สืบค้นงานวิจัย
ความอุดมสมบูรณ์ของดินในทุ่งกุลาร้องไห้ในช่วง 7 ปี
อมร อินทราเวช - กรมพัฒนาที่ดิน
ชื่อเรื่อง: ความอุดมสมบูรณ์ของดินในทุ่งกุลาร้องไห้ในช่วง 7 ปี
ชื่อเรื่อง (EN): Soil Fertility in Tung Kula Ronghai in period of 7 years
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: อมร อินทราเวช
บทคัดย่อ: การศึกษาเปรียบเทียบวิธีการประเมินความอุดมสมบูรณ์ของดินที่ใช้ปลูกข้าวขาวดอกมะลิ พื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ ประกอบไปด้วย 3 ส่วนที่สำกัญ คือ ส่วนที่หนึ่งเป็นการศึกษาเกี่ยวกับการ เปรียบเทียบวิธีการประเมินความอุดมสมบูรณ์ของดินที่ใช้ปลูกข้าว ส่วนที่สองเป็นการศึกษา เกี่ยวกับการประเมินความอุดมสมบูรณ์ของดิน และส่วนที่สามเป็นการศึกษาเกี่ยวกับการ เปลี่ยนแปลงความอุดมสมบูรณ์ของดินในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ ในการศึกษาส่วนทีหนึง จากการเปรียบเทียบวิธีการประเมินความอุคมสมบูรณ์ของดินที่ใช้ ปลูกข้าว พบว่าการประเมินความอุดมสมบูรณ์ของดินของกองสำ รวจดิน (2523) จะมีความแตกต่าง กันทางสถิติอย่างมีนัยสำคัญกับวิธีการประเมินของ Land Classification Division and FAO Project stafr (1973) ทั้งนี้เนื่องจาก ปัจจัขที่น่าจะมีผลทำให้วิธีการประเมินมีความแตกต่างกันนั้นน่าจะเกิด จากสมบัติทางเคมีดิน , ระดับความอุดมสมบูรณ์ ของดิน และเกณฑ์ค่าวิเคราะห์ทางเคมีของดิน ซึ่ง ป้จจัยดังกล่าวในแต่ละวิธีการประเมินจะมีความแตกต่างกัน สำหรับการศึกษาส่วนที่สอง จาก การ ประเมินความอุดมสมบูรณ์ของดินในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้จะพบว่าวิธีการประเมินของกองสำรวจดิน (2323) พื้นที่ส่วนใหญ่จะมีความอุดมสมบู รณ์ต่ำ 85.42% ความอุดมสมบูรณ์ปานกลาง 2.51% และ ไม่พบพื้นที่ความอุดมสมบูรณ์สูง ซึ่งคุณสมบัติทางเคมีที่ทำให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ ได้แก่ ความสามารถในการแลกเปลี่ยนไอออนบวก, อินทรียวัตถุ ,ฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ และ โพแทสเซียมที่เป็นประ โยชน์ สำหรับการประเมินขอ ง Land Classification Division and FAO Project Stafr (1973 พบว่าวิธีการประเมินสำหรับข้าว พื้นที่ส่วนใหญ่จะมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ 80.74% ความอุดมสมบูรณ์ต่ำถึงค่อนข้างต่ำ 3.85 * ความอุดมสมบูรณ์ป่านกลาง 2.04% ความอุดม สมบูรณ์ป่านกลางถึงค่อนข้างสูง 0.49/ และความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างต่ำ 0.82% ซึ่งคุณสมบัติทาง เคมีที่ทำให้ดินมีความอุคมสมบูรณ์ต่ำ ได้แก่ อินทรียวั ตถุ และ ฟอสฟอรัสที่เป็นประ โยชน์ ในส่วน การประเมินความอุดมสมบูรณ์ของดินสำหรับพืชไร่ พบว่าพื้นที่ส่วนใหญ่จะมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ 39.16% ความอุดมสมบูรณ์ต่ำถึงค่อนข้างต่ำ ประมาณ 3.93%, ความอุดมสมบูรณ์ป่านกลาง 2.03% และพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ก่อนข้างต่ำประมาณ 42.82% ซึ่งคุณสมบัติทางเคมีดินที่มีผลทำให้ ดินมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ ได้แก่ ฟอสฟอรัสที่เป็นประโยชน์ ในส่วนที่สามเป็นการศึกษาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงความอุดมสมบูรณ์ของดิน พบว่าความ อุดมสมบูรณ์ของดินในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้จะมีการเปลี่ยนแปลงไปโดยจะมีความอุคมสมบูรณ์ที่ ลดลงทั้งนี้อาจเนื่องมา จากการจัดการดินที่ไม่ถูกวิธี เช่น อาจมีการใช้ปุ๊ยเคมีเพิ่มขึ้น ซึ่งปุ๊ขเคมีบาง ชนิดจะมีธาตุบางตัวตกค้างในดินมีผลทำให้ดินมีความเป็นกรดเพิ่ มขึ้น ซึ่งจะทำให้ความเป็น ประโยชน์ของธาตุอาหารในดินลดลง หรือขาดการปรับปรุงบำรุงดินด้วยอินทรียวัตถุอย่างต่อเนื่อง เช่น อาจมีการใช้ปุ๊ยคอก ปุ้ยหมัก หรือปุ้ยพืชสดปริมาณน้อย จึงเป็นผลทำให้ดินขาดความอุคม สมบูรณ์ เป็นต้น
บทคัดย่อ (EN): The comparison of soil fertility in Tung Kula Ronghai evaluation methods composed of 3 important parts. The first part was the comparison of soil fertility evaluation methods. The second part was the evaluation of soil fertility. The third part was the study of soil fertility changes. In the first part, it was found that the evaluation methods of Soil Survey Division (1980) and Land Classification Division and FAO Project Staff (1973) were significantly different. The reason may be because of the difference between soil chemical properties, soil fertility level and soil chemical properties categories. In the second part, soil fertility was evaluated by Soil Survey Division (1980) method in paddy field. It was appeared that low level soil fertility area covered 85.42%, while moderate level soil fertility area covered 2.51% and high fertility area was not found. The parameters which showed low fertility were cation exchange capacity, organic matter content, available phosphorus and available potassium. When the method of Land Classification Division and FAO Project Staff (1973) was applied, it was found that low fertility area, somewhat low fertility area, low to somewhat low fertility area covered; moderately fertility area, high fertility area covered 80.74%, 0.82%, 3.85%, 2.04% and 0.49%, respectively. The parameters which showed low fertility were organic matter content and available phosphorus. The evaluation for upland crops was also applied. It was appeared that low fertility, low to somewhat low fertility, moderately fertility and somewhat low fertility areas covered 39.16%, 3.93%, 2.03% and 42.82%, respectively. The parameter which showed low fertility was available phosphorus. In the third part, the soil fertility changes in Tung Kula Ronghai tended to decrease. This may be because of non-appropriate soil management, e.g. the increase of chemical fertilizer application without soil improvement.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: กรมพัฒนาที่ดิน
คำสำคัญ: ในช่วง 7 ปี
คำสำคัญ (EN): period of 7 years
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ความอุดมสมบูรณ์ของดินในทุ่งกุลาร้องไห้ในช่วง 7 ปี
กรมพัฒนาที่ดิน
28 กุมภาพันธ์ 2555
ปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงความอุดมสมบูรณ์ของดินในพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ การประเมินความอุดมสมบูรณ์ และระดับธาตุอาหารพืชในดินปลูกยางที่มีศักยภาพเป็นดินเค็ม บริเวณทุ่งกุลาร้องไห้ เปรียบเทียบสมบัติทางเคมีของดินในทุ่งกุลาร้องไห้ระหว่างปี 2547 และ 2554 การจำแนกดินปลูกยางพาราตามความอุดมสมบูรณ์ของดิน การจัดการความอุดมสมบูรณ์ของดินในการปลูกสับปะรด สมรรถนะความอุดมสมบูรณ์ของดินเนื้อปูนในประเทศไทย การอนุรักษ์ความอุดมสมบูรณ์ของดินเพื่อการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์อย่างยั่งยืน การใช้ระบบจำแนกสมรรถนะความอุดมสมบูรณ์ของดินเพื่อศึกษาความเหมาะสมของดินปลูกยางในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คุณภาพน้ำเพื่อการเลี้ยงสัตว์ในแหล่งดินเค็มในบริเวณทุ่งกุลาร้องไห้ การปรับสภาพทางเคมีและความอุดมสมบูรณ์ของดินเปรี้ยวจัดในชุดดินรังสิต ในพื้นที่ร่องน้ำโดยการใช้วัสดุปรับปรุงดินและเทคโนโลยีชีวภาพ เพื่อปลูกข้าวอินทรีย์ (พันธุ์หอมนิล)
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก