สืบค้นงานวิจัย
การพัฒนาชุมชนผู้เลี้ยงแพะบ้านห้วยทรายใต้สู่การเป็นวิสาหกิจชุมชนการฟอกหนังแพะ
กฤติยา เลิศชุณหะเกียรติ - มหาวิทยาลัยศิลปากร
ชื่อเรื่อง: การพัฒนาชุมชนผู้เลี้ยงแพะบ้านห้วยทรายใต้สู่การเป็นวิสาหกิจชุมชนการฟอกหนังแพะ
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: กฤติยา เลิศชุณหะเกียรติ
หน่วยงานสังกัดผู้แต่ง:
ชุดเอกสาร: ทดสอบ
บทคัดย่อ: การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวโน้มของปริมาณหนังแพะที่มีในชุมชนวิจัยและพัฒนาสูตรน้ายาฟอกหนังแพะ การวิเคราะห์ต้นทุนการผลิตหนังแพะฟอก ตลอดจนศึกษาความพึงพอใจของเกษตรกรที่มีต่อการผลิตหนังแพะฟอกและความเป็นไปได้ในการนาไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ของชุมชนในพื้นที่ศึกษาหมู่บ้านชุมชนมุสลิม หมู่ 1 และ บ้านโครงการพัฒนา หมู่ 8 ตาบลสามพระยา อาเภอชะอา จังหวัดเพชรบุรี โครงการวิจัยที่ 1 สัมภาษณ์เกษตรกรผู้เลี้ยงแพะจานวน 95 ราย ในพื้นที่ชุมชนมุสลิมบ้านห้วยทรายใต้ อาเภอชะอา จังหวัดเพชรบุรี เพื่อรวบรวมข้อมูลปริมาณการเลี้ยงแพะ การจาหน่ายแพะ และการชาแหละแพะย้อนหลังเป็นเวลา 5 ปี ในพื้นที่ชุมชนมุสลิมบ้านห้วยทรายใต้ อาเภอชะอา จังหวัดเพชรบุรี พบว่าปริมาณการชาแหละเฉลี่ย 136.5 ตัวต่อปี มีปริมาณน้อยจึงไม่ เพียงพอต่อกาลังการผลิตขั้นต่าของโรงงานฟอกหนังควรจัดดาเนินกิจกรรมการฟอกหนังเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์เองในชุมชนหรืออีกทางหนึ่งอาจเก็บรักษารวบรวมให้ได้หนังปริมาณมากพอที่จะเข้าฟอกในโรงงาน โครงการวิจัยที่ 2 ได้แบ่งงานวิจัยย่อยเป็น 3 โครงการวิจัยย่อย 2.1 การวิจัยและพัฒนาสูตรน้ายาฟอกหนังแพะจากโรงฟอกหนังพบว่าวัสดุอุปกรณ์ สารเคมี และวิธีการคล้ายคลึงกับการฟอกหนังโค แต่ใช้สารเคมีในปริมาณต่อผืนน้อยกว่าและสามารถลดระยะเวลาของบางขั้นตอนลงได้ 2.2 กระบวนการฟอกหนังที่ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมสามารถใช้การฟอกด้วยสารธรรมชาติ ซึ่งกระบวนการฟอกหนังแบ่งออกเป็น 2 ประเภทตามวัตถุประสงค์ คือ ฟอกแบบไม่มีขนติด และฟอกแบบหนังมีขน สาหรับการฟอกแบบไม่มีขนติดนั้นใช้ขนหนังแพะสายพันธุ์บอร์เพศผู้ อายุประมาณ 8 เดือนมาฟอกและได้ประยุกต์ใช้สับปะรดทดแทนการใช้สารเคมีในขั้นตอนการดองกรด จากนั้นทาการฟอกหนังด้วยอลูมิเนียมซัลเฟตแทนการฟอกด้วยโครเมียมสามารถป้องกันการเน่าเปื่อยของหนังตามธรรมชาติได้ และสามารถใช้สับปะรดหมักทดแทนสารเคมีในขั้นตอนดองกรดในกระบวนการฟอกหนังได้ โครงการวิจัยที่ 2.3 การศึกษาคุณภาพขนหนังแพะเพศผู้สายพันธุ์บอร์ อายุ 8 เดือนที่ผ่านกระบวนการฟอกสูตรกากกาแฟสดและสูตรก้านเครือกล้วยหอมทองในกระบวนการฟอกฝาด สรุปได้ว่า สูตรการฟอกหนังแพะด้วยสูตรกากกาแฟสดและสูตรก้านเครือกล้วยหอมทอง สามารถใช้ในการฟอกหนังแพะโดยให้คุณภาพขนหนังเป็นที่ยอมรับของชุมชนโครงการวิจัยย่อยที่ 3 การศึกษาต้นทุนการฟอกหนังแพะเพื่อพัฒนาไปสู่การเป็นวิสาหกิจชุมชนฟอกหนังแพะห้วยทรายใต้ สามารถแบ่งการศึกษาตามประเภทของหนังที่ฟอกได้เป็น 2 ประเภท คือ ฟอกแบบไม่มีขนติด และฟอกแบบหนังมีขนจากการศึกษาพบว่า ต้นทุนการฟอกหนังแพะแบบมีขนที่มีต้นทุนรวมที่ต่าที่สุด คือ วิธีการฟอกโครม โดยมีต้นทุนการฟอก 309.78 บาทต่อกิโลกรัม รองลงมาคือ วิธีการฟอกฝาดสูตรก้านเครือกล้วยหอมทอง มีต้นทุน 483.24 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนวิธีการฟอกฝาดสูตรกากกาแฟสด เป็นวิธีที่มีต้นทุนสูงที่สุด คือ 483.99 บาทต่อกิโลกรัม อย่างไรก็ตาม ต้นทุนในการผลิตหนังแพะฟอกส่วนใหญ่เป็นต้นทุนค่าแรงงาน (แรงงานในครัวเรือน) ซึ่งหากพิจารณาในแง่ของมูลค่าของหนังฟอกประมาณ 660-1,000 บาท/ผืน โครงการวิจัยย่อยที่ 4 การสารวจความพึงพอในของเกษตรกรต่อการฟอกหนังแพะ พบว่าเกษตรกรมีความพึงพอใจต่อกระบวนการผลิตหนังแพะฟอกจากสูตรที่ใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติและสามารถหาได้ง่ายในท้องถิ่น ดังนั้นควรมีการพัฒนากระบวนการผลิตหนังแพะฟอกด้วยสูตรอื่นๆ จากธรรมชาติเพิ่มมากขึ้นเพื่อเป็นทางเลือกให้กับวิสาหกิจชุมชน เพื่อให้เกิดความร่วมมือของคนในชุมชนจะส่งผลทาให้มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่จะมีการพัฒนาการฟอกหนังแพะและนาหนังแพะฟอกไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ของชุมชน
บทคัดย่อ (EN): The objectives of current research were to investigate trend of goat hides in local area Ban Huay-Sai community, develop goat skin tanning process, and analyze their cost, including study on community satisfy to tanned goat skin and their application to be the OTOP (One tumbol one product) of Muslim community in Tumbol Sam Praya, Cha-am district, Phetchburi province. Project 1: 95 households of Muslim community (goat farmers) in Tumbol Sam Praya, Cha-am district, Phetchburi province were interviewed and collect data about goat populations in their farms, numbers of purchased goat and determine secondary data from DLD recorded during last 5 years. The results revealed that average of slaughtered goat were 136.5 heads per year, less than the minimum capacity requirement of factory process. Hence, community enterprise should have tanning activity and create their product. In the other way, community may collect and cure goat skin with salt to reach the minimum capacity requirement of factory. Project 2; 3 experiments were assigned 2.1 Research and development of goat skin tanning and leather tanning formula from leather tanning factory. From the study showed that chemical substances and the process in goat tanning are the same with cattle hides, but reduce volume of chemical substance and time of some processes. 2.2 Environmental friendly leather tanning process can use natural substances. Actually, tanning process can be divided into 2 types according to purpose were fur skin tanning (hair) and leather tanning (hairless). For the leather tanning experiment, male eight months Boer goats were used. Leather tanning with Aluminium sulphate replacing chromium in tanning process. Aluminium sulphate can prevent skin natural autolysis. Furthermore, fermented pineapple can replace acid in pickling step of tanning process. 2.3 male eight months Boer goats were used. Develop tanning process with by product coffee pomace, Gros Michel banana bunch and Mimosa tannin in vegetable tanning. Insummary, tanning with coffee pomace and Gros Michel Banana bunch can apply to tanning goat fur skin in acceptable quality. Subproject 3: This study aimed to investigate cost of tanning process to determine the cost of process and probability to be the OTOP product of Ban Huay-Sai community enterprise. Goat tanning process can divide from 2 main purposes was leather tanning and fur skin tanning. The findings showed cost of fur skin tanning in factory were lower than leather tanning, with their total cost was 309.78 baht/Kg, and followed by cost of Gros Michel banana bunch formula was 483.24 baht/Kg, while cost of coffee pomace formula was 483.99 baht/Kg. However, mainly cost of goat skin and leather tanning was labor (household workers). Although, consideration in term of net value of tanned goat skin was 660-1,000 bath/each. Subproject 4: The objective of this study was to investigate participant’s satisfaction on tanned goat skin and leather and tanning process.From the interviewed, it was found that participants prefer to the tanning process with natural byproduct because easy to find in local area. Therefore, future research should develop new challenges from other natural byproduct to be the alternatives for community enterprise. To establishment of participate within community and probability to create identity OTOP product.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
จำนวนหน้า: 23
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยศิลปากร
คำสำคัญ: วิสาหกิจชุมชน การฟอกหนัง แพะ
คำสำคัญ (EN): Community Enterprise, Tanning, Goat
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การพัฒนาชุมชนผู้เลี้ยงแพะบ้านห้วยทรายใต้สู่การเป็นวิสาหกิจชุมชนการฟอกหนังแพะ
มหาวิทยาลัยศิลปากร
ไม่ระบุวันที่เผยแพร่
เอกสารแนบ 1
ปัจจัยที่มีผลต่อการพัฒนาวิสาหกิจชุมชนสู่ความเข้มแข็ง การผลิตอาหารสัตว์จากขยะอินทรีย์ของชุมชน ปัจจัยที่มีผลต่อความยั่งยืนการเลี้ยงแพะของวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน การพัฒนาวิสาหกิจชุมชน กรณีปุ๋ยชีวภาพ แนวทางพัฒนาวิสาหกิจชุมชนบ้านหนองยางไคล ตำบลทาทุ่งหลวง อำเภอแม่ทา จังหวัดลำพูน โครงการพัฒนาวิสาหกิจชุมชนตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การศึกษาแนวทางการพัฒนาวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่ตำบลมะเกลือใหม่ อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมาภายใต้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การมีส่วนร่วมของสมาชิกในการดำเนินงานวิสาหกิจชุมชน : กรณีโรงสีชุมชนครบวงจรตำบลไก่คำ อำเภอเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ ผลตอบแทนจากการขุนแพะในคอก การประยุกต์พระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงกับวิสาหกิจชุมชน : กรณีศึกษา กลุ่มตีเหล็กบ้านร่องฟอง อำเภอเมือง จังหวัดแพร่
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก