สืบค้นงานวิจัย
การศึกษาผลของถ่านชีวภาพไบโอชาร์และการใช้ปุ๋ยหมักต่อการเปลี่ยนแปลงความอุดมสมบูรณ์ของดินและผลผลิตในระบบการปลูกมันสำปะหลัง
สุชาดา สานุสันต์ - มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
ชื่อเรื่อง: การศึกษาผลของถ่านชีวภาพไบโอชาร์และการใช้ปุ๋ยหมักต่อการเปลี่ยนแปลงความอุดมสมบูรณ์ของดินและผลผลิตในระบบการปลูกมันสำปะหลัง
ชื่อเรื่อง (EN): A study the effect of bio-char production and compostedmanure on soil fertility and yield of cassava plant system
บทคัดย่อ: การศึกษาผลของถ่านชีวภาพไบโอชาร์และการใช้ปุ๋ยหมักต่อการเปลี่ยนแปลงความอุดมสมบูรณ์ของดิน และผลผลิตในระบบการปลูกมันสำปะหลัง ทำการทดลอง ในพื้นที่ศูนย์ปฏิบัติการอุดมศึกษาหนองขวาง ตำบลพรสำราญ อำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ระหว่างเดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2558 ถึง เดือน เมษายน พ.ศ. 2559 วางแผนการทดลองแบบ (Randomized Complete Block Design (RCBD)) จำนวน 3 ซ้ำ 6 กรรมวิธี คือ 1) ไม่มีการใส่ปุ๋ย (Control) 2) ใส่ถ่านชีวภาพ อัตรา 400 กิโลกรัมต่อไร่ และปุ๋ยหมักมูลโค (B400+CM) 3) ใส่ถ่านชีวภาพ อัตรา 600 กิโลกรัมต่อไร่ และปุ๋ยหมักมูลโค (B600+CM)4) ใส่ถ่านชีวภาพ อัตรา 800 กิโลกรัมต่อไร่ และปุ๋ยหมักมูลโค (B800+CM) 5) ใส่ถ่านชีวภาพ อัตรา 1,000 กิโลกรัมต่อไร่ และปุ๋ยหมักมูลโค (B1000+CM) 6) ใส่ถ่านชีวภาพ อัตรา 1,500 กิโลกรัมต่อไร่ และปุ๋ยหมักมูลโค (B1500+CM) ผลของถ่านชีวภาพ (Biochar) และปุ๋ยหมักมูลโคต่อปริมาณธาตุอาหารในดิน อินทรียวัตถุในดินและการเปลี่ยนแปลงความเป็นกรดด่างของดิน พบว่า ปริมาณไนโตรเจนในดินก่อนการวิจัยเท่ากับ 0.28 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม เมื่อหลังดำเนินการวิจัย พบว่า กรรมวิธีที่มีการใส่ถ่านชีวภาพมีผลทำให้ปริมาณธาตุอหารในดิน ปริมาณอินทรียวัตถุในดิน มีมากขึ้นกว่าเดิม โดยพบว่า กรรมวิธีการใส่ B1500+CM และ B1000+CM มีปริมาณธาตุอหารในดินมากที่สุด ที่ระยะ 60 วันหลังจากปลูก พบว่า กรรมวิธีที่ B1500+CM ทำให้ดินมีความชื้นเพิ่มขึ้น เป็น 17.61 % ที่ระยะ 90 วันหลังจากปลูก ซึ่งไม่แตกต่างจากกรรมวิธี B1000+CM ส่วนกรรมวิธีที่ 1 ไมใส่ถ่านชีวภาพทำให้ดินมีความชื้นน้อยที่สุด และกล่าวได้ว่า กรรมวิธี B1000 +CMและ B1500 +CM มีการรักษาความชื้นในดินได้สูงกว่ากรรมวิธีอื่นในระยะสุดท้ายของการทดลอง โดยมีความชื้นที่ 1.73 % และ 1.83 % ตามลำดับ และที่ระยะ 120 และ 210 วันหลังจากปลูกซึ่ง กรรมวิธีที่ B1500+CM ทำให้ดินมีความหนาแน่นรวมของดิน ลดลง 1.38 เป็น 1.16 mg m-3 ที่ระยะ 240 วันหลังจากปลูก ส่วนกรรมวิธีที่ 1 ไมใส่ถ่านชีวภาพทำให้ดินมีความหนาแน่นรวมของดินมากที่สุด ผลของถ่านชีวภาพ (Biochar) และปุ๋ยหมักมูลโค ต่ออัตราน้ำหนักหัวสด น้ำหนักหัวแห้งของมันสำปะหลัง เปอร์เซ็นต์แป้งและผลผลิตแป้งของมันสาปะหลัง มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญยิ่งทางสถิติ กรรมวิธีที่ B1500+CM มีผลทำให้น้ำหนักหัวสด น้ำหนักหัวแห้งของมันสำปะหลัง เปอร์เซ็นต์แป้งและผลผลิตแป้งของมันสำปะหลังสูงกว่ากรรมวิธีที่ไม่มีการใส่ถ่านชีวภาพ โดยกรรมวิธี B1500+CM ทำให้ได้น้ำหนักหัวสด น้ำหนักหัวแห้งของมันสำปะหลัง เปอร์เซ็นต์แป้งและผลผลิตแป้งของมันสำปะหลังสูรองลงมาเป็น B1000+CM, B800+CM, B600+CM, B400+CM และ Control ตามลำดับ ผลของถ่านชีวภาพ (Biochar) และปุ๋ยหมักมูลโคที่มีผลต่อความเข้มข้นของธาตุอาหารและปริมาณการดูดใช้ธาตุอาหารพืชในมันสาปะหลัง พบว่า การใส่ถ่านชีวภาพมีผลทำให้ความเข้มข้นของธาตุไนโตรเจน ฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมใน ใบ ก้านใบ ลำต้น และหัวของมันสาปะหลัง ที่อายุ 300 วันหลังปลูก มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญยิ่งทางสถิติ โดยกรรมวิธีที่มีการใส่ถ่านชีวภาพจะมีความเข้มข้นของธาตุไนโตรเจน ฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมใน ใบ ก้านใบ ลำต้น และหัว สูงกว่ากรรมวิธีที่ไม่ได้ใส่ถ่านชีวภาพ โดยพบว่า กรรมวิธี B1500 ทำให้มีความเข้มข้นของธาตุไนโตรเจน ฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมมากกว่ากรรมวิธีอื่นๆ รองลงมา B1000+CM, B800+CM, B600+CM, B400+CM และ Control ตามลำดับ ส่วนในใบของมันสาปะหลังจะมีความเข้มข้นของธาตุไนโตรเจน ฟอสฟอรัสและโพแทสเซียมสูงสุด รองลงมาได้แก่ ลำต้น ก้านใบ และหัว ของมันสำปะหลังตามลำดับ คำสำคัญ: ถ่านชีวภาพไบโอชาร์ ปุ๋ยหมักมูลโค การเปลี่ยนแปลงความอุดมสมบูรณ์ของดิน ผลผลิตในระบบการปลูกมันสำปะหลัง
บทคัดย่อ (EN): The Study on the effects of bio-charcoal and compost on soil fertility. The productivity of the cassava plantation system was experimentally conducted in the Nongkwang Center of Higher Education, Phorn Samran District, Mueang District, Buriram Province, between May 2015 and April 2016. The experiment was randomized Complete Block Design (RCBD) of 3 replications with 6 treatments, 1) No control, 2) 400 kg / rai of bio-charcoal. And compost (B400 + CM) 3) put bio-charcoal 600 kg / rai And compost (B600 + CM) 4) put bio-charcoal at 800 kg / rai And compost (B800 + CM) 5) Biosolids at 1,000 kg / rai. Fertilizer and compost (B1000 + CM) and 6) Put bio-charcoal at 1,500 kg / rai. And compost (B1500 + CM). The results show that effects of biochar and compost on nutrient content in soil. Soil organic matter and soil pH change were found to be 0.28 mg / kg Nitrogen before planting. After researching, it was found that the treatment with bio-activated charcoal resulted in the amount of soil in the soil. Amount of organic matter in the soil There are more than ever found that the process of inserting B1500 + CM and B1000 + CM has the greatest amount of soil element. At 60 days after planting, the treatments at B1500 + CM gave the soil moisture content of 17.61% at 90 days after planting. This is not different from the B1000 + CM method. The first method did not use bio-charcoal so the soil had the lowest humidity. It can be said that B1000 + CM and B1500 + CM treatments have higher soil moisture content than other treatments in the final stage of the experiment. The moisture content was 1.73% and 1.83%, respectively. And at 120 and 210 days after planting, the treatment at B1500 + CM resulted in a total soil densities of 1.38 to 1.16 mg m-3 at 240 days after planting. The first treatment did not contain bio-charcoal so the soil had the highest total soil densities. The results show that effects of biochar and compost Per head live weight Head dry weight of cassava Percent starch and starch yield There is a statistically significant difference. The B1500 + CM method resulted in fresh head weight. Head dry weight of cassava The starch content and starch yield of cassava were higher than those without biochar by B1500 + CM. Head dry weight of cassava The starch content and starch yield of cassavas were B1000 + CM, B800 + CM, B600 + CM, B400 + CM and Control respectively. The results show that the effect of biochar and compost on nutrient concentrations and nutrient uptake in maize husk showed that the application of bio-charcoal resulted in the concentration of nitrogen. Phosphorus and potassium in leaves, petioles, stems, and heads of shrimps at 300 days after planting were significantly different. By the process that contains bio-charcoal is the concentration of nitrogen. Phosphorus and potassium in leaves, stems, stems, and heads are higher than those without bio-charcoal. The B1500 treatment resulted in a concentration of nitrogen. Phosphorus and potassium are better than others, B1000 + CM, B800 + CM, B600 + CM, B400 + CM and Control respectively. Maximum phosphorus and potassium The stem, stem, leaf and head of cassava. Keywords: Biochar, Composted Manure,Changes, Soil Fertility, Cassava based cropping systems
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
คำสำคัญ: มันสำปะหลัง
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การศึกษาผลของถ่านชีวภาพไบโอชาร์และการใช้ปุ๋ยหมักต่อการเปลี่ยนแปลงความอุดมสมบูรณ์ของดินและผลผลิตในระบบการปลูกมันสำปะหลัง
มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์
30 พฤศจิกายน 2559
อาหารจากมันสำปะหลัง การปลูกพืชหมุนเวียนเพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดินและผลผลิตมันสำปะหลังในสภาพดินทรายภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อิทธิพลจากการใช้หินฟอสเฟตร่วมกับการใช้ปุ๋ยชีวภาพ พด. 12 และพืชปุ๋ยสดเพื่อเพิ่มผลผลิตและความอุดมสมบูรณ์ของดินของพื้นที่ปลูกมันสำปะหลังในชุดดินจักราช จังหวัดนครราชสีมา การใช้พืชตระกูลถั่วในระบบการปลูกพืชเพื่อเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลังที่ปลูกบนดินลูกรัง โครงการวิจัย และพัฒนาระบบการปลูกสตรอเบอรี่เพื่อเพิ่มคุณภาพผลผลิตบนพื้นที่สูงของจังหวัดเพชรบูรณ์ การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการดินและการฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์เพื่อการผลิตมันสำปะหลังในชุมชน การป้องกันสารกำจัดวัชพืชตกค้างในการผลิตมันสำปะหลัง การใช้ระบบจำแนกสมรรถนะความอุดมสมบูรณ์ของดินเพื่อศึกษาความเหมาะสมของดินปลูกยางในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การจำแนกดินปลูกยางพาราตามความอุดมสมบูรณ์ของดิน การใช้ระบบน้ำหยดร่วมกับการจัดการปุ๋ยและวัสดุปรับปรุงดินเพื่อเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลัง
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก