สืบค้นงานวิจัย
การผลิตและใช้รีคอมบิแนนท์โปรตีนเพื่อการตรวจวินิจฉัยโรคเลปโตสไปโรซีส
Nattavut Wongdeethai - มหาวิทยาลัยมหิดล
ชื่อเรื่อง: การผลิตและใช้รีคอมบิแนนท์โปรตีนเพื่อการตรวจวินิจฉัยโรคเลปโตสไปโรซีส
ชื่อเรื่อง (EN): Application of recombinant outer membrane protein in serodiagnosis of leptospirosis
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Nattavut Wongdeethai
บทคัดย่อ: ความไวในการวินิจฉัยโรคเลปโตสไปโรซีสนั้น มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง การตรวจหา แอนติบอดีในซีรั่มผู้ป่วย เป็นอีกวิธีหนึ่งที่น่าสนใจในการตรวจวินิจฉัยโรค LA0730 และ LigA โปรตีน ถูกเลือกมาใช้ในการศึกษาครั้งนี้ รีคอมบิแนนท์โปรตีนที่ได้จะนำมาทดสอบคุณสมบัติของโปรตีน ว่ามีลักษณะเหมือนกับโปรตีนจากเชื้อเลปโตสไปราในธรรมชาติหรือไม่ โปรตีนทั้งสองชนิดถูกนำไปฉีด ในหนูสำหรับการสร้างแอนติบอดี แอนติบอดีที่ได้จะถูกทดสอบกับโปรตีนจากเชื้อด้วยวิธี Western blot พบว่าซีรั่มหนูที่จำเพาะกับ LA0730 และ LigA ไม่ทำปฏิกิริยากับโปรตีนสกัดจากเชื้อเลปโตสไปรา รีคอมบิแนนท์โปรตีนได้ถูกนำไปทดสอบกับซีรั่มคนไข้ ผลปรากฏว่า สามารถตรวจพบแอนติบอดีต่อ LigA โปรตีนได้ในซีรั่มผู้ป่วยเลปโตสไปโรซีส แต่แอนติบอดีไม่ทำปฏิกิริยากับ LA0730 เลย ดังนั้น รี คอมบิแนนท์ LigA โปรตีน จึงถูกนำไปใช้ในการตรวจหาแอนติบอดีในซีรั่มผู้ป่วยเลปโตสไปโรซีส โดย ใช้ซีรั่มจากผู้ป่วยโดยโรคที่ทำให้เกิดไข้สูง และคนปกติเป็นกลุ่มเปรียบเทียบโดยวิธี ELISA ผลการศึกษา พบว่า ค่าความไวในการตรวจหาแอนติบอดีในระยะ acute phase ชนิด IgM และ IgG เท่ากับ 70% และ 73% ตามลำดับ และค่าความไวจะสูงขึ้นเป็น 82% เมื่อผลบวกของ IgM และ IgGถูกนำมารวมกัน สำหรับระยะ convalescence phase ค่าความไวให้ที่ 59% และ 68% สำหรับ IgM และ IgG ตามลำดับ และสูงขึ้นเป็น 77% เมื่อผลถูกนำมารวมกัน นอกจากนั้นค่าความจำเพาะของวิธีนี้ยังสูงถึง 94% สำหรับ IgM และ 98% สำหรับ IgG เป็นที่น่าสนใจว่า วิธี ELISA นี้สามารถตรวจพบผลบวกใน กลุ่มที่มีผล MAT เป็นลบ โดยพบผู้ป่วยระยะ acute phase ให้ผลบวก 62% และผู้ป่วยระยะ convalescence phase ให้ผลบวก 72% ดังนั้นวิธีการตรวจหาแอนติบอดีต่อ LigA โปรตีนโดยวิธี ELISA นั้นสามารถนำมาพัฒนาเพื่อการวินิจฉัยโรคเลปโตสไปโรซีสในระยะเริ่มแรกของการติดเชื้อได้.
บทคัดย่อ (EN): thus, sensitivity also increased (to 77%) using combined ELISA. The specificity of rLigA-based ELISA was 94 and 98% for IgM and IgG ELISA, respectively. Interestingly, when the results from rLigA-based-IgM and IgG-ELISA were combined, 62% of acute phase sera, and 72% of convalescence-phase sera from MAT-negative leptospirosis were diagnosed positive. Therefore, rLigA-based serology has a high potential for the early diagnosis of leptospirosis
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=126&RecId=885&obj_id=445
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยมหิดล
คำสำคัญ (EN): Recombinant Proteins
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยมหิดล
รายละเอียด: ความไวในการวินิจฉัยโรคเลปโตสไปโรซีสนั้น มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง การตรวจหา แอนติบอดีในซีรั่มผู้ป่วย เป็นอีกวิธีหนึ่งที่น่าสนใจในการตรวจวินิจฉัยโรค LA0730 และ LigA โปรตีน ถูกเลือกมาใช้ในการศึกษาครั้งนี้ รีคอมบิแนนท์โปรตีนที่ได้จะนำมาทดสอบคุณสมบัติของโปรตีน ว่ามีลักษณะเหมือนกับโปรตีนจากเชื้อเลปโตสไปราในธรรมชาติหรือไม่ โปรตีนทั้งสองชนิดถูกนำไปฉีด ในหนูสำหรับการสร้างแอนติบอดี แอนติบอดีที่ได้จะถูกทดสอบกับโปรตีนจากเชื้อด้วยวิธี Western blot พบว่าซีรั่มหนูที่จำเพาะกับ LA0730 และ LigA ไม่ทำปฏิกิริยากับโปรตีนสกัดจากเชื้อเลปโตสไปรา รีคอมบิแนนท์โปรตีนได้ถูกนำไปทดสอบกับซีรั่มคนไข้ ผลปรากฏว่า สามารถตรวจพบแอนติบอดีต่อ LigA โปรตีนได้ในซีรั่มผู้ป่วยเลปโตสไปโรซีส แต่แอนติบอดีไม่ทำปฏิกิริยากับ LA0730 เลย ดังนั้น รี คอมบิแนนท์ LigA โปรตีน จึงถูกนำไปใช้ในการตรวจหาแอนติบอดีในซีรั่มผู้ป่วยเลปโตสไปโรซีส โดย ใช้ซีรั่มจากผู้ป่วยโดยโรคที่ทำให้เกิดไข้สูง และคนปกติเป็นกลุ่มเปรียบเทียบโดยวิธี ELISA ผลการศึกษา พบว่า ค่าความไวในการตรวจหาแอนติบอดีในระยะ acute phase ชนิด IgM และ IgG เท่ากับ 70% และ 73% ตามลำดับ และค่าความไวจะสูงขึ้นเป็น 82% เมื่อผลบวกของ IgM และ IgGถูกนำมารวมกัน สำหรับระยะ convalescence phase ค่าความไวให้ที่ 59% และ 68% สำหรับ IgM และ IgG ตามลำดับ และสูงขึ้นเป็น 77% เมื่อผลถูกนำมารวมกัน นอกจากนั้นค่าความจำเพาะของวิธีนี้ยังสูงถึง 94% สำหรับ IgM และ 98% สำหรับ IgG เป็นที่น่าสนใจว่า วิธี ELISA นี้สามารถตรวจพบผลบวกใน กลุ่มที่มีผล MAT เป็นลบ โดยพบผู้ป่วยระยะ acute phase ให้ผลบวก 62% และผู้ป่วยระยะ convalescence phase ให้ผลบวก 72% ดังนั้นวิธีการตรวจหาแอนติบอดีต่อ LigA โปรตีนโดยวิธี ELISA นั้นสามารถนำมาพัฒนาเพื่อการวินิจฉัยโรคเลปโตสไปโรซีสในระยะเริ่มแรกของการติดเชื้อได้.
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การผลิตและใช้รีคอมบิแนนท์โปรตีนเพื่อการตรวจวินิจฉัยโรคเลปโตสไปโรซีส
Nattavut Wongdeethai
มหาวิทยาลัยมหิดล
2551
การเตรียมและการศึกษาเอกลักษณ์ของรีคอมบิแนนท์โปรตีน Plp B จากเชื้อ Pasteurella multocida A:1 การผลิตและศึกษาคุณสมบัติของรีคอมบิแนนต์แคปสิตโปรตีนของไวรัสเด็งกี่ ซีโรทัยป์ 2 ในระบบของแบคทีเรีย E.coli การผลิตผงโปรตีนเข้มข้นจากแมงกะพรุน และการประยุกต์ใช้ ผลิตภาพของปัจจัยการผลิตโดยรวมของการผลิตอ้อยเพื่อใช้ผลิตเอทานอลใน อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก การลดเวลานำในการผลิตและงานระหว่างผลิตในการผลิตตู้นิรภัยโดยใช้เทคนิคการผลิตแบบลีน การใช้โปรตีนเรืองแสงสีเขียวในการศึกษาตำแหน่งภายในเซลล์ของโปรตีน P3 ของไวรัสโรคใบด่างจุดวงแหวน / Sarasate Eiamtanasate การตรวจหาและการจำแนกเชื้อเลปโตสไปร่าชนิดก่อโรคและไม่ก่อโรคโดยวิธีการปฏิกริยาลูกโซ่ การศึกษาความเป็นไปได้ในการตั้งโรงงานผลิตเอทานอลขนาดเล็กจากมันสำปะหลังเพื่อใช้ผลิตเป็นแก๊สโซฮอล์ การคัดกรองและการหาสภาวะที่เหมาะสมสาหรับการผลิตเอนไซม์โปรตีเอสโดยแบคทีเรียย่อยสลายโปรตีนเพื่อใช้ในการกาจัดโปรตีนในเปลือ การพัฒนาวิธีวิเคราะห์ฤทธิ์สลายเม็ดเลือดแดงเชิงปริมาณสำหรับโปรตีนสารพิษรีคอมบิแนท์ CyaA จากเชื้อ Bordetella pertussis ส่วนที่ทำห
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก