สืบค้นงานวิจัย
การวิจัยและพัฒนาฟาร์มไก่ไข่จากภูมิปัญญาท้องถิ่นต่อการสร้างอาชีพควบคู่วิถีชีวิตชุมชนของจังหวัดนครพนมอย่างยั่งยืน
จิตติยา สุระนรากุล - มหาวิทยาลัยนครพนม
ชื่อเรื่อง: การวิจัยและพัฒนาฟาร์มไก่ไข่จากภูมิปัญญาท้องถิ่นต่อการสร้างอาชีพควบคู่วิถีชีวิตชุมชนของจังหวัดนครพนมอย่างยั่งยืน
ชื่อเรื่อง (EN): The Research and Development on Layer Farm from Knowledge Local Wisdom on Occupation in Harmony with the Way of Life in Community at Sustainable in Nakhon Phanom Province
บทคัดย่อ: ระบบการทำฟาร์มเลี้ยงไก่ไข่จากภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สืบทอดมายาวนานของกลุ่มผู้เลี้ยงไก่ไข่บ้านกลางต่อการสร้างอาชีพควบคู่วิถีชีวิตชุมชนที่อย่างยั่งยืน อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม โดยศึกษาวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) รูปแบบการเลี้ยงและวิธีการจัดการของกลุ่มสหกรณ์ไก่ไข่โรงเรือนแบบเปิด พื้นยกสูง ที่ใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตชุมชนในพื้นที่ตำบลบ้านกลาง อย่างยั่งยืน 2) ศึกษาระบบกลไก วิถีเส้นทางการตลาด และสัดส่วนระบบตลาดของไข่ไก่ที่ผลิตได้ตามห่วงโซ่อุปทานของกลุ่มสหกรณ์บ้านกลาง ตั้งแต่ฟาร์มไปถึงผู้บริโภค และ 3) เพื่อพัฒนาเครือข่ายเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ในการรักษาความมั่นคงด้านอาหารโปรตีนคุณภาพดีและสร้างรายได้เศรษฐกิจชุมชน ประชากรที่ศึกษา คือ เกษตรกรที่เลี้ยงไก่ไข่จำนวน 50 ฟาร์ม, พ่อค้ารวบรวมหรือพ่อค้าส่ง, แม่ค้าปลีก และผู้บริโภค โดยใช้แบบสัมภาษณ์เป็นแนวทางในการเก็บข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล ใช้สถิติเชิงพรรณนา ผลการศึกษาวิจัย พบว่า โรงเรือนเลี้ยงไก่ไข่มีลักษณะเป็นเอกลักษณ์ของกลุ่มแบบภูมิปัญญาท้องถิ่น การสร้างโรงเรือนจากเสาไม้เนื้อแข็ง ยกพื้นสูงประมาณ 1-1.5 เมตร กว้าง 6 เมตร ยาว 18-21 เมตร พื้นเอียงด้านข้างให้ไข่กลิ้งออกนอกโรงเรือน เพื่อความสะดวกในการเดินเก็บไข่ ปัจจุบันกลุ่มผู้เลี้ยงไก่ไข่บ้านกลางมี 248 โรงเรือน ไก่ไข่ทั้งหมดจำนวน 356,119?4,587 ตัว ไก่ที่กำลังให้ผลผลิต 203,823?2,058 ตัว จำนวนไก่เลี้ยงเฉลี่ย 1,474.31 ตัวต่อโรงเรือน (เฉลี่ย 13.65 ตัว/ตร.ม.) ปริมาณผลผลิตไข่ไก่ 158,625?3,184 ฟอง (77.82% ของฝูงแม่ไก่ที่กำลังให้ผลผลิต หรือ 44.54% ของจำนวนไก่ที่เลี้ยงทั้งหมดในกลุ่มเกษตรกรบ้านกลาง) ในแต่ละฟาร์มนำลูกไก่อายุ 1 - 2 วัน เข้าเลี้ยงเองทุกฟาร์ม แต่ละโรงเรือนระยะเวลาห่างกันประมาณ 16 สัปดาห์ เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนระบบการผลิต เรียกว่า “แบบพี่เลี้ยงน้อง” ซื้อลูกไก่ผ่านตัวแทนจำหน่าย 3 บริษัท คือ บริษัทแหลมทอง กรุงไทย และยูไนเต็ด ราคาเฉลี่ย 32 บาทต่อตัว วิธีการกกลูกไก่นิยมใช้ 3 แบบ คือ กกแก็ส กกหลอดไฟ และกกเตาปิ๊ปใช้ถ่าน ตามลำดับ ฟาร์มจะใช้อาหารสำเร็จรูปเลี้ยงไก่เล็ก และจะผสมอาหารใช้เลี้ยงไก่รุ่น ไก่สาว ไก่ไข่ จนถึงปลดทุกฟาร์ม ฟาร์มจะปลดแม่ไก่อายุเฉลี่ย 22.41 เดือน โดยมีแม่ค้าชำแหละมารับซื้อไก่ปลดที่ฟาร์มเองเฉลี่ย 225.14 ตัวต่อครั้ง จำหน่ายเฉลี่ย 75.20 บาทต่อตัว ฟาร์มจำหน่ายมูลไก่ราคาเฉลี่ย 57.50 บาทต่อถุง ระบบและวิถีทางตลาดไข่ไก่บ้านกลาง แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม คือ 1) ฟาร์มเลี้ยงไก่และรวบรวมไข่จากฟาร์มตนเองและฟาร์มใกล้เคียงไปจำหน่ายเอง 4 ฟาร์ม 2) กลุ่มพ่อค้ารวบรวมหรือพ่อค้าส่งในจังหวัดจำนวน 77 ราย และต่างจังหวัด 5 ราย คือ มุกดาหาร สกลนคร บึงกาฬ และยโสธร รวมทั้งหมด 81 ราย พ่อค้าเข้ามารับซื้อไข่ที่ฟาร์มเฉลี่ย 3.67?0.86 ฟาร์มต่อครั้ง ความถี่การรับซื้อไข่เฉลี่ย 2.41?1.39 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือฟาร์มนำไข่ไปส่งตามเส้นทางประจำของตนในแต่ละสัปดาห์ 3) กลุ่มพ่อค้าปลีกที่มารับซื้อไข่ไก่ที่ฟาร์มไปจำหน่ายให้ผู้บริโภค และ 4) ผู้บริโภคซื้อไข่ไก่ที่ฟาร์มเอง เพราะไข่ไก่บ้านกลาง “สด ใหม่ ได้มาตรฐาน ปลอดภัย” ผ่านการตรวจรับรองมาตรฐานจากสำนักงานปศุสัตว์นครพนม ราคาไข่ไก่จำหน่ายหน้าฟาร์ม ดังนี้ เบอร์จับโบ้, 0, 1, 2, 3, 4, 5 และ ไข่แตกร้าว ราคา 108, 97, 94, 91, 88, 85, 81 และ 59 บาทต่อถาด ไข่ไก่แต่ละเบอร์มีราคาจำหน่ายที่แตกต่างกันเบอร์ละ 3 บาทต่อถาด ยกเว้นไข่จัมโบ้และไข่แตกที่มีราคาแตกต่างกัน การสร้างเครือข่ายระหว่างเกษตรกรภายในกลุ่ม หรือผู้เลี้ยงไก่ไข่กับพ่อค้า หรือผู้บริโภค หรือหน่วยงานภาครัฐ ด้วยร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมพัฒนา ร่วมแก้ไขปัญหา ช่วยเหลือแบบพี่น้อง การประชาสัมพันธ์ให้ไก่ไข่บ้านกลางเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค สด ใหม่ทุกวัน ได้มาตรฐาน ปลอดภัย เพื่อช่วยส่งเสริมสินค้าเกษตรภายในจังหวัดนครพนม โฆษณาไข่ไก่ด้วยกลยุทธ์ดังนี้ 1) ปลอดภัยจากเชื้อไข้หวัดนก 2) ปลอดภัยจากสารปฏิชีวนะและสารอันตรายตกค้าง และ 3) ได้รับการรับรองมาตรฐานฟาร์มเลี้ยงไก่ไข่ ไม่ควรมองเฉพาะไข่ไก่และไก่ไข่ที่เป็นรายได้เพียงอย่างเดียว ให้มองประโยชน์จากการเลี้ยงไก่ไข่มีคุณค่าที่ประเมินเป็นเงินไม่ได้โดยตรง เช่น ใช้มูลไก่ไข่มีคุณภาพดีใช้เป็นปุ๋ย ทำให้ลดการใช้เงินสดในการทำนา ปลูกผัก คือ ทุกครัวเรือนที่เลี้ยงไก่ไข่ทำนาปลูกข้าว 100 เปอร์เซ็นต์, ปลูกหอมแบ่ง, ปลูกพริก และปลูกยางพารา มีกิจกรรมทางการเกษตรอย่างน้อย 2 กิจกรรมในครัวเรือนแบบพึ่งพาหรือหมุนเวียน โดยประยุกต์การใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการพัฒนาชุมชน เชื่อมโยงระบบเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม และการจัดการทรัพยากรแบบมีส่วนร่วมในท้องถิ่น เพื่อสร้างระบบการเกษตรบ้านกลางต่อการสร้างอาชีพและรายได้อย่างมั่นคง และยั่งยืนอย่างยั่งยืน
บทคัดย่อ (EN): Laying hen raising system followed the raisers’ inherited local wisdom created sustainable occupations and agricultural way of life in Muang District, Nakhon Phanom. The objectives of the research were: 1) to study laying hen raising method and laying hen cooperative group’s management with floor-lifting house followed Sufficiency Economy Philosophy and harmonized with community’s way of life sustainability at Ban Klang Sub-district, 2) to study system and mechanism of egg marketing path and proportion of egg production system according to demand chain of Ban Klang’s cooperative started from farms to consumers, and 3) to develop laying hen raiser network on quality protein food security and create income. The samples of this research were 50 farm owners and raisers, collectors or wholesalers, retailers, and consumers. In this study, the researchers employed questionnaires for interview, descriptive statistics for data analysis. It was found that the raisers developed their local wisdom on laying hen houses, which were 6 x 18-20 meters hardwood-pillared houses with 1-1.5 meter above the ground floor. The sloped down side floor made of bamboo sticks lined within 2 centimeter gaps which makes egg collecting easily. The raisers at Ban Klang had 248 houses with 356,119?4,587 laying hens. There were 203,823?2,058 active laying hens. There were 1,474.31 hens per house or 13.65 hens per square meter by average. According to productivity, 77.82% of active hens or 44.54% of total chickens raised at Ban Klang laid 158,625?3,184 eggs. In each farm, the raiser raised 1-2 day starters in a house every 16 week so they could circulate chicken in his egg production system called “Phi Liang Nong Method”. The raisers bought starters from 3 supplier companies: Lamthong, Krungthai and United. The price for each starter was 32 baht. Ranking by order, the widely used method for brooding is hover gas, shade, charcoal stove. The raisers used pellet feed for feeding their starter and mixed feed for feeding their grower, puberty and laying hen. Farms discharged 22.41-month-old laying hens by average. Chicken part traders bought 225.14 spent hens from farms per visit by average.The average price for spent hens were 75.20 baht per bird. Farms sold chicken manure for 57.50 baht per bag by average. There were four egg trading methods at Ban Klang. They were: 1) Four farms bought their eggs and collected eggs from nearby farms to sell. 2) Seventy-seven egg collectors or wholesalers from Nakhon Phanom and five egg collectors from Mukdaharn, Sakon Nakhon, Bueng Kan and Yasothon bought eggs from 3.67?0.86 farms per visit by average and they bought eggs 2.41?1.39 times per week or farms sent eggs to their customers on their regular routes every week. 3) Egg retailers bought eggs at farms to sell to consumers. 4) Consumers bought eggs at farms because Ban Klang’s eggs were fresh, standard and safe and they were certified quality standard by Nakhon Phanom Provincial Livestock Office. The prices at farm for Jumbo egg, No.0 egg, No.1 egg, No.2 egg, No.3 egg, No.4 egg, No.5 egg were 108, 97, 94, 91, 88, 85, 81 and 59 baht respectively. Price discrepancy for each egg No. per tray was three baht except for the price of jumbo eggs and cracked eggs. A connection building among egg farmers, traders, consumers and government agencies established cooperation for mutual thinking, doing, developing, problem solving, and brotherly helping. They also advertised Ban Klang’s egg and created consumer’s egg demand under a slogan, “Daily Fresh, Standard and Safe Egg”. To promote agriculture products from Nakhon Phanom, their marketing strategies were: 1) bird flu free, 2) no antibiotic and pesticide residues, and 3) layer farms with government’s standard certification. Layer farms surely yielded eggs and spent hens and also yielded by products such as chicken manure which was an ideal fertilizer for rice paddy and vegetable farms and reduced farmers’ costs. All egg farmers planted rice and some of them ran spring onion farm, chili farm and rubber tree farm. They followed Sufficiency Economy Philosophy which created community’s development on economy, society, culture, environment and mutual local resource management, farmers’ income stability, and sustainable agricultural activities.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยนครพนม
คำสำคัญ: ยั่งยืน
คำสำคัญ (EN): Sustainable
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การวิจัยและพัฒนาฟาร์มไก่ไข่จากภูมิปัญญาท้องถิ่นต่อการสร้างอาชีพควบคู่วิถีชีวิตชุมชนของจังหวัดนครพนมอย่างยั่งยืน
มหาวิทยาลัยนครพนม
30 กันยายน 2555
การต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง: กรณีบ้านหม้อตำบลป่าไผ่ อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ การสร้างรูปแบบการจัดการสิ่งแวดล้อม และการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืนบนฐานเศรษฐกิจพอเพียงและภูมิปัญญาท้องถิ่นในพื้นที่ต้นน้ำแม่แจ่ม อำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ การเลี้ยงไก่ไข่ของกลุ่มเกษตรกรบ้านกลาง จังหวัดนครพนม โดยใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน โครงการวิจัยเพื่อสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนในพื้นที่ขยายผลโครงการหลวงแม่สลอง โครงการย่อยที่ 2 การศึกษาองค์ความรู้ ภูมิปัญญาท้องถิ่น และวิถีชีวิตของชุมชนในพื้นที่ขยายผลโครงการหลวงแม่สลอง การจัดการและพัฒนาองค์ความรู้ด้านอาชีพการเลี้ยงโคนมของเกษตรกรแบบมีส่วนร่วมเพื่อการเปลี่ยนแปลงการเรียนรู้ไปสู่การพึ่งตนเองของชุมชนที่ยั่งยืนบนพื้นฐานเศรษฐกิจพอเพียง การพัฒนาคุณภาพมะขามหวานโดยการป้องกันกำจัดเชื้อรา ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่นของชุมชนบ้านซับแล้ง ต.ยางงาม อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ การบูรณาการงานวิจัยชาเมี่ยงเพื่อสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่นและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ การจัดการความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นแบบมีส่วนร่วมของชุมชนที่มีต่อการพัฒนาการศึกษาและอาชีพการเกษตรในท้องถิ่น การศึกษาปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อความยั่งยืนและความสุขของชุมชนเลี้ยงสัตว์ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ผลของการเสริมสารสกัดอัญชัน ในอาหารไก่ไข่
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก