สืบค้นงานวิจัย
เหลียวหลังมองงานวิจัย เพื่อก้าวไปข้างหน้า : กรณีศึกษาของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข Looking Back to Move Forward : Case Study from Thai NIH
สุภาวดี สายแถม - กลุ่มพัฒนาคุณภาพและวิชาการ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
ชื่อเรื่อง: เหลียวหลังมองงานวิจัย เพื่อก้าวไปข้างหน้า : กรณีศึกษาของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข Looking Back to Move Forward : Case Study from Thai NIH
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: สุภาวดี สายแถม
บทคัดย่อ: สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข (สวส.) เป็นหน่วยงานที่มีภารกิจหลักด้านการศึกษา วิเคราะห์ วิจัยและพัฒนาองค์ความรู้และเทคโนโลยีทางห้องปฏิบัติการ ด้านสุขภาพ และด้านชันสูตรโรค มีนโยบายให้เสนอโครงการผ่านระบบการบริหารจัดการงานวิจัยแห่งชาติ (NRMS) ของคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ตั้งแต่ขั้นตอนการจัดทำข้อเสนอโครงการ การดำเนินการวิจัย การประเมินความก้าวหน้า และการรายงานผลการวิจัย โดยมีกระบวนการบริหารจัดการงานวิจัยทั้งก่อนและหลังการวิจัย กล่าวคือ มีการแต่งตั้งคณะทำงานพิจารณากลั่นกรองและจัดลำดับความสำคัญของงานวิจัย และแต่งตั้งคณะทำงานติดตามและประเมินผลโครงการวิจัยเพื่อกำกับติดตามให้การดำเนินงานวิจัยเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้ การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อทบทวนผลการดำเนินงาน ปัญหาอุปสรรค และจัดทำข้อเสนอแนะ เพื่อการปรับปรุงกระบวน การบริหารจัดการงานวิจัยของ สวส. ให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น โดยศึกษาข้อมูลงานวิจัยของ สวส. จากระบบบริหารจัดการงานวิจัยของ สวส. ระบบติดตามแผนงานงบประมาณของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และระบบการบริหารจัดการงานวิจัยแห่งชาติ (NRMS) ระหว่างปีงบประมาณ 2557 ถึง ปีงบประมาณ 2560 วิเคราะห์แนวโน้มผลการพิจารณาข้อเสนอโครงการ วิจัยจาก วช. และการทำวิจัยในแต่ละสาขา ได้แก่ สาขาชุดทดสอบและการพัฒนาเทคโนโลยี สาขาวิจัยเชื้อก่อโรคและหากลไกการก่อโรค สาขาการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการป้องกันและรักษาโรค และ สาขาการวิจัยในคน โดยใช้สถิติเชิงพรรณนา ผลการศึกษาพบว่า ข้อเสนอโครงการวิจัยที่ได้รับการสนับสนุนจาก วช. มีสัดส่วนลดลงทุกปี โดยจำนวนโครงการวิจัยที่ได้รับการสนับสนุนจาก วช. ในปีงบประมาณ 2557 ถึงปีงบประมาณ 2560 คิดเป็นร้อยละ 83.9, 76.7, 76.5 และ 68.4 ตามลำดับ และการทำวิจัยในแต่ละสาขา ในช่วง 3 ปี (ปีงบประมาณ 2557 ถึง ปีงบ- ประมาณ 2559) พบว่า มีการทำวิจัยในสาขาวิจัยเชื้อก่อโรคและหากลไกการก่อโรค มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 89.7 รองลงมาคือ สาขาการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการป้องกันและรักษาโรค ร้อยละ 82.6 สาขาชุดทดสอบและการพัฒนาเทคโนโลยี ร้อยละ 63.5 และสาขาการวิจัยในคน ร้อยละ 47.2 ตามลำดับ อย่างไรก็ตามสัดส่วนของการตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานวิจัยในวารสารระดับชาติและนานาชาติยังมีจำนวนน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนงานวิจัยในแต่ละปี ดังนั้น เพื่อให้งานวิจัยได้รับการพิจารณาสนับสนุนจาก วช. ในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น ควรพิจารณาจัดทำโครงการที่มีผลกระทบสูง และผลักดันให้เกิดการนำไปตีพิมพ์เผยแพร่เพื่อให้เกิดการนำไปใช้ประโยชน์มากขึ้น
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://nih.dmsc.moph.go.th/research/showimgdetil.php?id=665
เผยแพร่โดย: กลุ่มพัฒนาคุณภาพและวิชาการ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
คำสำคัญ: การบริหารจัดการงานวิจัย สาขาวิจัย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข
เจ้าของลิขสิทธิ์: สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุขกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
เหลียวหลังมองงานวิจัย เพื่อก้าวไปข้างหน้า : กรณีศึกษาของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข Looking Back to Move Forward : Case Study from Thai NIH
กลุ่มพัฒนาคุณภาพและวิชาการ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
2561
หลักการการวางแผนงานวิจัยพืชสวน โครงสร้างภารกิจงานด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รายงานประจำปี 2556 สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ Thai Cosmetopoeia การขับเคลื่อนเศรษฐกิจสังคมไทยด้วยการสร้างสรรคุณค่าเครื่องสำอางตามเอกลักษณ์ท้องถิ่น โครงการบริหารจัดการงานวิจัยเรื่องปาล์มน้ำมัน ปีงบประมาณ 2557 โครงการ เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้งานวิจัย งานวิจัยพืชอาหารสัตว์กับการพัฒนาโคนมไทย Thai Open GLAM ตอนที่ 9 : รางวัลนักวิจัยดีเด่นระดับนานาชาติ และนักวิจัยดีเด่นระดับชาติ ตอนที่ 7 : รางวัลนักวิจัยดีเด่นระดับนานาชาติ และนักวิจัยดีเด่นระดับชาติ
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก