื่องการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชแบบปลอดภัย ทัศนคติต่อการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชแบบปลอดภัย และการปฏิบัติตัวในการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชแบบปลอดภัย ของเกษตรกรผู้ปลูกคะน้า จังหวัดอุบลราชธานี ที่ได้รับความรู้และไม่ได้รับความรู้ GAP พืช 2) เปรียบเทียบความรู้เรื่องการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชแบบปลอดภัย ทัศนคติต่อการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชแบบปลอดภัย และการปฏิบัติตัวในการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชแบบปลอดภัย ระหว่างเกษตรกรผู้ปลูกคะน้า จังหวัดอุบลราชธานี ที่ได้รับความรู้กับไม่ได้รับความรู้ GAP พืช 3) เปรียบเทียบผลกระทบของการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชต่อสุขภาพทางกายแบบเฉียบพลันของเกษตรกรผู้ปลูกคะน้า จังหวัดอุบลราชธานี ระหว่างกลุ่มที่ได้รับความรู้กับกลุ่มที่ไม่ได้รับความรู้ GAP พืช กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ ประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไป ที่ประกอบอาชีพเกษตรกรผู้ปลูกคะน้า ที่ใช้หรือสัมผัสสารเคมีกำจัดศัตรูพืช หรือสารอินทรีย์ ไม่น้อยกว่า 1 ปีขึ้นไป อาศัยในจังหวัดอุบลราชธานี ปี 2554 จำนวน 60 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบหลายขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ มี 2 ประเภท ได้แก่ 1) แบบสอบถาม ซึ่งมีความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ .755 2) คู่มือในการให้ความรู้เรื่อง GAP พืช หมวดที่ 3 การใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชแบบปลอดภัย สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ไคสแควร์ และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน วิเคราะห์ความแตกต่างโดยใช้สถิติทดสอบค่าทีชนิดสองกลุ่มที่ไม่เป็นอิสระต่อกัน และเปรียบเทียบความแตกต่างโดยใช้การวิเคราะห์ความแปรปรวนร่วม ผลการวิจัยพบว่า 1. หลังการทดลอง เกษตรกรในกลุ่มทดลองมีความรู้เรื่องการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชแบบปลอดภัย สูงกว่าเกษตรกรในกลุ่มควบคุม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับนัยสำคัญ 0.01 2. หลังการทดลอง เกษตรกรในกลุ่มทดลองและเกษตรกรในกลุ่มควบคุม มีทัศนคติ และการปฏิบัติตัวในการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชแบบปลอดภัย ไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติระดับนัยสำคัญ 0.01 3. หลังการทดลอง เกษตรกรในกลุ่มทดลองและเกษตรกรในกลุ่มควบคุมมีระดับ โคลีนเอสเตอเรสในเลือดไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับนัยสำคัญ 0.05 The objectives of this study were 1) to investigate the knowledge of safe pesticide chemical use to prevent insects, attitude toward safe pesticide chemical use to prevent insects, and self-performance in using pesticide chemicals safely of kale farmers who had tree GAP (Good Agricultural Practice) knowledge about using pesticide chemicals safely and those who did not have tree GAP knowledge in Ubon Ratchathani province, 2) to compare the knowledge about using pesticide chemicals safely, attitude toward safe pesticide chemical use to prevent insects, and self-performance in using pesticide chemicals safely of the two groups, and 3) to compare the immediate physical health effects from pesticide chemicals of the two groups. A total of 60 kale farmers aged 15 years and older who had used pesticide chemicals at least one year and over residing in Ubon Ratchathani province in the year 2011, selected by means of a multi-staged random sampling methods, were employed as the sample group of the study. The survey questionnaire yielding the overall reliability coefficient of .755 and the knowledge manual about tree GAP section 3 titled How to Use Pesticide Chemicals Safely were utilized in data collection. The statistics used in data analysis included frequency, percentage, mean, chi-square, and standard deviation. Dependent t-test sample and covariance were also used to analyze the difference between the two groups. The research findings were as follows: 1. After the experiment, the participants in the experimental group was found to have better knowledge of using pesticide chemicals safely higher than those in the control group at the level of .01 of significance. 2. After the experiment, participants in both groups were found not to be different at a significant level in the attitude toward using pesticide chemicals safely and self-performance on using pesticide chemicals safely. 3. After the experiment, the experimental group, and control group were found not to be different at a significance the level of .05 .
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การเปรียบเทียบผลกระทบต่อสุขภาพทางกายแบบเฉียบพลันจากสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ระหว่างกลุ่มที่ได้รับความรู้ กับกลุ่มที่ไม่ได้รับความรู้GAP พืชของเกษตรกรผู้ปลูกคะน้า จังหวัดอุบลราชธานี
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี
2555
พืชอาหารหรือพืชพลังงาน ? ยุทธวิธีการดำรงชีพขอเกษตรกรในที่ราบสูงโคราช ความรู้ในปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของเกษตรกรในจังหวัดเชียงใหม่ การศึกษากระบวนการผลิตและประสิทธิภาพปุ๋ยน้ำหมักต่อ การผลิตข้าวของเกษตรกรในอำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ความคิดเห็นของเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดต่อระดับความรุนแรงของปัญหาที่ส่งผลต่อการประกอบอาชีพปลูกสับปะรด ตำบลตาสิทธิ์ อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง การประเมินความพร้อมด้านการปฏิบัติทางการเกษตรดีที่เหมาะสมของเกษตรกรผู้ปลูกถั่วเหลืองฝักสดในอำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย การศึกษาเลคตินในพืชบางชนิดในภาคเหนือของประเทศ พฤติกรรมการใช้สารเคมีป้องกันและกำจัดศัตรูพืชของเกษตรกรผู้ปลูกผัก อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม สารสกัดจากพืชที่กำจัดศัตรูพืช-สัตว์ได้เพื่อช่วยลดการให้สารกำจัดศัตรูพืช-สัตว์อันตรายทางการเกษตร ผลกระทบจากนโยบายเปิดการค้าเสรีอาเซียนต่อเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในอำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ.2553 ผลกระทบด้านสุขภาพของนักเรียนจากการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชทางการเกษตร
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก