สืบค้นงานวิจัย
การประเมินรอบการให้น้ำระดับไร่นา โดยอาศัยสมบัติทางกายภาพของดิน
ชนิดา จรัญวรพรรณ - กรมพัฒนาที่ดิน
ชื่อเรื่อง: การประเมินรอบการให้น้ำระดับไร่นา โดยอาศัยสมบัติทางกายภาพของดิน
ชื่อเรื่อง (EN): The estimation of farm irrigation by soil physic property
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: ชนิดา จรัญวรพรรณ
บทคัดย่อ: ศึกษาการประเมินรอบการให้น้ำระดับไร่นาโดยอาศัยสมบัติทางกายภาพของดิน การศึกษาแบ่งตามกลุ่มเนื้อดิน ได้แก่ กลุ่มดินเนื้อละเอียด (Fine Texture, FT) กลุ่มดินเนื้อปานกลาง (Medium Texture, MT) และกลุ่มดินเนื้อหยาบ (Coarse Texture, CT) จากพื้นที่ทำการเกษตร 16, 7 และ 11 พื้นที่ ตามลำดับ ทำการเก็บตัวอย่างดิน 3 ซ้ำ จาก 3 ระดับความลึก คือ 0-15, 15-30 และ 30-60 cm วิเคราะห์สมบัติทางกายภาพของดินที่มีอิทธิพลต่อปริมาณและการเปลี่ยนแปลงความชื้นในดิน ทำการพล็อตกราฟเส้นอัตลักษณ์น้ำในดินและกราฟความชื้นดินตามกลุ่มเนื้อดิน พร้อมทั้งหาสมการความสัมพันธ์ระหว่างความชื้นในดิน (Soil Moisture Content, % by volume) และปริมาณน้ำในดินเป็นความสูงของน้ำ (Water Storage, cm H2O) เพื่อใช้ในการคำนวณปริมาตรน้ำที่ต้องเพิ่มให้กับดินที่ระดับความลึก 0-15, 0-30 และ 0-60 cm จนกระทั่งดินมีความชื้นเท่ากับหรือใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของความจุความชื้นสนามของแต่ละกลุ่มเนื้อดิน (Mean of Water Content at Field Capacity, FCmean) การคำนวณปริมาตรน้ำดังกล่าวคำนวณโดยใช้ค่าความชื้นดินเฉลี่ยซึ่งได้จากการสุ่มวัดความชื้นดินในสนาม 8 จุด จาก 3 ระดับความลึก (0-15, 0-30 และ 0-60 cm) การคำนวณรอบการให้น้ำครั้งต่อไปของดินคำนวณจากความชื้นของดินที่ลดลง 40-60 %FCmean ผลการศึกษาพบว่า ที่ระดับความลึก 0-15, 0-30 และ 0-60 cm ค่าเฉลี่ยความจุความชื้นสนาม (FCmean) ของกลุ่มดิน FT มีค่า 34.22, 70.67, และ 108.42 % by volume ตามลำดับ ของกลุ่มดิน MT มีค่า 25.20, 51.19 และ 78.98 % by volume ตามลำดับ และของกลุ่มดิน CT มีค่า 17.35, 35.97, และ 55.01 % by volume ตามลำดับ เมื่อค่า FCmean ของกลุ่มดิน FT และ MT ได้จากค่าความชื้นดินที่แรงดึงน้ำ 1/3 bar และของกลุ่มดิน CT ได้จากค่าความชื้นดินที่แรงดึงน้ำ 1/10 bar การคำนวณปริมาตรน้ำที่ต้องเพิ่มให้กับดินเพื่อให้ดินมีความชื้นเท่ากับหรือใกล้เคียงกับ FCmean โดยใช้สมการเส้นตรงจากกราฟความชื้นดินตามกลุ่มเนื้อดินที่ระดับความลึก 0-15 และ 0-30 cm กลุ่มดิน FT, MT และ CT ใช้สมการเส้นตรงเดียวกันคือ Y = 6.6667X (R2 = 1.0000) และที่ระดับความลึก 0-60 cm กลุ่มดิน FT ใช้สมการเส้นตรง Y = 4.9738X – 0.6501 (R2 = 0.9946) กลุ่มดิน MT ใช้สมการเส้นตรง Y = 4.9429X – 0.1048 (R2 = 0.9970) และกลุ่มดิน CT ใช้สมการเส้นตรง Y = 5.1139X – 1.6917 (R2 = 0.9991) เมื่อ Y คือ ความชื้นดินในสภาพสนาม (หน่วย % by volume) และ X คือ ปริมาณน้ำในดินเป็นความสูงของน้ำ (หน่วย cm H2O) ผลการคำนวณปริมาตรน้ำโดยเฉลี่ยที่ต้องเพิ่มให้กับดินลึก 15, 30 และ 60 cm ในพื้นที่ 1 ไร่ สำหรับกลุ่มดิน FT ช่วงที่ดินมีความชื้นมาก (ฤดูฝน) คือ 23, 37, และ 77 m3 ตามลำดับ ช่วงที่ดินมีความชื้นน้อย (ฤดูร้อน) คือ 33, 70 และ 141 m3 ตามลำดับ และรอบการให้น้ำครั้งต่อไปของกลุ่มดิน FT จะให้เมื่อความชื้นดินลดลงอยู่ในช่วง 13.69 – 20.53, 28.27 – 42.40 และ 42.97 – 64.45 % by volume ตามลำดับ (ความชื้นของดินที่ลดลง 40-60 %FCmean) สำหรับกลุ่มดิน MT ปริมาตรน้ำโดยเฉลี่ยที่ต้องเพิ่มให้กับดินช่วงที่ดินมีความชื้นมาก (ฤดูฝน) คือ 0.2 (หรือ 200L), 33 และ 96 m3 ตามลำดับ ช่วงที่ดินมีความชื้นน้อย (ฤดูร้อน) ต้องเพิ่มน้ำให้กับดินที่ความลึก 30 และ 60 cm คือ 0.2 (หรือ 200 L) และ 96 m3 ตามลำดับ ที่ความลึก 15 cm ไม่ต้องให้น้ำเนื่องจากเกษตรกรมีการจัดการน้ำจึงมีการให้น้ำเกิน FCmean 3 m3 หรือ 3,000 L และรอบการให้น้ำครั้งต่อไปของกลุ่มดิน MT จะให้เมื่อความชื้นดินลดลงอยู่ในช่วง 10.08 – 15.12, 20.48 – 30.71 และ 31.59 – 47.39 % by volume ตามลำดับ สำหรับกลุ่มดิน CT ปริมาตรน้ำโดยเฉลี่ยที่ต้องเพิ่มให้กับดินช่วงที่ดินมีความชื้นมาก (ฤดูฝน) ที่ความลึก 30 และ 60 cm คือ 22 และ 71 m3 ตามลำดับ ที่ความลึก 15 cm ไม่ต้องให้น้ำเนื่องจากดินได้รับปริมาณน้ำฝนเกิน FCmean 3 m3 หรือ 3,000 L ช่วงที่ดินมีความชื้นน้อย (ฤดูร้อน) ปริมาตรน้ำโดยเฉลี่ยที่ต้องเพิ่มให้กับดินลึก 15, 30 และ 60 cm คือ 33, 59 และ 118 m3 ตามลำดับ และรอบการให้น้ำครั้งต่อไปของกลุ่มดิน CT จะให้เมื่อความชื้นดินลดลงอยู่ในช่วง 6.94 – 10.41, 14.39 – 21.58 และ 22.00 – 33.01 % by volume ตามลำดับ
บทคัดย่อ (EN): The estimation of farm irrigation by soil physical property was studied. The study focused on 3 soil texture groups including fine texture group (FT), medium texture group (MT) and coarse texture group (CT). Soil samplings of FT, MT and CT were taken from 16, 7 and 11 agricultural areas, respectively. All soil samples were taken from 3 depths of 0-15, 15-30 and 30-60 cm with 3 replications and they were analyzed in soil physical laboratory emphasizing on the variables related to soil moisture. The graphs of soil water characteristic and soil moisture on soil texture group were plotted. The relative equations of soil moisture content (in unit % by volume) and soil water storage (in unit cm H2O) were used to calculate the water volume supplied to soil reaching to field capacity (Watersupplied). This field capacity was the average of water content at field capacity of each soil group at 3 depths (0-15, 0-30 and 0-60 cm) and called FCmean. The watersupplied, aforesaid, was calculated by using data of soil moisture content averaged from 8 soil sampling points at 3 depths (0-15, 0-30 and 0-60 cm). The next irrigation was supplied when soil moisture content decrease to 40-60 %FCmean. The result showed that at 0-15, 0-30 and 0-60 cm depth, FCmean of FT group were 34.22, 70.67, and 108.42 % by volume, respectively, of MT group were 25.20, 51.19 and 78.98 % by volume, respectively and of CT group were 17.35, 35.97, and 55.01 % by volume, respectively, when FCmean of FT and MT groups were the moisture retention at 1/3 bar and CT group was the moisture retention at 1/10 bar. The watersupplied was calculated from the linear equation of graph-soil moisture on soil texture group. The watersupplied of FT, MT and CT group at 0-15 and 0-30 cm depth were calculated from the same linear equation: Y = 6.6667X (R2 = 1.0000). The watersupplied of FT group at 0-60 cm depth was calculated from the equation: Y = 4.9738X – 0.6501 (R2 = 0.9946), of MT group was calculated from the equation: Y = 4.9429X – 0.1048 (R2 = 0.9970), and of CT group was calculated from the equation: Y = 5.1139X – 1.6917 (R2 = 0.9991), when Y is the field moisture content (in unit % by volume) and X is the soil water storage (in unit cm H2O). The calculation showed that at 15, 30 and 60 cm depth in 1 rai of agricultural area, Watersupplied of FT group in rainy season was 23, 37, and 77 m3, respectively, and in dry season was 33, 70 and 141 m3, respectively. The next irrigation for FT group was supplied when soil moisture content decreased to 13.69 – 20.53, 28.27 – 42.40 and 42.97 – 64.45 % by volume, respectively (these moisture ranges came from 40-60 %FCmean). For MT group, the watersupplied in rainy season was 0.2 (or 200L), 33 and 96 m3 at 15, 30 and 60 cm depth and in dry season was 0.2 (or 200 L) and 96 m3 at 30 and 60 cm depth. However, at 15 cm depth water was not supplied, due to water management of farmers. Therefore, the soil had moisture over FCmean 3 m3 (or 3,000 L). The next irrigation for MT group was supplied when soil moisture content decreased to 10.08 – 15.12, 20.48 – 30.71 and 31.59 – 47.39 % by volume, respectively. For CT group, the watersupplied in rainy season were 22 and 71 m3 at 30 and 60 cm depth. However, at 15 cm depth the water was not supplied because the soil had moisture over FCmean 3 m3 (or 3,000 L) from rainfall. In dry season, the watersupplied was 33, 59 and 118 m3 at 15, 30 and 60 cm depth. The next irrigation for CT group was supplied when soil moisture content decreased to 6.94 – 10.41, 14.39 – 21.58 and 22.00 – 33.01 % by volume, respectively.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: กรมพัฒนาที่ดิน
คำสำคัญ: แบบจำลองการปลูกพืช
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การประเมินรอบการให้น้ำระดับไร่นา โดยอาศัยสมบัติทางกายภาพของดิน
กรมพัฒนาที่ดิน
30 กันยายน 2558
การศึกษาการจัดการน้ำระดับไร่นา ในพืชไร่เศรษฐกิจ การศึกษาวัสดุคลุมดินที่มีอิทธิพลต่อการเจริญเติบโตแบบอาศัยเพศ และไม่อาศัยเพศของสตรอเบอรี 2 สายพันธุ์ การประเมินการจัดการดิน น้ำ ปุ๋ย โดยใช้แบบจำลองการปลูกพืช การศึกษาความต้องการธาตุอาหารรองแคลเซียมและกำมะถันจากยิปซั่มของข้าวขาวดอกมะลิ 105 ในดินเค็มน้อยระดับไร่นาของพื้นที่ลุ่มน้ำลำสะแทค ผลของน้ำทิ้งจากการเลี้ยงกุ้งต่อคุณภาพน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติ และการจัดการน้ำทิ้งของชุมชนบางแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา โครงการวิจัยการจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพในนาเขตชลประทาน ความต้องการใช้น้ำของข้าวและงบดุลน้ำภายใต้การจัดการน้ำแบบเปียกสลับแห้ง โครงการวิจัยและพัฒนาการจัดการน้ำและธาตุอาหารข้าวหลังการปรับพื้นที่ปลูกข้าวไร่เป็นนาขั้นบันไดในพื้นที่ลาดชัน การศึกษาการจัดการดิน น้ำ ปุ๋ย สำหรับพืชไร่เศรษฐกิจที่เหมาะสมในระดับรายแปลง การศึกษาสมบัติทางกายภาพและทางเคมีของดินที่เปลี่ยนแปลงในพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากภาคกลาง
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก