สืบค้นงานวิจัย
รวบรวมและคัดเลือกพันธุ์ผักเชียงดาเพื่อพัฒนาสู่การผลิตในเชิงอุตสาหกรรม
พิทักษ์ พุทธวรชัย - มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
ชื่อเรื่อง: รวบรวมและคัดเลือกพันธุ์ผักเชียงดาเพื่อพัฒนาสู่การผลิตในเชิงอุตสาหกรรม
ชื่อเรื่อง (EN): Collection and Selection of Phak Chiangda (Gymnema inodorum (Lour.) Decne.) for Industrial Production
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: พิทักษ์ พุทธวรชัย
บทคัดย่อ: การรวบรวมผักเชียงดาในแปลงรวบรวมพันธุ์ของสถาบันวิจัยเทคโนโลยีเกษตร และที่ ได้รวบรวมเพิ่มเติมบริเวณตำบลพิชัย และตำบลบ้านเสด็จ จังหวัดลำปาง และเชียงใหม่ จำนวน 101 สายต้น ปลูก ณ สถาบันวิจัยเทคโนโลยีเกษตรตั้งแต่เดือน มกราคม ถึง กันยายน พ.ศ. 2551 เพื่อประเมินลักษณะเบื้องต้น พบว่าความยาวใบเฉลี่ยกลุ่มที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย จำนวน 48 สายต้น และเท่ากับค่าเฉลี่ยหรือต่ำกว่าค่าเฉลี่ยจำนวน 52 สายต้น โดยสายต้น รหัส 091 มีความยาวใบเฉลี่ยสูงสุด 16.68 ซม. (table 1) ความกว้างใบเฉลี่ยพบว่า 48 สาย ต้นให้ค่าเฉลี่ยความกว้างใบสูงกว่าค่าเฉลี่ย และเท่ากับคำาเฉลี่ยหรือต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 52 สาย ต้น โดยสายต้น 013 มีความกว้างใบเฉลี่ยสูงสุด 8.58 ชม. ความยาวก้านใบเฉลี่ยพบว่า 47 สายต้นมีคำความยาวก้านใบสูงกว่าค่าเฉลี่ย และ 53 สายต้นเท่ากับค่าเฉลี่ยหรือต่ำกว่า ค่าเฉลี่ยโดยสายต้นรหัส 013 มีความยาวก้านใบเฉลี่ยสูงสุด 4.18 ชม. ความยาวปล้องเฉลี่ย พบว่า 42 สายต้นมีคำความยาวปล้องสูงกว่าค่าเฉลี่ย และ 58 สายต้นเท่ากับคำเฉลี่ยหรือต่ำ กว่าคำเฉลี่ยโดยสายต้นรหัส 087 มีความยาวปล้องเฉลี่ยสูงสุด 14.16 ชม. ความยาวยอด เฉลี่ยพบว่ 47 สายตันมีคำความยาวยอดสูงกว่าคำเฉลี่ย และ 53 สายต้นเท่ากับค่าเฉลี่ยหรือ ต่ำกว่าคำเฉลี่ยโดยสายต้นรหัส 074 มีความยาวยอดเฉลี่ยสูงสุด 41.50 ซม. จำนวนคู่ใบเฉลี่ย ต่อยอดพบว่า 57 สายต้นมีจำนวนคู่ใบเฉลี่ยต่อยอดสูงกว่าคำเฉลี่ย และ 43 สายต้นเท่ากับ ค่าเฉลี่ยหรือต่ำกว่าคำเฉลี่ยโดยสายต้นรหัส 085 มีจำนวนคู่ใบเฉลี่ยต่อยอดสูงสุด 4.00 คูใบการเปรียบเทียบลักษณะต่าง ๆ ของสายต้นผักเชียงดาที่ได้คัดเลือกแล้วจำนวน6 สายต้นโดยการวางแผนการทดลองแบบ RCBD (Randomized Complete Blocks Design) ปี พ.ศ. 2551 พบว่า ความสูงของทรงพุ่มเฉลี่ยมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญยิ่งทางสถิติ (table 2) โดยสายต้น Gi 103 ให้ความสูงของทรงพุ่มเฉลี่ยสูงสุด 93.80 ซม. ความกว้างของ ทรงพุ่มเฉลี่ยไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยสายต้น Gi 103 ให้ความ กว้างของทรงพุ่มเฉลี่ยสูงสุด 61.20 ชม. ความยาวใบเฉลี่ย มีความแตกต่างกันอย่างมี นัยสำคัญยิ่งทางสถิติโดยสายต้น Gi 105 ให้ความยาวใบเฉลี่ยสูงสุด 15.96 ชม. ความกว้าง ใบเฉลี่ยมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญยิ่งทางสถิติโดย สายต้น Gi 105 ให้ความกว้างใบ เฉลี่ยสูงสุด 8.26 ชม. ความยาวก้านใบเฉลี่ยมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญยิ่งทางสถิติโดยสายต้น Gi 102 ให้ความยาวก้านใบเฉลี่ยสูงสุด 3.51 ชม. ความยาวปล้องเฉลี่ยมีความ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญยิ่งทางสถิติโดย สายต้น Gi 105 ให้ความยาวปล้องเฉลี่ยสูงสุด 7.08 ซม. ความยาวยอดเฉลี่ยมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติโดย สายต้น Gi 104 ให้ความยาวยอดเฉลี่ยสูงสุด 10.57 ชม. จำนวนคู่ใบเฉลี่ยต่อยอดมีความแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญยิ่งทางสถิติโดย สายต้น G 101 ให้จำนวนคู่ใบเฉลี่ยต่อยอดสูงสุด 3.73 ใบ น้ำหนักสดเฉลี่ยต่อจำนวน 3 ยอด ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยสาย ต้น Gi 105 และ G 101 ให้น้ำหนักต่อจำนวน 3 ยอดสูงสุด 15.00 กรัมการเปรียบเทียบลักษณะต่าง ๆ ของผักเชียงดาจำนวน 6สายต้นเป็นปีที่ 2 พบว่า ความสูงของทรงพุ่มเฉลี่ยมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ( table 3) โดยสายต้น G 101 ให้ความสูงของทรงพุ่มเฉลี่ยสูงสุด 52.45 ชม. ความกว้างของทรงพุ่มเฉลี่ยมีความ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญยิ่งทางสถิติ โดยสายต้น Gi 104 ให้ความกว้างของทรงพุ่มเฉลี่ย สูงสุด 56.55 ซม. ความยาวใบเฉลี่ย มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญยิ่งทางสถิติโดยสาย ต้น Gi 104 ให้ความยาวใบเฉลี่ยสูงสุด 11.07 ชม. ความกว้างใบเฉลี่ยมีความแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญยิ่งทางสถิติ โดยสายต้น Gi 104 ให้ความกว้างใบเฉลี่ยสูงสุด 5.74 ซม. จำนวนข้อเฉลี่ยต่อยอดไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติโดยสายต้น Gi 101 ให้ จำนวนข้อเฉลี่ยต่อยอดสูงสุด 3.10 ข้อ จำนวนคูใบเฉลี่ยต่อยอดไม่มีความแตกต่างกันอย่างมี นัยสำคัญทางสถิติโดยสายต้น Gi 105 ให้จำนวนคู่ใบเฉลี่ยต่อยอดสูงสุด 2.79 ใบ ความยาว ยอดเฉลี่ยไม่มีความแตกกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติโดยสายสายต้น Gi 101 ให้ความยาว ยอดเฉลี่ย 14.95 ชม. น้ำหนักเฉลี่ยต่อยอดไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยสายต้น G 102 ให้น้ำหนักเฉลี่ยต่อยอดสูงสุด 3.82 กรัมการเปรียบเทียบฤทธิ์การต้านอนุมูลอิสระและองค์ประกอบของผลผลิตในผักเชียงดา 6 สายต้นเป็นปีที่ 3 พบว่า ฤทธิ์การต้านอนุมูลอิสระเทียบกับวิตามิน E (763.76 TE mg/100 g wet wt) (able 4) น้ำหนักสดต่อต้น (71.32 กรัม) จำนวนยอดต่อต้น (36.91 ยอด) และ ความกว้างของทรงพุ่ม (79.27 เซนติเมตร )(table 5) สูงสุดในสายต้น Gi 104 (p<0.05) ขณะที่สายต้น Gi 102 มีน้ำหนักสดต่อยอด (1.74 กรัม) น้ำหนักแห้งต่อยอด (0.45 กรัม) และ ความยาวยอด (12.72 เซนติเมตร) สูงสุด (p <0.05) สำหรับลักษณะจำนวนข้อต่อยอด (2.23 ข้อ) และจำนวนคู่ใบต่อยอด (2.09 คู่) พบสูงสุดในสายต้น Gi 105 (p<0.05) ส่วนลักษณะความสูงของทรงพุ่มไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ โดยสายต้น Gi 101 มี แนวโน้มของความสูงทรงพุ่มสูงสุด (93.24 เซนติเมตร) ผลการเปรียบเทียบฤดูกาลที่มีผลต่อผลผลิตผักเชียงดาในรอบ 1 ปี โดยใช้แผนการ ทดลองแบบ RCBD ประกอบด้วย 4 ซ้ำ โดยมี 3 สิ่งทดลองประกอบด้วย ฤดูร้อน (ม.ค-เม.ย. T1) ฤดูฝน (พ.ค.-ส.ค., T2) และฤดูหนาว (ก.ย.-ธ.ค., T3) ปฏิบัติดูแลรักษาโดยปลูกใน แปลงทดลองสถาบันวิจัยเทคโนโลยีเกษตร ให้น้ำทุก 3-5 วันใส่ปุ๋ยหมักอัดเม็ดเก็บเกี่ยวหลัง ปลูก 6 เดือน พบว่าลักษณะความยาวยอดมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ คือ ในฤดูหนาวมีแนวโน้มให้ความยาวยอดยาวที่สุด ( table 6) รองลงมาคือฤดูร้อนและฤดูฝน ตามลำดับ ให้ความยาวเฉลี่ยเท่ากับ 31.08, 28.92 และ 19.12 ชม. ตามลำดับ ในด้าน องค์ประกอบผลผลิตผักสดน้ำหนักสดต่อยอด ความกว้างใบ ความยาวใบ ส่วนที่รับประทาน ได้และส่วนที่รับประทานไม่ได้ต่อยอด จำนวนยอดต่อแปลงย่อยและน้ำหนักสดต่อแปลงย่อย ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติโดยฤดูร้อนมีแนวโน้มให้จำนวนยอดต่อ 8 ต้น สูงสุด 267.00 ยอดและน้ำหนักสดต่อ 8 ต้นสูงสุด 1,837.50 กรัม
บทคัดย่อ (EN): The 101 clones of Phak Chiang Da (Gymnema inodorum (Lour.) Decne.) were collected from the plot of Agricultural Technology Research Institute (ATRI), Rajamangala University of Technology Lanna, Tambon Phichai and Tambon Bansdejt Lampang, Chiang Mai and then planted at ATRI during January to September 2008. The data showed that there were 48 clones which had the average leaf length longer than normal mean and 52 clones had equal or less than the normal mean. The 091 code clone had the highest average leaf length of 16.68 cm. (table 1). There were 48 clones which had the average leaf width wider than the normal mean and 52 clones had equal or less than the normal mean. The 013 code clone had the widest leaf of 8.58 cm. There were 47 clones which had the average petiole length longer than the normal mean and 53 clones had equal or less than the normal mean. The 013 code clone has the longest petiole of 4.18 cm. There were 42 clones which had the average internode length longer than normal mean and 58 clones had equal or less than the normal mean. The 087 code clone had the longest internode of 14.16 cm. There were 45 clones which had the average length of shoot tip longer than the normal mean and 55 clones had equal or less than the normal mean. The 074 code clone had the longest shoot tip of 41.50 cm. There were 57 clones which had the average amount of pair-leaves more than the normal meanand 43 clones have equal or less than the normal mean. The 085 code clone had the highest amount of pair-leaves 4 pair-leaves per shoot. Six clones of Phak Chiang Da from the previous mention were selected and then grown by RCBD experimental design (Randomized Complete Blocks Design) at Agricultural Technology Research Institute duringJanuary to September 2008( first year). The average of plant high was significantly different. Line number Gi 103 gave the highest of plant high (93.80 cm.) (p<0.01)(table 2). while the average of canopy width was not significantly different. Line number Gi 103 had the highest canopy width (61.23 cm.). The Gi 105 gave the highest of leaf length (15.96 cm.), leaf width (8.26 cm.) and internode length (7.08 cm.) (p<0.01). The average of petiole length was significantly different. Line number Gi 102 gave the highest petiole length (3.51 cm.) (p<0.01). The Gi 104 had the highest of shoot length (10.57) (p<0.05). The Gi 101 had the highest of pair-leaves per shoot (3.73 pair- leaves) (p<0.01). while the average of fresh weight was not significantly different which Gi 105 and Gi 101 gave the highest of fresh weight per 3 shoot (15 gm.). The study results in second year (2009). The average of plant high was significantly different. The Gi 101 gave the highest of plant high (52.45 cm.) (p<0.05)(table 3). The Gi 104 had the highest canopy width (56.55 cm.), leaf length (11.07 cm.). and leaf width (5.74 cm.) (p<0.01). while the average of node per shoot and shoot length was not significantly different which the Gi 101 had the highest of node per shoot (3.10 nodes) and shoot length (14.95 cm.). The average of pair- leaves per shoot and fresh weight were not significantly different. The Gi 105 and Gi 102 had the highest of pair-leaves per shoot (2.79 pair-leaves) and fresh weight (3.82 g.), respectively. The antioxidant activities and yield components observation in third year (2010-2011). The results showed that the highest antioxidant activity equivalent to vitamin E (763.76 TE mg/100 g wet wt.)(table 4), fresh weight per plant (71.32 g), number of shoot per plant (36.91 shoots), and canopy width (79.27 cm) (table 5) were obtained in the Gi 104 clone (p<0.05). The Gi 102 clone expressed the highest of fresh weight per shoot (1.74 g), dried weight per shoot (0.45 g), and shoot length (12.72 cm) (p<0.05). The study also revealed that the highest amount of 2.23 nodes and 2.09 pair-leaves per shoot were found in the Gi 105 clone (p<0.05). Theplant height averages was not significantly different. The Gi 101 clone tended to have the highest of plant high (93.24 cm). A comparison on the effect of annual seasons on yield was studied. The experimental design used a randomized complete block design (RCBD) consisted of 3 treatments and each with 4 replications. Treatments were summer (Jan - Apr,,T1), rainy season (May-Aug;, T2) and cool season (Sept.-Dec.,T3). Irigation and cultural practices were given to all Phak chiang da plants under investigation in the same manner. The results revealed that the shoot length characteristic appeared to be significantly affected by different seasons (table 6). The cool seasons seemed to have the greatest shoot length of Phak chiang da and followed in order by summer and rainy season, with the averages of 31.08, 28.92 and 19.12 cm., respectively. However, fresh weight yield were statistically similar among seasons. In addition, the number of shoot and shoot weight per eight plants tended to be the highest in summer (267.00 shoots and 1,837.50 g.) as compared with those in rainy season (225.25 shoots and 1771.25 g.) and in cool season (244.50 shoots and 1,716.00 g.).
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
คำสำคัญ: สถาบันวิจัยเทคโนโลยีเกษตร
คำสำคัญ (EN): Industrial
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
รวบรวมและคัดเลือกพันธุ์ผักเชียงดาเพื่อพัฒนาสู่การผลิตในเชิงอุตสาหกรรม
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา
30 กันยายน 2553
การรวบรวมและคัดเลือกพันธุ์ดอกชมจันทร์เพื่อผลิตเป็นอาหารสุขภาพ รวบรวมและคัดเลือกพันธุ์ฟักข้าวเพื่อพัฒนาสู่การผลิตในเชิงอุตสาหกรรม ผลของจำนวนต้นต่อหลุมที่มีผลต่อผลผลิตและองค์ประกอบของผลผลิตของผักเชียงดาเพื่ออุตสาหกรรม การประยุกต์ใช้ระบบการผลิตผักเชียงดาและประเมินต้นทุนการผลิตเชียงดาในฟาร์มต้นแบบ การพัฒนากระบวนการแปรรูปผักเชียงดา (Gymnema inodorum Decne.) เพื่อการผลิตในระดับอุตสาหกรรม การเปรียบเทียบประสิทธิภาพของวิธีการคัดเลือกพันธุ์ถั่วเขียว 3 วิธี 2559A17002045 การประยุกต์ใช้ระบบการผลิตผักเชียงดาและประเมินต้นทุนการผลิตเชียงดาในฟาร์มต้นแบบ การศึกษาการผลิตอาหารสุนัข ศึกษาอัตราปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มผลผลิตผัก และความอุดมสมบูรณ์ของดิน จังหวัดนครนายก ศึกษาอัตราปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มผลผลิตผักและความอุดมสมบูรณ์ของดิน จังหวัดปทุมธานี
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก