สืบค้นงานวิจัย
การประเมินประสิทธิภาพการใช้สารสกัดสะเดาและหนอนตายหยากในการป้องกันกำจัดแมลงศัตรูบัวหลวง
อัญชลี สงวนพงษ์ - มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
ชื่อเรื่อง: การประเมินประสิทธิภาพการใช้สารสกัดสะเดาและหนอนตายหยากในการป้องกันกำจัดแมลงศัตรูบัวหลวง
ชื่อเรื่อง (EN): Evaluation on Efficacy of Neem and Stemona Extract for Insect Pest Control in Lotus
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: อัญชลี สงวนพงษ์
บทคัดย่อ: ผลการศึกษาคุณสมบัติทางกายภาพของวัตถุดิบจากเมล็ดสะเดาและรากหนอนตายหยาก พบว่าเมล็ดสะเดามีความชื้น 9.29?0.01 ในขณะที่รากหนอนตายหยากมีความชื้น 17.15 ?0.99% เมื่อนำวัตุดิบที่ผ่านการอบแห้งไปผลิตสารสกัดพบว่าเมล็ดสะเดาให้ปริมาณผลผลิตสารสกัดหยาบเข้มข้น 4.49?1.11% ในขณะที่รากหนอนตายหยากให้ปริมาณผลผลิตสารสกัดหยาบเข้มข้น 2.52?0.48% การวิเคราะห์ค่น้ำในผลิตภัณฑ์หรือแอคติวิตี้ของน้ำ (Water Activity หรือ ค่า aw) ของสารสกัดเข้มข้นของเมล็ดสะเดามีค่าเท่ากับ 0.5446?0.0127 และค่า aw ของสารสกัดรากหนอนตายหยากเข้มข้นเท่ากับ 0.451?0.0083 ส่วนผลการวิเคราะห์ค่าสี L-a-b ของสารสกัดเมล็ดสะเดามีค่าความสว่าง (L) เท่ากับ 4.74?1.69 ค่าสีแดง-เขียว (a) เท่ากับ -0.11?0.18 มีค่าเป็นสีเขียว และค่าสีเหลือง-น้ำเงิน( b) เท่ากับ 2.76?0.14 มีค่าเป็นสีเหลือง ส่วนรากหนอนตายหยากมีค่า L เท่ากับ 6.24?0.49 ส่วนค่า a เท่ากับ 1.40?0.59 มีค่าเป็นสีแดง และ 6 เท่ากับ 5.31?0.13 มีค่าเป็นสีเหลืองตามลำดับ นอกจากนี้ผลการวิเคราะห์ปริมาณของแข็งทั้งหมดที่ละลายในน้ำ (Total soluble solid หรือ TSS ) ของสารสกัดเมล็ดสะเดาหลังระเหยมีค่า 46.14?1.31 ?Brix ส่วนสารสกัดจากรากหนอนตายหยากจะมีปริมาณ TSS หลังการระเหยเท่ากับ 44.27? 2.69 ?Brix การทดสอบประสิทธิภาพของสารสกัดเมล็ดสะเดาด้วยเอทานอลกับหนอนกระทู้ผักอายุ 4 วัน ที่ระดับความเข้มข้น 3-6-9 และ 12 % ตามลำดับ พบว่า การใช้สารอิมัลซิไฟเออร์ Tween ในทรีตเมนต์ควบคุมชนิด emulsifier ไม่มีผลต่ออัตราการตายของหนอนกระทู้ผักทุกช่วงอายุการทดสอบ ส่วนการใช้ความเข้มข้นต่ำเพียง 3 % ทำให้อัตรการตายของแมลงตลอดระยะเวลาการทดลองมีไม่ถึง 50 % ในขณะที่การใช้สารสกัดเมล็ดสะเดาความเข้มข้น 9 - 12% ทำให้อัตราการตายของแมลงสูงขึ้นกว่าทรีตเมนท์อื่นๆ ส่วนการใช้หนอนทดสอบที่มีอายุมากขึ้น คือ หนอนกระทู้ผักอายุ : วันและ 12-14 วัน เพื่อศึกษาช่วงอายุที่อาจทนทานต่อการใช้สารทดสอบพบว่า ในการทดสอบทุกระดับความเข้มข้นพบเปอร์เซนต์การตายของแมลงไม่ถึง 50 % อย่างไรก็ดีแม้ว่าสารสกัดสะเดาจะไม่สามารถทำให้หนอนอายุ 6 และ 12 วัน ตายได้แต่สามารถสังเกตลักษณะผิดปกติของหนอนที่กินอาหารเทียมที่ผสมสารสกัดสะเดาที่ความเข้มข้นต่างๆ โดยหนอนกระทู้ผักที่รอดชีวิตจะมีอัตราการกินอาหารลดลง นอกจากนี้การพัฒนากาเจริญเติบโตโดยการลอกคราบไปเป็นวัยต่อไป หรือการกลายเป็นดักแด้จะถูกขัดขวาง โดยหนอนส่วนใหญ่จะกลายเป็นหนอนที่มีลักษณะผิวลำตัวแห้งเปลี่ยนเป็นสีดำเรียกหนอนลักษณะแบบนี้ว่า หนอนมัมมี่ (mummy larvae) และตายในที่สุด ผลการทดสอบประสิทธิภาพของสารสกัดรากหนอนตายหยากกับหนอนกระทู้ผักทุกช่วงอายุตั้งแต่ 4 วัน 8 วัน และช่วงอายุ 12-1 4 วัน พบว่า สารสกัดหยาบด้วยเอทานอลจากรากหนอนตายหยากที่ความเข้มข้นสูงสุด 12 % ไม่มีผลทำให้แมลงตายได้ในทันที อัตราการตายของหนอนกระทู้ผักมีไม่ถึง 25 % ภายในเวลา 72 ชั่วโมงหลังการฉีดพ่นสารทดสอบ อย่างไรก็ดีแม้ว่าจะไม่มีผลทำให้แมลงตายได้ในทันทีแต่กลับมีผลทำให้แมลไม่สามารถกินอาหาร และส่งผลต่อการพัฒนาการเจริญเติบโตโดยการลอกคราบไปเป็นวัยต่อไป หรือการกลายเป็นดักแด้จะถูกขัดขวาง โดยหนอนส่วนใหญ่จะกลายเป็นหนอนที่มีลักษณะผิวลำตัวแห้ง สีลำตัวเปลี่ยนเป็นสีเหลืองซีด ก่อนเปลี่ยนเป็นสีดำหรือเป็นหนอนมัมมี่และแห้งตายในที่สุด ลักษณะใกล้เคียงกับการใช้สารสกัดสะเดา ดังนั้นในการทดสอบขั้นต่อไปควรศึกษาข้อมูลและรายละเอียดความผิดปกติเพิ่มเติมตลอดจนการศึกษาในระดับเนื้อเยื่อเพื่อหาความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร หรือการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับระดับเอนไซม์เพื่อให้เข้าใจลักษณะการออกฤทธิ์และสามารถพัฒนาไปสู่การใช้ประโยชน์ได้เช่นเดียวกับการใช้สารสกัดสะเดา ส่วนการใช้สารผสมของสารสกัดเมล็ดสะเดาและรากหนอนตายหยากกับหนอนกระทู้ผักอายุ 4 วันพบว่าการผสมกันระหว่างสารสกัดสะเดาและหนอนตายหยากช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการยับยั้งการกินอาหารของของหนอนกระทู้ผักอายุ 4 วันเมื่อเทียบกับการใช้สารสกัดรากหนอนตายหยากเพียงอย่างเดียว แต่ไม่มีผลเสริมฤทธิ์ที่ชัดเจนเมื่อเทียบกับการใช้สารสกัดผสมความเข้มข้นต่ำกว่า 9 % อย่างไรก็ตามพบว่าสารสกัดผสมความเข้มข้นที่ระดับความเข้มข้น 9% และ 12 % มีผลต่อการยับยั้งการกินอาหารของหนอนทดสอบเพิ่มมากขึ้นนอกจากนี้ยังพบว่า สารสกัดผสมระหว่างสะเดาและหนอนตายหยากทุกระดับความเข้มข้นมีประสิทธิภาพทำให้หนอนไม่สามารถพัฒนาการเพิ่มน้ำหนักก่อนจะเจริญเติบโตเป็นหนอนหรือดักแด้ในระยะต่อไปได้ อย่างไรก็ดีพบว่าการใช้สารสกัดเมล็ดสะเดาความเข้มข้นทั้งสามระดับดังกล่าวไม่สามารถทำให้เปอร์เซ็นต์การตายของแมลงเพิ่มขึ้นถึง 50 %6 ของปริมาณแมลงทดสอบ มีเพียงสารสกัดผสมระหว่างสะเดาที่ความเข้มข้น 7%กับสารสกัดรากหนอนตายหยากที่ความเข้มข้น 12% สามารถทำให้เปอร์เซ็นต์การตายของแมลงเพิ่มขึ้นถึง 50 % ของปริมาณแมลงทดสอบ
บทคัดย่อ (EN): Study of physical properties of neem seed and Stemona sp. root was found that neem seed contained moisture content at 9.29% ? 0.01, whereas moisture content of Stemona sp. root was 17.15 ? 0.99 %. Extraction of dried materials showed that total yield of crude extract of neem seed was 4.49 ? 1.11%, while yield of Stemona sp. root was 2.52 ? 0.48%. Analysis of water activity value (aw) of concentrated extracts of neem seed was equal to 0.5446 ? 0.0127, and Stemona sp. root was 0.451 ? 0.0083. Color measurement of concentrated neem extract by using L-a-b value showed that the brightness (L value) was equal to 4.74 ? 1.69 , red-green (a) equal to-0.18 ? 0.11 (green). Yellow-blue (b) was equal to 2.76 ? 0.14 (yellow). Whereas L-value of concentrated extract of Stemona sp. root was 6.24 ? 0.49, red-green (a) equal to 1.40 ? 0.59 and Yellow-blue (b) with 5.31 ? 0.13 respectively. Furthermore analysis of total soluble solid or TSS of neem seed extracts after evaporation has up to 46.14 ? 1.31? Brix ,while Stemona sp root contained 44.27 ? 2.69 ? Brix. Efficiency tests of neem seed extracted with ethanol against Spodoptera litura larvae at 4 days at concentrations 3-6-9 and 12%, respectively founded that emulsifier Tween did not affect mortality in all age ranges. Low concentrations only 3% had not reached 50% mortality of insects throughout the duration of the experiment. While the use of neem seed extract concentrations at 9-12% causes higher mortality than other treatments. Study on insects tolerance of tested larvae at 8 and 12-14 days against test compounded, it showed that in all test concentrations no insect mortality was reached 50%. However, unusual behaviors of larvae were observed such as feeding inhibition. In addition, the growth development by moulting to the next stage or becoming to pupa will be retarded. Most survived larvae became a dried trunk and changed to black, the so –called mummy larvae and finally die at the end of experiments. Efficiency tests of Stemona sp root extracted with ethanol against Spodoptera litura larvae at 4, 8 and 12-14 days showed that ethanolic root extract at the highest concentration of 12% could not cause immediate mortality. Total mortality is less than 25% within 72 hours after spraying the tested substance. However, unusual behaviors of larvae were observed such as feeding inhibition. In addition, the growth development by moulting to the next stage or becoming to pupa will be retarded. Most survived larvae became a dried trunk and changed to black, the so –called mummy larvae and finally die at the end of experiments as same as neem extract. Therefore further investigations should emphasized on behavior disorders, as well as histological study of digestive tract, or enzyme study in order to better understand the mode of action of neem extract and Stemona root extract. Mixture of neem seed extract with Stemona root extract when was used against larvae stage at 4 days, it was found that the antifeedant effect was greater than Stemona extract, but no synergistic effect compare to neem extract only. Both extract with concentration of 9% and 12% can inhibit feeding activity of treated larvae. It was obviously shown that mixture of neem seed extract with Stemona root extract cause serious effect against insect growth development by incomplete moulting and due to mummy larvae. However, application of neem seed extract at 3 concentration levels can not cause insect mortality up to 50 %. Only mixture of neem seed extract at 7% concentration with Stemona root extract of 12% can cause increased insect mortality percentages of up to 50%.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
คำสำคัญ: หนอนกระทู้ผัก
คำสำคัญ (EN): Black aphid : Rhopalosiphum nymphaeae Linn.
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การประเมินประสิทธิภาพการใช้สารสกัดสะเดาและหนอนตายหยากในการป้องกันกำจัดแมลงศัตรูบัวหลวง
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
30 กันยายน 2556
ความสัมพันธ์ระหว่างปัญหากีบและขากับประสิทธิภาพระบบ สืบพันธุ์ในโคนมที่เลี้ยงในฟาร์มโคนมรายย่อย ประสิทธิภาพของมาตรการในการจัดการทรัพยากรประมงในแม่น้ำชี โครงสร้างประชาคมปลาและประสิทธิภาพเครื่องมือข่ายในหนองหลวง จังหวัดเชียงราย การประเมินสภาวะชนบทแบบมีส่วนร่วม และประสิทธิภาพในการใช้มาตรการ ในการจัดการทรัพยากรประมงในแม่น้ำตาปี การประเมินสภาวะชนบทแบบมีส่วนร่วมและประสิทธิภาพในการใช้มาตรการในการจัดการทรัพยากรประมงในแม่น้ำปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช (การประเมินประสิทธิภาพในการใช้มาตรการในการบริหารจัดการทรัพยากรประมงในแม่น้ำปาก ผลของการใช้ปุ๋ยหมักร่วมกับปุ๋ยเคมีไนโตรเจนที่มีต่อผลผลิตและประสิทธิภาพการใช้ธาตุไนโตรเจนของข้าว การกักเก็บสมุนไพรไทยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการต้านจุลินทรีย์และต้านอนุมูลอิสระในอาหารพร้อมบริโภค การศึกษาคุณสมบัติและประสิทธิภาพของคอนกรีตมวลเบาผสมเปลือกหอยแมลงภู่เสริมไม้ไผ่เพื่อนำมาผลิตหลักนำทาง การพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตโคเนื้อของเกษตรกรรายย่อยในกลุ่มผู้เลี้ยงโคเนื้อ ตำบลบ้านดง อำเภอชาติตระการ จังหวัดพิษณุโลก ประสิทธิภาพของน้ำมันหอมระเหยพืชสมุนไพร 3 ชนิด ต่อการป้องกันกำจัดด้วงงวงข้าวโพด
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก