สืบค้นงานวิจัย
การประเมินค่าทางพันธุกรรมของลักษณะความคงทนในการให้นมในโคนมลูกผสมโดยใช้โมเดลถดถอยเชิงสุ่ม
วรางคณา กิจพิพิธ - จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ชื่อเรื่อง: การประเมินค่าทางพันธุกรรมของลักษณะความคงทนในการให้นมในโคนมลูกผสมโดยใช้โมเดลถดถอยเชิงสุ่ม
ชื่อเรื่อง (EN): Genetic evaluation of persistency in crossbred dairy cattle using random regression model
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: วรางคณา กิจพิพิธ
บทคัดย่อ: วัตถุประสงค์ในการศึกษาครั้งนี้ เพื่อประมาณค่าพารามิเตอร์ทางพันธุกรรม และประเมินค่าทางพันธุกรรมของลักษณะความคงทน ในการให้นมของโคนมลูกผสมโดยใช้โมเดลถดถอยเชิงสุ่ม (RRM) และโมเดลแบบหุ่นตัวสัตว์ (AM) ข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้เก็บรวบรวมระหว่างปี พ.ศ. 2527-2543 จำนวนข้อมูลบันทึกผลผลิตในวันทดสอบเข้าทำการวิเคราะห์ทั้งสิ้น 10,415 ระเบียน จากแม่โคจำนวน 645 ตัว ที่มีลำดับการให้ผลผลิตครั้งที่ 1 ถึง 3 โดยลักษณะความคงทนในการให้นมที่ทำการศึกษาทั้งสามวิธี ได้แก่ วิธีใช้ค่าสัมประสิทธิ์ถดถอยของสมการสร้างกราฟแสดงการให้นม (beta) วิธีใช้อัตราส่วนของปริมาณน้ำนมรวมช่วงวันให้นมที่ 201-305 ต่อปริมาณน้ำนมรวมช่วงวันให้นมที่ 1-100 (P3:1) และวิธีใช้อัตราส่วนของปริมาณน้ำนมรวมช่วงวันให้นมที่ 201-305 ต่อปริมาณน้ำนมรวมที่ 305 วัน (P3:T) จากผลการศึกษาทั้งสามวิธี พบว่า ปัจจัยเนื่องจากปีและฤดูกาลที่แม่โคคลอดลูก ระดับเลือดโคยุโรป ลำดับการให้ผลผลิต อายุเมื่อคลอดลูก จำนวนวันให้นม และจำนวนวันให้นมจนถึงวันทดสอบครั้งแรก มีอิทธิพลต่อลักษณะความคงทนในการให้นมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) สำหรับการประมาณค่าองค์ประกอบความแปรปรวนใช้วิธี resticted maximum likelihood (REML) พบว่า ค่าอัตราพันธุกรรมของลักษณะความคงทนในการให้นม ได้แก่ beta, P3:1 และ P3:T ที่ได้จากการวิเคราะห์โดยใช้ AM มีค่าเท่ากับ 0.14, 0.10 และ 0.07 ตามลำดับ และค่าอัตราพันธุกรรมของลักษณะความคงทนในการให้นมที่ได้จากการวิเคราะห์โดยใช้ RRM ได้แก่ P1, P2 และ P3 มีค่าเท่ากับ 0.14, 0.30 และ 0.42 ตามลำดับ ค่าสหสัมพันธ์ทางพันธุกรรมของลักษณะความคงทนในการให้นม (beta, P3:1 และ P3:T) มีค่าสูงกว่า 0.62 (p<0.05) และการหาความสัมพันธ์ของคุณค่าการผสมพันธุ์ที่วิเคราะห์โดย RRM และ AM ด้วยวิธี Pearson correlation และ Spearman rank correlation พบว่า มีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) อย่างไรก็ตามการใช้ RRM จะสามารถอธิบายอิทธิพลของสภาพแวดล้อมได้มากกว่า ซึ่งจะทำให้การประเมินค่าทางพันธุกรรมมีความถูกต้องมากกว่าการใช้ AM
บทคัดย่อ (EN): The objectives of this study were to estimate genetic parameters and breeding values of persistency in crossbred dairy cattle using random regression model (RRM) and animal model (AM). Data consisted of 10,415 test day records of 645 cows in their first three lactations in 1984-2000. The persistency measures included the slope of the regression line (beta), the ratios between the milk yields of days 201-305 to days 100 (P3:1) and the ratios between days 201-305 to total milk yields of days 305 (P3:T). The estimates of variance components were obtained by resticted maximum likelihood (REML). The factors such year-season of calving, breed group, lactation numbers, age at calving, days in milk and days in milk at first test dates significantly affected the persistency measures (p<0.05). Heritability estimates of beta P3:1 and P3:T by AM were lower (0.14, 0.10 and 0.07, respectively) than estimates by RRM were P1, P2 and P3 (0.14, 0.30 and 0.42 respectively). The genetic correlation of persistency measures among beta, P3:1 and P3:T ws over 0.62 (p<0.05). Correlation of EBVs using RRM and AM in which calculated by Pearson correlation and Spearman rank correlation were significant (p<0.05). However, RRM could define the environmental effect batter than AM.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://thailis-db.car.chula.ac.th/CU_DC/March2004/Thesis/Warangkana.pdf
เผยแพร่โดย: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คำสำคัญ: การวิเคราะห์การถดถอย
เจ้าของลิขสิทธิ์: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
รายละเอียด: The objectives of this study were to estimate genetic parameters and breeding values of persistency in crossbred dairy cattle using random regression model (RRM) and animal model (AM). Data consisted of 10,415 test day records of 645 cows in their first three lactations in 1984-2000. The persistency measures included the slope of the regression line (beta), the ratios between the milk yields of days 201-305 to days 100 (P3:1) and the ratios between days 201-305 to total milk yields of days 305 (P3:T). The estimates of variance components were obtained by resticted maximum likelihood (REML). The factors such year-season of calving, breed group, lactation numbers, age at calving, days in milk and days in milk at first test dates significantly affected the persistency measures (p
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การประเมินค่าทางพันธุกรรมของลักษณะความคงทนในการให้นมในโคนมลูกผสมโดยใช้โมเดลถดถอยเชิงสุ่ม
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
2545
ลักษณะความแตกต่างทางพันธุกรรมของปูทะเลสกุล Scylla ในจังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราด การเพาะเลี้ยงสาหร่ายสไปรูลินา (Spirulina platensis) ในน้ำเสียฟาร์มโคนมเพื่อใช้เป็นอาหารโคนม การใช้โมโนโคลนอลแอนติบอดีคอมเพททิทีฟอิไลซาเพื่อวัดระดับโปรเจสเตอโรนในน้ำนมของโคนมที่เลี้ยงภายใต้ฤดูร้อนและหนาว การประเมินค่าพลังงานย่อยได้ของอาหารหยาบบางชนิดสำหรับโคระยะแห้งนม. ค่าพารามิเตอร์ทางพันธุกรรมสำหรับลักษณะปริมาณอาหารที่กินเหลือประสิทธิภาพการใช้อาหาร และอัตราการเจริญเติบโตต่อวันในสุกรพันธุ์แลนด์เรซ ลักษณะการถ่ายทอดทางพันธุกรรมและการกระจายตัวของลักษณะทางการเกษตรบางลักษณะของถั่วเหลืองลูกผสมชั่วที่ 2 จากการผสมข้ามระหว่างถั่วเหลืองน้ำมันกับถั่วเหลืองฝักสด. การย่อยได้ของโภชนะในเศษข้าวโพดหวานหมักและการเปลี่ยนแปลงของผลผลิตที่เกิดจากการหมักในกระเพาะรูเมนของโคนม ศึกษาปัญหาและแนวทางพัฒนาการดำเนินงานฟาร์มโคนมของสมาชิกสหกรณ์โคนม อำเภอวังน้ำเย็นจังหวัดสระแก้ว ศักยภาพการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการใช้ทรัพยากรของฟาร์มโคนม (2542-2543) การใช้ประโยชน์จาการทำทุ่งหญ้าถั่วผสมวิธีปลูกสลับแถบเพื่อใช้ในการทำพืชหมักและเป็นแหล่งอาหารหยาบของโครีดนม
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก