สืบค้นงานวิจัย
โครงการวิจัยและพัฒนาพันธุ์อ้อยเพื่อการผลิตเอทานอล
กรมวิชาการเกษตร - กรมวิชาการเกษตร
ชื่อเรื่อง: โครงการวิจัยและพัฒนาพันธุ์อ้อยเพื่อการผลิตเอทานอล
ชื่อเรื่อง (EN): Research and Development on Sugarcane Genotypes for Ethanol Production
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: กรมวิชาการเกษตร
บทคัดย่อ: โครงการวิจัยและพัฒนาพันธุ์อ้อยเพื่อผลิตเอทานอล มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาคัดเลือกพันธุ์อ้อยที่ให้ผลผลิตและความหวานสูง อายุเก็บเกี่ยวสั้น เหมาะสมสำหรับการนำมาผลิตเอทานอล และแนวทางการจัดการอ้อยเพื่อการผลิตเอทานอลอย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากอ้อยสามารถผลิตเอทานอลซึ่งนำมาใช้ทดแทนน้ำมันเชื้อเพลิงได้เป็นอย่างดี การศึกษาวิจัยโดยทำการประเมินผลผลิตของอ้อยพันธุ์ต่างๆที่ได้มาจากโครงการปรับปรุงพันธุ์อ้อยทั้งในอดีตและปัจจุบัน คัดเลือกโคลนพันธุ์อ้อยจากลูกผสมอ้อยชุดปี 2548 ได้ลูกผสมดีเด่นจำนวน 9 โคลนพันธุ์ ที่ให้ผลผลิตสูง มีองค์ประกอบของผลผลิตดีและค่าความหวานอ้อยสูง รวมทั้งอายุเก็บ เกี่ยวสั้นเพื่อเหมาะสมสำหรับใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตเอทานอลนำไปเปรียบเทียบพันธุ์ในท้องถิ่นและเปรียบเทียบพันธุ์ในไร่เกษตรกร โดยใช้อ้อยพันธุ์อู่ทอง2 ซึ่งมีอายุเก็บเกี่ยวสั้น สะสมน้ำตาลเร็ว เป็นพันธุ์เปรียบเทียบ ใน ปี 2554-2558 ทำการทดลองที่ศูนย์วิจัยพืชไร่สุพรรณบุรี ศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์และไร่เกษตรกรในเขตจังหวัดกาญจนบุรี โดยวางแผนการทดลองแบบ RCB ทำการทดลอง 4 ซ้ำ และศึกษาข้อมูลจำเพาะของโคลนพันธุ์ดีเด่นในเรื่องโรคและแมลงศัตรูที่สำคัญ รวมทั้งการใช้ปุ๋ยในอัตราที่เหมาะสม ผลการวิจัยได้โคลนดีเด่น 3 โคลนพันธุ์ที่ให้ผลผลิตสูงมากกว่าพันธุ์อู่ทอง 2 ทั้งในอ้อยปลูก อ้อยตอ1และอ้อยตอ 2 ได้แก่ โคลน UTe05-102, UTe05-104 และ UTe05-110 และได้ 3 โคลนพันธุ์ที่ให้ค่าความหวานอ้อยมีค่าซีซีเอสสูงกว่าพันธุ์อู่ทอง 2 ได้แก่ โคลน UTe05-102, UTe0และ5-112 , UTe05-114 และโคลนที่เหมาะสำหรับเก็บเกี่ยวอายุสั้น คือ UTe05-112 อย่างไรก็ตามองค์ประกอบสำคัญที่นำมาใช้ในการแปรรูปเป็นเอทานอล คือ ปริมาณน้ำตาลรวม (Total sugar) ซึ่งได้จากน้ำตาล ซูโคลส กลูโคลส และฟรุคโตส ที่รวมกันอยู่ในน้ำอ้อย ของทุกโคลนพันธุ์ไม่แตกต่างกันทางสถิติอยู่ระหว่าง 15.88-21.60 เปอร์เซ็นต์ โคลนที่มีปริมาณน้ำตาลรวมมากที่สุด ได้แก่ UTe05-112, UTe05-115 , UTe05-114 จำนวน 21.60 ,21.33 ,20.07 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับเมื่อเปรียบเทียบกับพันธุ์อู่ทอง 2 ซึ่งมีค่าน้ำตาลรวม 21.78 เปอร์เซ็นต์ การศึกษาเรื่องข้อมูลจำเพาะของพันธุ์ 1)การศึกษาปฏิกิริยาต่อโรคแส้ดำ เมื่อทำการปลูกเชื้อโรคแส้ดำพบว่า มี 5 โคลนที่แสดงอาการอ่อนแอต่อโรคแส้ดำปานกลาง(MR) ได้แก่ โคลน UTe05-101, UTe05-102, UTe05-110, UTe05-112, UTe05-114 และพบว่ามี 2 โคลนแสดงอาการค่อนข้างอ่อนแอต่อโรคแส้ดำ(MS) คือ UTe05-103 และUTe05-104 2)การศึกษาการเข้าทำลายของหนอนกออ้อย ในอ้อยตอ 1และตอ 2แปลงเปรียบเทียบท้องถิ่นพันธุ์อ้อยเพื่อส่งเสริมการผลิตเอทานอลและกระจายผลผลิต(อ้อยชุดปี2548) ที่ไร่เกษตรกร จ.กาญจนบุรีและศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์ พบมีหนอนกอ 2 ชนิด คือ หนอนกอลายจุดเล็กและหนอนกอสีขาวเข้าทำลายในระยะอ้อยแตกกอและย่างปล้องซึ่งจะลดน้อยลงในช่วงอ้อยเป็นลำค่าเฉลี่ยเปอร์เซ็นต์หน่ออ้อยที่ถูกทำลาย 3 ระยะ ทุกโคลนพันธุ์ไม่แตกต่างกันทางสถิติ เมื่อเปรียบเทียบกับพันธุ์อู่ทอง2 ในไร่เกษตรกร จ.กาญจนบุรี อ้อยตอ1และตอ2 มีเปอร์เซ็นต์ทำลายหน่ออ้อยเฉลี่ย 2.30–4.73 เปอร์เซ็นต์ และ 3.32–6.73 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ โคลนพันธุ์ที่ถูกทำลายน้อยที่สุดในอ้อยตอ1 ได้แก่ โคลน UTe05-115,UTe05-101 ใกล้เคียงกับพันธุ์อู่ทอง2 และในอ้อยตอ2 ได้แก่ โคลน UTe05-104 ที่ศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์ อ้อยตอ1และตอ2 มีเปอร์เซ็นต์เข้าทำลายหน่ออ้อยเฉลี่ย 5.91–11.02 และ2.29–5.58 เปอร์เซ็นต์ โคลนพันธุ์ที่ถูกทำลายน้อยที่สุดในอ้อยตอ 1 ได้แก่ โคลน UTe05-103 และในอ้อยตอ 2 ได้แก่ UTe05-112 ใกล้เคียงกับ พันธุ์อู่ทอง 2 3).การศึกษาอัตราปุ๋ยที่เหมาะสมพบว่าการใส่ปุ๋ยอัตราต่างๆ มีผลต่อค่าความหวานของอ้อย(CCS)ทั้งอ้อยปลูกและอ้อยตอ 1 อ้อยโคลน UTe05-110 และ UTe05-112 มีแนวโน้มให้ผลผลิตและค่าความหวาน (CCS)สูงกว่าพันธุ์อู่ทอง 2 โดยการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนอัตราต่ำจะให้ค่าความหวาน(CCS)สูงกว่าการใส่ปุ๋ยไนโตรเจนอัตราสูงและอัตราปุ๋ยที่เหมาะสม คือ อัตรา 0.5N-Pตามค่าวิเคราะห์ดิน-Kตามค่าวิเคราะห์ดิน จากผลการทดลองดังกล่าว จะได้นำโคลนพันธุ์ดีเด่นไปทดสอบเปรียบเทียบพันธุ์ในพื้นที่แหล่งปลูกอ้อยที่สำคัญ เพื่อดูศักยภาพในการให้ผลผลิตและค่าความหวานอ้อย(CCS) และขอรับรองพันธุ์จากกรมวิชาการเกษตร เพื่อแนะนำส่งเสริมเป็นพันธุ์อ้อยเพื่อเก็บเกี่ยวอายุสั้นและอุตสาหกรรมการผลิตเอทานอลต่อไป
บทคัดย่อ (EN): Research and development for sugarcane varietal for ethanol production, aims to develop selective breeding high cane yield and sugar content ,short maturity suitable for the production of ethanol. The management approached to the production of sugarcane ethanol more efficiently because sugarcane can produce ethanol and it is used renewable fuel as well. The study assessed the productivity of sugarcane varieties derived from sugarcane breeding program, both past and present. Screening clones of hybrid sugarcane series in 2005, there were nine outstanding hybrids high-yielding clones. Their elements of the sugacane harvest and high. The short maturity to be suitable for using as a feedstock in the production of ethanol. Compared to local varieties and comparing varieties in farmers fields with U-Thong 2 for checking variety in 2014-2017 conducted at Suphan Buri Field Crops Research Center, Nakhon Sawan Field Crops Research Center and farmers‘ feild in Kanchanaburi Province. The experimental design was RCB experiments with 4 replications and studies on four specifications of outstanding clones in the major diseases and pests. Including the use of fertilizers at reasonable rates. The results were outstanding, three clones of high-yielding varieties, more than U-Thong2 in cane planting ,ratoon1 and ratoon2 were cloned UTe05-102, UTe05-104 and UTe05-110 and three clones bred to provide value. The CCS is higher than the U-Thong2 were clone UTe05-102 and 5-112 and UTe05-114 and early harvested clone was UTe05-112 . However, the key component used in the processing of sugar into ethanol is Total sugar, which was derived from sucrose, glucose and fructose who gathered in molasses. All of the clones did not differ statistically between 15.88-21.60 percent ,there were three clones that were higher total sugar than another were UTe05-112, UTe05-115, UTe05-114 which total sugar were 21.60, 21.33, 20.07 percent respectively, compared to Uthong2, which was 21.78 percent of total sugar. The study on specifications varieties were 1) The reaction of sugarcane varieties to smut disease. Seven sugarcane clones were transmitted by smut pathogen, the result were five clones showed moderately susceptible to smut (MR) were cloned UTe05-101, UTe05-102, UTe05-110, UTe05-112, UTe05-114 and two clones were susceptible to smut (MS), responding to smut closed to Marcos variety, which is quite susceptible to smut, they were UTe05-103 UTe05-104. 2) Study on the infestation of sugarcane borer in sugarcane ratoon1 and ratoon2 , which were compared to the local varieties to encourage the production and distribution of ethanol production at the farmers field Kanchanaburi Province and Nakhon Sawan Field Crops Research Center. The results were found two types of stem borers and stem borer white polka dots infestation in sugarcane tiller and stalk period. This will diminished the body as sugarcane. The average percentage shoots cane was destroyed in three stages, all clones did not differ statistically which compared to the sugarcane U-Thong 2. And in the farmers field. Kanchanaburi Province , cane ratoon1 and ratoon2 were destroyed by sugarcane borer 2.30 - 4.73 and 3.32-6.73 percentage. The clones that were minimal destroyed in ratoon1 were UTe05-115, UTe05-101 similar U-Thong 2 and the ratoon2 was UTe05-104. At Nakorn Sawan Field Crops Research Center, sugarcane ratoon 1 and ratoon2 were destroyed by sugarcane shoots were 5.91 - 11.02 and 2.29 - 5.58 percentage .The minimal destroyed in ratoon1 was UTe05-103 and ratoon 2 was UTe05-112 that were similar to U-Thong 2 3) Study on the suitable rate of fertilizer was found that the rate of Nitrogen fertilization rates affected the cane sugar (CCS). Yield and cane sugar (CCS) of Clone UTe05-110 UTe05-112 were higher than U-Thong 2. The low rates of Nitrogen fertilization was effecting to increase the cane sugar (CCS) higher than high rate of Nitrogen fertilizer and the rate of 0.5N-P is based on the analysis of soil -K. soil Analysis. The results of such trials clones will be outstanding compared to local varieties of sugarcane important. To see the potential yield and the cane sugar (CCS)and certified seed from the Department of Agriculture. It is recommended to promote sugarcane harvesting was short and to the manufacture of ethanol next.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: กรมวิชาการเกษตร
คำสำคัญ: ชีวมวล
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
โครงการวิจัยและพัฒนาพันธุ์อ้อยเพื่อการผลิตเอทานอล
กรมวิชาการเกษตร
30 กันยายน 2558
การผลิตเอทานอลจากกากเนื้อในเมล็ดปาล์มน้ำมันโดยเชื้อผสมที่คัดเลือก การใช้โซดาเอทานอลลิกนินจากเศษใบและยอดอ้อยในการผลิตแอโรเจลและคาร์โบเจล การศึกษาต้นแบบการผลิตเอทานอลจากกากมันสำปะหลัง จุลินทรีย์ที่ปนเปื้อนในกากน้ำตาลอ้อยและผลกระทบต่อการผลิตเอทานอลเพื่อเป็นเชื้อเพลิง การผลิตไบโอเอทานอลจากการหมักของยีสต์ทนร้อนโดยใช้ชีวมวลของสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน การศึกษาคุณลักษณะของน้ำทิ้งจากระบบบำบัดน้ำเสียแบบไร้อากาศของโรงงานผลิตเอทานอลจากกากน้ำตาลและการใช้ประโยชน์ในการเพาะปลูกอ้อย การเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตน้ำตาลไซโลส กลูโคส และอราบิโนสจากฟางข้าวและชานอ้อย เพื่อใช้เป็นสาร ตั้งต้นสำหรับผลิตเอทานอล การเพิ่มมูลค่าอ้อยโดยการใช้ประโยชน์จากการย่อยสลายเศษต้นและใบโดยเซลลูโลไลติกเอนไซม์จากเชื้อราเพื่อใช้ในการผลิตไบโอเอทานอลและไฟฟ้าเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน การศึกษาปริมาณและองค์ประกอบเคมีเพื่อการผลิตเอทานอลจากสาหร่ายทะเลในประเทศไทย การพรีทรีตเมนต์เปลือกทุเรียนด้วยกรดและด่าง เพื่อการผลิตไบโอ-เอทานอล
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก