สืบค้นงานวิจัย
การศึกษานิเวศวิทยาเพื่อแก้ไขความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่า บริเวณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน จังหวัดฉะเชิงเทรา
รองลาภ สุขมาสรวง - มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ชื่อเรื่อง: การศึกษานิเวศวิทยาเพื่อแก้ไขความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่า บริเวณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน จังหวัดฉะเชิงเทรา
ชื่อเรื่อง (EN): The study of ecology to solve conflict between human and wild elephant around Khao Ang Rue Nai Wildlife Sanctuary, Chacheangchoa Province
บทคัดย่อ: การศึกษาการศึกษานิเวศวิทยาเพื่อแก้ไขความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่าบริเวณเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไนจังหวัดฉะเชิงเทรา ดำเนินการระหว่างเดือนตุลาคม 2557 ถึงเดือนธันวาคม 2559 ผลการศึกษาพบว่าความหนาแน่นประชากรช้างป่าในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน จากกล้องดักถ่ายภาพ จำนวน 65 ตำแหน่ง รวมจำนวน 7,560 กับดักคืน สามารถถ่ายภาพช้างป่าได้จำนวน 1,799ภาพ พบว่าช้างป่ามีการครอบครองพื้นที่ 0.37 (SE=0.11) ความหนาแน่นประชากรช้างป่า 0.47 ตัวต่อตางกิโลเมตร (SE=0.18) มีจำนวนประชากรภายในพื้นที่ศึกษาขนาด 814 ตารางกิโลเมตร จำนวนหรือมีประชากรรวม 382.58 ตัวพิจารณาจากถ่ายภาพช้างป่าที่ได้ 1,799 ภาพ จำแนกออกเป็นตัวเต็มวัย ไม่ทราบเพศ 64 ตัว เพศเมียเต็มวัย 914 ภาพ เพศผู้เต็มวัย 658 ภาพ ก่อนเต็มวัย 50 ภาพ และช้างลูก112 ภาพ คิดเป็นสัดส่วน เพศผู้ต่อเพศเมีย 1: 1.39 สัดส่วนระหว่างเพศเมียต่อลูก 1: 0.12 หากพิจารณาอัตราการทดแทนในประชากร พบว่ามีค่า 7.12 %พบว่า ช้างป่ามีกิจกรรมตลอดวัน เมื่อพิจารณาจากเวลาที่บันทึกที่ภาพถ่ายที่ได้ ส่วนใหญ่มีกิจกรรมระหว่างเวลา 18.00 – 20.00 น. รองลงมา เป็นช่วงเวลาระหว่าง 10.00-12.00 และ ช่วงเวลา 02.00-04.00 น. ช้างป่าใช้พื้นที่ป่าเบญจพรรณมากกว่าป่าดิบแล้ง เมื่อพิจารณาจากจำนวนภาพที่ได้ โดยชนิดพืชอาหารที่พบในพื้นที่ที่สามารถรวบรวมได้มี 446 ชนิด ความเหมาะสมของพื้นที่ภายในในการรองรับประชากรช้างป่าภายในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไนคิดเป็นประมาณ 30 % จากพื้นที่ทั้งหมด 1,078.96ตารางกิโลเมตร ขณะที่พื้นที่ที่มีความเหมาะสมภายนอกพื้นที่ ในรัศมี 30 กิโลเมตรจากแนวเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า คิดเป็นพื้นที่ 7,677.43ตารางกิโลเมตร มีพื้นที่เหมาะสม 1,659.71 ตารางกิโลเมตรกรณีประสิทธิภาพคูกันช้างที่ใช้เป็นเครื่องมือหลักในการแก้ไขการออกมานอกพื้นที่ของช้างป่าโดยรอบพื้นที่โดยศึกษาบริเวณจังหวัดฉะเชิงเทรารวมระยะทาง 77 กิโลเมตรจากการพบร่องรอยการข้ามคูกันช้างป่า521 ครั้ง การข้ามคูออกมานอกพื้นที่ขึ้นกับชนิดพืชเกษตรที่อยู่ด้านนอก โดยมันสำปะหลังเป็นชนิดพืชเกษตรที่ดึงดูดช้างป่าให้ข้ามแนวคูกันช้างมากที่สุด ขณะที่ ผลการศึกษาชนิดสัตว์ป่าบริเวณคูกันช้าง อำเภอบ่อทอง จังหวัดชลบุรี รวมระยะทาง26 กิโลเมตร พบสัตว์ป่าเลี้ยงลูกด้วยนม 5 ชนิด พบว่าค่าเฉลี่ยของจำนวนร่องรอยสัตว์ป่าเลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ภายในเขตพื้นที่ป่าไม้แตกต่างจากค่าเฉลี่ยของจำนวนร่องรอยสัตว์ภายนอกพื้นที่เขตป่าไม้ อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งหมายความว่าคูกันช้างนั้นมีประสิทธิภาพในการป้องกันสัตว์ป่าเลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ได้ ดังนั้นจึงมีการปรับเปลี่ยนประเภทของพืชที่ดึงดูดช้างออกนอกพื้นที่ ให้เป็น สวนสัก ป่าชุมชน ป่าไผ่ หรือไร่พริก บริเวณแนวคูกันช้างมากกว่าพื้นที่อื่นผลการคำนวณค่าสหสัมพันธ์ระหว่างการเปลี่ยนแปลงพื้นที่เกษตร กับการเปลี่ยนแปลงการออกมานอกพื้นที่ของช้างป่าในระหว่างปี พ.ศ. 2554 และ ปี พ.ศ. 2558 พบว่า มีความสัมพันธ์กันน้อยมาก (r=-0.03) ซึ่งชี้ให้เห็นว่า การออกมานอกพื้นที่ของช้างป่ามิได้มีความสัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงชนิด หรือขนาดพื้นที่เกษตรที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง ทั้งในฤดูแล้งและฤดูฝน โดยพบว่าการออกไปใช้พื้นที่เกษตรในทุกพื้นที่ทุกประเภทมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นระหว่าง 95 – 100%ในระหว่างปี พ.ศ. 2554 ถึง พ.ศ. 2558 ผลการวิเคราะห์พื้นที่อาศัยของช้างป่าที่ออกมาภายนอกพื้นที่ในรัศมี 30 กิโลเมตรจากแนวเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน ชี้ให้เห็นถึงพื้นที่เสี่ยงภัยของราษฎรในระดับต่างๆจากช้างป่าในพื้นที่รัศมี 30 กิโลเมตร ที่สามารถใช้ในการประกอบการตัดสินใจจัดการเพื่อลดความขัดแย้งต่อไปข้อเสนอแนะสำหรับการศึกษา และการจัดการเพื่อบรรเทาปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่า ได้เสนอแนะไว้ในการศึกษานี้แล้ว
บทคัดย่อ (EN): Ecological study to mitigate conflict between human and elephant was procedures around KhaoAng Rue Nai Wildlife Sanctuary, Chacheangsao Province during October 2014 and December 2016. The result showed that the population density within the area gained from 65 camera trap locations, 7560 trap day covered an area of 814 km2 reflected 1,799 elephant pictures, 0.37 (SE=0.11) occupancy of the animal, 0.47 (SE=0.18) individuals/km2. The total population in the area was 382.58 individuals. Determined by 1,799 of the pictures, found 64 adult of unknown sex, 914 adult female, 658 adult male, 50 sub adult and 112 juvenile and calf. The adult male: adult female was 1:1.39. The ratio between adult female: juvenile and calf was 1: 0.12 and the recruitment rate was 7.12%. The elephant had active time all day determined by time recorded on each picture nevertheless the animal had the most active time during 18.00-20.00 pm followed by the period of 10.00-12.00 am and 02.00-04.00 am respectively. The elephant used the mixed deciduous forest more than the dry evergreen forest determined by the number of picture present in the mixed deciduous more than the evergreen forests. Four hundred and forty six forage species of the animal in the wildlife sanctuary were identified. The suitable area for elephant population within the sanctuary covered 30% of the 1,078.96 km2 of the area of sanctuary approximately. While the suitable area outside of the sanctuary within 30 km radius from the wildlife sanctuary boundary that covered an area of 7,677.43 km2 found the suitable area of 1,659.71 km2. In the case of effective of the elephant-proof trench that was the main tool for protection the elephant go outside studied in northern part of the sanctuary, 77 km along the proof trend found 521 times of the elephant footprints that index the elephant went outside that correlate with cassava directly and the other agricultural plant outside. Whereas the result of large mammal presented along 26 km of the elephant-proof trench in Bo Thong District, Chon Buri Province found at least 5 mammal species. The result reflected that the trend had effective to protect the animal went outside determined by the number of signs of all animal compared between inside and out site significantly. Thus the selection of agricultural crop within the area surrounding the sanctuary were the main point to mitigation human and elephant conflict problem of the area especially near the elephant-proof trench from cassava to be teak plantation, community forest, bamboo or chili plantation. The correlation coefficient between changes of 13 categories agricultural area and change in the time of the elephant went outside based on 2011 and 2015 land use types showed very little correlation (r=0.03), pointed out that the number of elephant went outside did not correlated with the change of size and several types of agricultural crop both data combined and separated by season. Nevertheless number of elephant roamed outside in very type of crop had increased dramatically between 95-100% compared between the year of 2011 and 2015. The result also showed the risk area by the wild elephant within the 30 km radius from the KhaoAngRuaNai Wildlife Sanctuary boundary that should be used to determine for mitigate the further conflict. Recommendations for further study and management to solve problem based on this studies were proposed. Key words: Ecology, Human and elephant conflict, KhaoAng Rue Nai Wildlife Sanctuary
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
คำสำคัญ: เขาอ่างฤาไน
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การศึกษานิเวศวิทยาเพื่อแก้ไขความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่า บริเวณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน จังหวัดฉะเชิงเทรา
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
30 กันยายน 2559
นิเวศวิทยา ประชากร และแนวทางในการแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างช้างป่า (Elephas maximus) และชาวบ้าน ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง จังหวัดเลย การศึกษานิเวศวิทยาเพื่อแก้ไขความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่า บริเวณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน จังหวัดฉะเชิงเทรา ผลกระทบทางนิเวศวิทยาของกิจกรรมมนุษย์ต่อการกระจายและนิเวศวิทยาของวัวแดง (Bos javanicus) กระทิง (Bos gaurus) และช้างป่า (Elephant maximus) ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ การศึกษาความชุกและปัจจัยเสี่ยงของโรคแท้งติดต่อในสัตว์เคี้ยวเอื้องที่เลี้ยงบริเวณเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จ. กาญจนบุรี การศึกษานิเวศวิทยาเพื่อแก้ปัญหาช้างป่าบริเวณเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว จังหวัดหนองคาย เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จังหวัดกาญจนบุรี และอุทยานแห่งชาติกุยบุรี จังหวัดเพชรบุรี โครงการจัดตั้งแปลงศึกษาวิจัยนิเวศวิทยาป่าไม้เพื่อการติดตามการเปลี่ยนแปลงประชากรนกป่าอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ป่าดิบแล้งและป่าเบญจพรรณ ณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง (ระยะที่ 2) การศึกษาสังคมของสัตว์กลุ่มไก่ฟ้า ณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง: นิเวศวิทยา พฤติกรรมการสืบพันธุ์ การเลือกใช้ถิ่นที่อยู่อาศัย และการซ้อนทับกันของความต้องการทาง นิเวศวิทยาในสัตว์กลุ่มไก่ฟ้าแต่ละชนิด การศึกษาสังคมของสัตว์กลุ่มไก่ฟ้า ณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง: นิเวศวิทยา พฤติกรรมการสืบพันธุ์ การเลือกใช้ถิ่นที่อยู่อาศัย และการซ้อนทับกันของความต้องการทางนิเวศวิทยาในสัตว์กลุ่มไก่ฟ้าแต่ละชนิด การศึกษาสังคมของสัตว์กลุ่มไก่ฟ้า ณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง: นิเวศวิทยา พฤติกรรมการสืบพันธุ์ การเลือกใช้ถิ่นที่อยู่อาศัย และการซ้อนทับกันของความต้องการทางนิเวศวิทยาในสัตว์กลุ่มไก่ฟ้าแต่ละชนิด การศึกษาประสิทธิภาพของอาหารเสริมสมุนไพรต่อคุณภาพน้ำเชื้อช้างไทย
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก