สืบค้นงานวิจัย
การเพาะและอนุบาลปลาตะเพียนทราย
พงษ์พันธ์ สุนทรวิภาต - กองวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด, กรมประมง
ชื่อเรื่อง: การเพาะและอนุบาลปลาตะเพียนทราย
ชื่อเรื่อง (EN): Breeding and Nursing of Spot Barb Puntius bimaculatus (Bleeker, 1863)
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: พงษ์พันธ์ สุนทรวิภาต
หน่วยงานสังกัดผู้แต่ง:
บทคัดย่อ: การเพาะพันธุ์ปลาตะเพียนทราย Puntius bimacilatus (Bleekcr, 1863) ได้ดำเนินการทดลองที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดพะเยา ระหว่างเดือนดุลาคมถึงเดือนธันวาคม 2550 โดยใช้แม่พันธุ์ความยาว เฉลี่ย 694:043 เซนดิมคร น้ำหนักเฉลี่ย 3.69:0.37 กรัม โดยถืคกระตุ้นแม่พันธุ์ครั้งเดียวด้วยออร์โมนสังคราะห์ buserclin acctatc 20 ไมโครกรัม ร่วมกับชาเสริมฤทธิ์ domperidonc 10 มิถลิกรัมต่อน้ำหนักแม่ พันธุ์ 1 กิโลกรัม สำหรับพ่อพันธุ์ฉีดด้วยฮอร์โมนสังเคราะห์ buserelin acctatc 10 ไมโครกรัม ร่วมกับยาเสริมฤทธิ์ domperidone 10 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักพ่อพันธุ์ 1 กิโลกรัม ผลการทคถองพบว่า หลังจากถืคฮอร์โมนเป็นเวลา ร ชั่วโมง 30 นาที สามารถเริ่มรีดไข่ผสมน้ำเชื้อได้ แม่พันธุ์มีอัตราการตกไข่ 100 เปอร์เซ็นด์ อัตราการปฎิสนธิเฉลี่ย 95.80+0.84 เปอร์เซ็บด์ อัคราการฟักเฉลี่ย 92.60+1.14 เปอร์เซ็นต์ และอัตราการรอคคายเฉลี่ย93.17:2.37 เปอร์เซ็นด์ โข่ปลาตะเพียนทรายมีลักขณะกลม สีเหลืองใส เป็นไข่จมแบบดกับวัดถุ เส้นผ่านศูนย์กลางของไข่เลี่ย 0 90:0.07 มิลลิเมตร ไข่ปลาตะเพียนทราชมีการพัฒนาของคัพภะในระยะด่างๆ หลังจากไข่ได้รับการผสมกับน้ำเชื้อ สรุปได้คังนี้ ระยะ clcavage ใช้เวลา 1 ชั่โมง 30 นาที ระยะ blasณula ใช้เวลา 2ชั่วโมงรนำที ระชะ gastula ใช้เวลา 4 ชั่วโมง 10 นาที พัฒนาจนถึงขั้นเกิด somie ใช้เวลา 7 ชั่วโมง 25 นาที่ ใช้เวลาในการพัฒนาทั้งหมดจนกระทั่งฟักเป็นตัว 16 ชั่วโมง ร5 นาที ที่อุณหภูมิน้ำ 25 องศาเซลเชียส และลูกปลาตะเพียนทรายวัยอ่อนพัฒนาจนมีลักษณะคล้าขตัวเต็มวัยใช้เวลา 45 วัน การทดลองอนุบาลปลาตะเพียนทรายวัยอ่อน อายุ 3 วัน มีความขาวเริ่มต้นเฉลี่ย 4.3250.00 มิลลิเมดร และน้ำหนักเริ่มต้นเฉลี่ย 0,00060.0000 มิลลิกรัม ด้วขอัตราความหนาแน่นที่ต่างกัน คืง 10, 20และ 30 ตัวต่อลิตร เป็นเวลา 45 วัน ในตู้กระจกขนาค 45X90X45 เชนติเมตร โดยให้กินอาหารที่มีระดับโปรตีน 40 เปอร์เซ็นด์ พบว่า ลูกปลามีความยาวสุดท้ายเฉลี่ย 13.4630.14. I3.350.04 และ 13.160.0 มิลลิเมตร น้ำหนักสุดท้ายเฉลี่ย 0. 0423 :0.0003, 0.04 120.0004 และ 0.037940.00 11 มิลลิกรัม ความขาวเพิ่มเฉลี่ยต่อวัน 0.2030.003 0.201 :0.001 และ 0. 196:0.001 มิลลิเมตรต่อวัน น้ำหนักเพิ่มเฉลี่ยต่อวัน .00001, 0.00090-0.00001 และ 0.00083 :0.00003 มิลลิกรัมต่อวัน อัตราการเจริญเติค้านน้ำหนัก 9.45:0 01, 9.40:0.02 และ 9.21 40.07 เปอร์เซ็นด์ต่อวัน และมีลูกปลาเหลือรอด 656+11,1,256+60 และ 1,3 19:42 ตัว คิดเป็นอัตราการรอดตาย 65.57+1. 10, 62.82-2.98 และ 43.97+1.40 เปอร์เซ็นด์ดามลำคับ โดยถูกปลาที่อนุบาถในอัตราความหนาแน่น 10 และ 20 ตัวต่อลิตร มีการเจริญเดิบโดและอัดราการรอดตายไม่แดกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (P 0.05) แต่มีค่ามากกว่าปลาที่อนุบาลในอัตราความหนาแน่น 30 ตัวต่อถิตร (P:0.05) เมื่อพิจารณาจากอัตราการเจริญเดิบโด อัคราการรอคดาย และผลผลิตลูกปถาที่ได้ สรูปได้ว่า การอนุบาลถูกปลาดะเฟียนทรายในตู้กระจกที่อัตรา 20 ตัวต่อลิตร เป็นอัตราการปล่อยที่เหมาะสมที่สุด
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://www.inlandfisheries.go.th/research/details.php?id=130
เผยแพร่โดย: กองวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด, กรมประมง
คำสำคัญ: ความหนาแน่น
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การเพาะและอนุบาลปลาตะเพียนทราย
กองวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด, กรมประมง
2551
การเพาะและอนุบาลปลาตะเพียนจุด การเพาะอนุบาลลูกปลามัน ผลของความหนาแน่นและการใช้ที่หลบซ่อนในการอนุบาลลูกปลาหลด การศึกษาการอนุบาลลูกปลาทองพันธุ์ออรันดาในกระชังด้วยความหนาแน่นที่ต่างกัน การศึกษาการเพาะพันธุ์และการอนุบาลปลาค้อลายดวง การเพาะและอนุบาลปลาซิวหางดอก การอนุบาลลูกปลาสลิดขนาด 2-3 เซนติเมตรให้ได้ขนาด 5-7 เซนติเมตรในบ่อดินที่มีระบบการเติมออกซิเจน การอนุบาลลูกอ๊อดกบนาด้วยความหนาแน่นที่ต่างกัน ชนิดอาหารที่เหมาะสมในการอนุบาลลูกปลาดุกด้าน การอนุบาลลูกอ๊อดอึ่งปากขวดที่อัตราความหนาแน่นต่างกัน
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก