สืบค้นงานวิจัย
การประเมินศักยภาพของดินเพื่อกำหนดชุดเทคโนโลยีในการผลิตอ้อย และมันสำปะหลัง สนับสนุนการพัฒนาการเกษตร และการพลังงานในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย
ศุภิฌา ธนะจิตต์ - มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ชื่อเรื่อง: การประเมินศักยภาพของดินเพื่อกำหนดชุดเทคโนโลยีในการผลิตอ้อย และมันสำปะหลัง สนับสนุนการพัฒนาการเกษตร และการพลังงานในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย
ชื่อเรื่อง (EN): Soil Potential Assessment to Acquire Production Technology Packages of Sugarcane and Cassava Supporting Agricultural and Energy Development in Northeast Thailand
บทคัดย่อ: การประเมินศักยภาพของดิน เพื่อกำหนดชุดเทคโนโลยีในการผลิตอ้อย และมันสำปะหลังสนับสนุนการพัฒนาการเกษตรและการพลังงานในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ทำโดยการวิเคราะห์สภาพแวดล้อม สัณฐานวิทยา สมบัติทางกายภาพ เคมี และแร่วิทยาของดิน 21 บริเวณตามวิธีมาตรฐาน โดยแบ่งเป็นบริเวณที่ปลูกอ้อย 10 บริเวณ และบริเวณที่ปลูกมันสำปะหลัง 11 บริเวณ ผลจากการศึกษาพบว่าดินที่ปลูกอ้อย และปลูกมันสำปะหลังทั้งหมดเป็นดินลึกถึงลึกมาก มีพัฒนาการสูงปานกลาง ถึงสูง มีความอุดมสมบูรณ์ส่วนใหญ่อยู่ในระดับต่ำ โดยดินที่ปลูกอ้อยได้ผลดี เป็นดินในอันดับแอลฟิซอลส์ เป็นส่วนใหญ่ ในกลุ่มดิน Paleustalfs และ Haplustalfs อยู่ในบริเวณที่มีปริมาณฝนเฉลี่ยตั้งแต่ 1,400 มิลลิเมตรต่อปีขึ้นไป สำหรับดินที่ปลูกมันสำปะหลังส่วนใหญ่เป็นดินในอันดับอัลทิซอลส์ ในกลุ่มดิน Paleustults และ Kandiustults กับดินในอันดับออกซิซอลส์ ในกลุ่มดิน Kandiustox อยู่ในบริเวณที่มีปริมาณฝนเฉลี่ย 1,100 ถึง 1,300 มิลลิเมตรต่อปี แต่มีดินในอันดับอื่นที่มีการปลูกอ้อย และปลูกมันสำปะหลังอยู่บ้างคือดินในอันดับเอ็นทิซอลส์ ที่เนื้อออกทรายจัด ผลจากการศึกษาชี้ให้เห็นว่าในพื้นที่ ๆ แห้งแล้งกว่า ที่ใช้ปลูกมันสำปะหลัง สามารถใช้ปลูกอ้อยได้ แต่ต้องเป็นบริเวณที่อยู่ในระดับต่ำกว่าที่ใช้ปลูกมันสำปะหลัง เมื่อใช้ผลจากการศึกษาเป็นเกณฑ์ สามารถกำหนดแนวทางการปลูกอ้อย และมันสำปะหลังเพื่อสนับสนุนการพัฒนาพลังงานได้ โดยให้ปลูกในพื้นที่ต่อเนื่องกัน ในเขตที่มีปริมาณฝนเฉลี่ยต่อปีในช่วง 1,100-1,300 มิลลิเมตร โดยให้ปลูกอ้อยในพื้นที่ ๆ อยู่ต่ำกว่าพื้นที่ปลูกมันสำปะหลัง และต้องมีการจัดการด้านการอนุรักษ์ที่ชัดเจน ทั้งสองพืชโดยมีมาตรการเชิงอนุรักษ์ในบริเวณที่ปลูกมันสำปะหลังเข้มข้นกว่าในพื้นที่ปลูกอ้อย การประเมินศักยภาพของดิน เพื่อกำหนดชุดเทคโนโลยีในการผลิตอ้อย และมันสำปะหลังสนับสนุนการพัฒนาการเกษตรและการพลังงานในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ทำโดยการวิเคราะห์สภาพแวดล้อม สัณฐานวิทยา สมบัติทางกายภาพ เคมี และแร่วิทยาของดิน 21 บริเวณตามวิธีมาตรฐาน โดยแบ่งเป็นบริเวณที่ปลูกอ้อย 10 บริเวณ และบริเวณที่ปลูกมันสำปะหลัง 11 บริเวณ ผลจากการศึกษาพบว่าดินที่ปลูกอ้อย และปลูกมันสำปะหลังทั้งหมดเป็นดินลึกถึงลึกมาก มีพัฒนาการสูงปานกลาง ถึงสูง มีความอุดมสมบูรณ์ส่วนใหญ่อยู่ในระดับต่ำ โดยดินที่ปลูกอ้อยได้ผลดี เป็นดินในอันดับแอลฟิซอลส์ เป็นส่วนใหญ่ ในกลุ่มดิน Paleustalfs และ Haplustalfs อยู่ในบริเวณที่มีปริมาณฝนเฉลี่ยตั้งแต่ 1,400 มิลลิเมตรต่อปีขึ้นไป สำหรับดินที่ปลูกมันสำปะหลังส่วนใหญ่เป็นดินในอันดับอัลทิซอลส์ ในกลุ่มดิน Paleustults และ Kandiustults กับดินในอันดับออกซิซอลส์ ในกลุ่มดิน Kandiustox อยู่ในบริเวณที่มีปริมาณฝนเฉลี่ย 1,100 ถึง 1,300 มิลลิเมตรต่อปี แต่มีดินในอันดับอื่นที่มีการปลูกอ้อย และปลูกมันสำปะหลังอยู่บ้างคือดินในอันดับเอ็นทิซอลส์ ที่เนื้อออกทรายจัด ผลจากการศึกษาชี้ให้เห็นว่าในพื้นที่ ๆ แห้งแล้งกว่า ที่ใช้ปลูกมันสำปะหลัง สามารถใช้ปลูกอ้อยได้ แต่ต้องเป็นบริเวณที่อยู่ในระดับต่ำกว่าที่ใช้ปลูกมันสำปะหลัง เมื่อใช้ผลจากการศึกษาเป็นเกณฑ์ สามารถกำหนดแนวทางการปลูกอ้อย และมันสำปะหลังเพื่อสนับสนุนการพัฒนาพลังงานได้ โดยให้ปลูกในพื้นที่ต่อเนื่องกัน ในเขตที่มีปริมาณฝนเฉลี่ยต่อปีในช่วง 1,100-1,300 มิลลิเมตร โดยให้ปลูกอ้อยในพื้นที่ ๆ อยู่ต่ำกว่าพื้นที่ปลูกมันสำปะหลัง และต้องมีการจัดการด้านการอนุรักษ์ที่ชัดเจน ทั้งสองพืชโดยมีมาตรการเชิงอนุรักษ์ในบริเวณที่ปลูกมันสำปะหลังเข้มข้นกว่าในพื้นที่ปลูกอ้อย
บทคัดย่อ (EN): The potential assessment of soils to acquire production technology packages for sugarcane and cassava supporting agricultural and energy development in Northeast Thailand was carried out by analyzing physical environment, morphology, physical, chemical and mineralogical properties of soils at 21 locations basing on standard methods. This encompassed 10 sugarcane growing areas and 11 cassava growing areas. Results of the study revealed that all sugarcane and cassava growing soils are deep to very deep, moderately highly to highly developed and most of them have low fertility level. The soils under productive sugarcane growing are mainly Alfisols in great groups Paleustalfs and Haplustalfs occupying areas with 1400 mm mean annual rainfall or higher. Soils under cassava mainly are Ultisols in great groups Paleustults and Kandiustults and Kandiustox of Oxisols where the mean annual rainfall ranges between 1200 mm and 1300 mm. Other soils under sugarcane and cassava are sandy Entisols. These results indicate that the drier areas where cassava is the main crop can be used for sugarcane growing but only on the lower part of the landscape. Based on these study results an approach on growing sugarcane and cassava to support energy development can be devised. The two crops can be grown adjacent to each other in areas where the mean annual rainfall ranges 1200-1300 mm by placing the sugarcane in the lower part of the landscape. The practice needs a clearly defined conservation management for both crops but with the more intensive measures in the cassava growing areas. The potential assessment of soils to acquire production technology packages for sugarcane and cassava supporting agricultural and energy development in Northeast Thailand was carried out by analyzing physical environment, morphology, physical, chemical and mineralogical properties of soils at 21 locations basing on standard methods. This encompassed 10 sugarcane growing areas and 11 cassava growing areas. Results of the study revealed that all sugarcane and cassava growing soils are deep to very deep, moderately highly to highly developed and most of them have low fertility level. The soils under productive sugarcane growing are mainly Alfisols in great groups Paleustalfs and Haplustalfs occupying areas with 1400 mm mean annual rainfall or higher. Soils under cassava mainly are Ultisols in great groups Paleustults and Kandiustults and Kandiustox of Oxisols where the mean annual rainfall ranges between 1200 mm and 1300 mm. Other soils under sugarcane and cassava are sandy Entisols. These results indicate that the drier areas where cassava is the main crop can be used for sugarcane growing but only on the lower part of the landscape. Based on these study results an approach on growing sugarcane and cassava to support energy development can be devised. The two crops can be grown adjacent to each other in areas where the mean annual rainfall ranges 1200-1300 mm by placing the sugarcane in the lower part of the landscape. The practice needs a clearly defined conservation management for both crops but with the more intensive measures in the cassava growing areas.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
คำสำคัญ: มันสำปะหลัง
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การประเมินศักยภาพของดินเพื่อกำหนดชุดเทคโนโลยีในการผลิตอ้อย และมันสำปะหลัง สนับสนุนการพัฒนาการเกษตร และการพลังงานในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
30 กันยายน 2552
การปรับปรุงดินและการใช้จุลธาตุอาหารเพื่อเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลังและอ้อยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย การประเมินพันธุ์อ้อยดีเด่นในพื้นที่นาลุ่มและนาดอนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยร่วมกับเกษตรกร การประเมินศักยภาพพื้นที่และดินเพื่อกำหนดชุดเทคโนโลยีการจัดการ ในการปลูกอ้อยที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลางของประเทศไทย การประเมินศักยภาพและความเหมาะสมของพื้นที่และดินเพื่อกำหนดชุดเทคโนโลยีการจัดการในการปลูกอ้อยที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างของประเทศไทย การศึกษาวิจัยการจัดการธาตุอาหารพืชแบบผสมผสานในการผลิต ข้าว อ้อย มันสำปะหลัง ข้าวโพด ถั่วเหลือง ยางพารา ลองกอง กาแฟ ส้ม และพืชผัก การประเมินกำลังผลิตของกลุ่มชุดดิน/ชุดดิน ในการปลูกอ้อยภาคตะวันออก บทบาทและผลของซิลิคอนในวัสดุปรับปรุงดินต่อการเจริญเติบโตของมันสำปะหลังและอ้อยที่ปลูกบนดินเสื่อมโทรม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การศึกษาเกณฑ์ทางดินที่สัมพันธ์กับผลผลิตเพื่อแบ่งเขตการปลูก มันสำปะหลังและอ้อย การประเมินอ้อยตอของพันธุ์อ้อยดีเด่นในพื้นที่นาลุ่มและนาดอนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยร่วมกับเกษตรกร การประเมินพันธุ์อ้อยพลังงานลูกผสม (Saccharum officinarum x S. Spontaneum) และการใช้น้ำทิ้ง (digested) จากระบบบำบัดน้ำเสียเพื่อการผลิตอ้อยพลังงานในพื้นที่ดินอุดมสมบูรณ์ต่ำและดินลูกรังสำหรับใช้เป็นพืชพล
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก