สืบค้นงานวิจัย
ผลกระทบของเพอร์มีทรินต่อสัตว์ขาปล้องขนาดเล็กในดินเกษตร
Nantaporn Sumanothum - มหาวิทยาลัยมหิดล
ชื่อเรื่อง: ผลกระทบของเพอร์มีทรินต่อสัตว์ขาปล้องขนาดเล็กในดินเกษตร
ชื่อเรื่อง (EN): Effects of permethrin on non-target microarthropods in agricultural soil
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Nantaporn Sumanothum
บทคัดย่อ: สัตว์ขาปล้องขนาดเล็กในดินมีบทบาทสำคัญอย่างมากในระบบนิเวศโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการรักษาความอุดม สมบูรณ์ของดินทั้งทางตรงโดยการย่อยสลายอินทรียวัตถุหรือทางอ้อมโดยการปล่อยสารอาหารที่สำคัญสำหรับพืช ในที่ พื้นเกษตรกรรมที่มีการใช้ยาฆ่าแมลงเป็นประจำอาจเกิดผลกระทบต่อสัตว์ขาปล้องเหล่านี้ซึ่งไม่ใช่แมลงเป้าหมายได้ งานวิจัยนี้จึงมุ่งศึกษาผลของการใช้เพอร์มีทรินต่อสัตว์ขาปล้องขนาดเล็กในดินในพื้นที่ศาลายา จังหวัดนครปฐม เพอร์มีท รินจัดเป็นไพรีทรอยด์สังเคราะห์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการกำจัดแมลงศัตรูพืชในกลุ่มกะหล่ำ (วงศ์ Brassicaceae) ศัตรู ที่สำคัญได้แก่ หนอนใยผัก หนอนกระทู้ผักและหนอนเจาะกะหล่ำ พืชที่ใช้ในการทดลองคือคะน้า (Brassica oleracea L. var alboglabra Bailey) ซึ่งปลูกในช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายน 2548 และช่วงเดือนตุลาคมถึงธันวาคม 2548 ดินในพื้นที่ ทำการทดลองเป็นชนิด sandy loam มี pH 7.7 ถึง 7.8 การใช้เพอร์มีทรินทำตามคำแนะนำที่ระบุไว้และทำการฉีดพ่นทุกๆ 15 วัน และเก็บตัวอย่างดินหลังจากฉีดพ่นเพอร์มีทริน 1 วันและ 14 วันเพื่อนำมาวิเคราะห์หาสารตกค้างในดินโดยใช้แก๊ส โครมาโทกราฟี (GC-ECD) และสกัดหาสัตว์ขาปล้องขนาดเล็กโดยใช้ Berlese-Tullgren funnel และรักษาสภาพใน 70 % เอธิลแอลกอฮอล์ เพื่อบันทึกจำนวนและวินิจฉัยทางอนุกรมวิธาน หลังจากเก็บเกี่ยวจึงเปรียบเทียบผลผลิตในรูปของ ปริมาณใบที่ถูกศัตรูพืชทำลาย รวมทั้งค่าน้ำหนักสดและน้ำหนักแห้งระหว่างกลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลอง ทำการทดลอง ทั้งหมด 3 ซ้ำ พบว่าจำนวนอันดับ วงศ์ และชนิดของสัตว์ขาปล้องขนาดเล็กในแปลงที่ไม่ใช้เพอร์มีทรินมีจำนวนสูงกว่า แปลงที่ใช้สารอย่างมีนัยสำคัญในทั้ง 2 ช่วงการทดลอง (ค่า Shannon-Weiner index = 2.840 และ 1.681 ตามลำดับ) แมลง หางดีดและไรเป็นกลุ่มที่พบมากที่สุดทั้งแปลงควบคุมและแปลงที่ใช้สาร โดยแมลงหางดีดมีความหนาแน่นสูงสุดในช่วง เดือนเมษายนถึงมิถุนายน ซึ่งดินมีความชื้นสูง โดยมีวงศ์ Isotomidae มีความหนาแน่นมากที่สุด (160400 ตัว / ม2) กลุ่มสัตว์ ขาปล้องที่มีความหนาแน่นลดลงอย่างมีนัยสำคัญหลังจากใช้เพอร์มีทรินในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน ได้แก่ แมลงหางดีด วงศ์ Entomobryidae ไรวงศ์ Dermenyssidae และ Macronyssidae และตะขาบฝอยในคลาส Symphyla ส่วนในช่วงเดือน ตุลาคม-ธันวาคม ได้แก่ แมลงหางดีดวงศ์ Isotomidae และไรวงศ์ Pseudocheylidae ผลที่ได้แตกต่างกันใน 2 ช่วงการ ทดลองนี้อาจเนื่องจากอิทธิพลของอุณหภูมิและความชื้นในดินที่ต่างกัน นอกจากนี้แก๊สโครมาโทรแกรมยังแสดงให้เห็นว่า สารเพอร์มีทรินตกค้างในดิน 1 วันหลังจากการฉีดพ่น มีปริมาณสูงกว่า 14 วันต่อมาอย่างมีนัยสำคัญ แสดงว่ามีการสลายตัว ของสารและน่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้พบว่าความหนาแน่นและความหลากหลายของสัตว์ขาปล้องในดินที่เก็บหลังจากฉีด พ่น 1 วันสูงกว่าในดินที่เก็บ 14 วันต่อมา ส่วนผลผลิตของคะน้าเมื่อพิจารณาจากน้ำหนักสดและน้ำหนักแห้งทำให้สรุปได้ ว่าเพอร์มีทรินน่าจะมีส่วนช่วยกำจัดศัตรูพืช เพราะผลผลิตในแปลงที่ใช้สารสูงกว่าในแปลงที่ไม่ใช้สาร และยังพบว่า ผลผลิตในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคมสูงกว่าในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายนอย่างมีนัยสำคัญ ผลของงานวิจัยนี้แสดงให้เห็น แนวโน้มว่าเพอร์มีทรินมีผลให้ความหนาแน่นและความหลากหลายของประชากรสัตว์ขาปล้องในดินลดลง แต่ภายใน ช่วงเวลาประมาณ 2 สัปดาห์เมื่อสารสลายตัวไปส่วนหนึ่ง สัตว์เหล่านี้ก็สามารถค่อยๆฟื้นตัวได้ ถ้าไม่มีการฉีดพ่นซ้ำ
บทคัดย่อ (EN): Soil microarthropods play a very important role in regulating the dynamics of soil process and maintaining soil fertility either directly by degradation of organic matter or indirectly by excreting disposal materials that could serve as plant nutrients. In this investigation, the effects of permethrin applications on non-target soil microarthropods were studied in the field at Salaya, Nakhonpathom province in central Thailand. Permethrin is a synthetic pyrethroid widely used in the management of diamondback moth (Plutella xylostella L.), common cutworm (Spodoptera litura) and cabbage looper (Trichoplusia ni) which are pests of Brassica spp. Chinese kale (Brassica oleracea L. var alboglabra Bailey) were sown and cultivated during April to June 2005 (wet period) and October to December 2005 (dry period). Soil of the control and the treated plots were sandy loam (pH 7.7 and 7.8, respectively). Permethrin (25 % EC) was used at recommended dosage. The soil samples were collected at day 1 and day 14 (one day and 14 days after permethrin application) for analysis. Gas chromatography with electron capture detector was used to determine the permethrin residue. The samples were also processed in Berlese-Tullgren funnels for the extraction of microarthropods. The collected mesofauna were preserved in 70 % ethanol, sorted into different groups and counted. Soil properties including moisture content, pH and temperature were recorded. Leaf injury and crop yield were estimated at the end of cultivation periods. It was found that, based on the Shannon-Weiner index, the numbers of soil microarthropod orders, families and species were significantly higher in the control than in the treated. Permethrin applications had negative effects on the diversity of soil microarthropods as well since significantly higher diversity were found in controls than in the treated in both periods. Springtails and mites were the dominant groups in the experimental plots while springtails were most abundant during wet period. The density of members in family Isotomidae was highest among all springtails. The taxa significantly affected were springtails in the family Entomobryidae and mites in the families Dermanyssidae and Macronyssidae as well as symphylans in wet period whereas springtails of family Isotomidae and mites of family Pseudocheylidae were affected in dry period. The results suggested that the impacts of permethrin on non-target soil microarthropods under field conditions varied among families. Permethrin residues were significantly higher after day 1 than day 14 and corresponded to the decline of the density and diversity of soil microarthropods. The soil moisture content and temperature could influence the soil microarthropod community structure as well. Fresh weight and dry weight were significantly higher in the treated than in the control. The number of injured leaves and crop yield in dry period were higher than those in wet period.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: http://dcms.thailis.or.th/dcms/dccheck.php?Int_code=126&RecId=3670&obj_id=3506
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยมหิดล
คำสำคัญ (EN): Soil ecology
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยมหิดล
รายละเอียด: สัตว์ขาปล้องขนาดเล็กในดินมีบทบาทสำคัญอย่างมากในระบบนิเวศโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการรักษาความอุดม สมบูรณ์ของดินทั้งทางตรงโดยการย่อยสลายอินทรียวัตถุหรือทางอ้อมโดยการปล่อยสารอาหารที่สำคัญสำหรับพืช ในที่ พื้นเกษตรกรรมที่มีการใช้ยาฆ่าแมลงเป็นประจำอาจเกิดผลกระทบต่อสัตว์ขาปล้องเหล่านี้ซึ่งไม่ใช่แมลงเป้าหมายได้ งานวิจัยนี้จึงมุ่งศึกษาผลของการใช้เพอร์มีทรินต่อสัตว์ขาปล้องขนาดเล็กในดินในพื้นที่ศาลายา จังหวัดนครปฐม เพอร์มีท รินจัดเป็นไพรีทรอยด์สังเคราะห์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการกำจัดแมลงศัตรูพืชในกลุ่มกะหล่ำ (วงศ์ Brassicaceae) ศัตรู ที่สำคัญได้แก่ หนอนใยผัก หนอนกระทู้ผักและหนอนเจาะกะหล่ำ พืชที่ใช้ในการทดลองคือคะน้า (Brassica oleracea L. var alboglabra Bailey) ซึ่งปลูกในช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายน 2548 และช่วงเดือนตุลาคมถึงธันวาคม 2548 ดินในพื้นที่ ทำการทดลองเป็นชนิด sandy loam มี pH 7.7 ถึง 7.8 การใช้เพอร์มีทรินทำตามคำแนะนำที่ระบุไว้และทำการฉีดพ่นทุกๆ 15 วัน และเก็บตัวอย่างดินหลังจากฉีดพ่นเพอร์มีทริน 1 วันและ 14 วันเพื่อนำมาวิเคราะห์หาสารตกค้างในดินโดยใช้แก๊ส โครมาโทกราฟี (GC-ECD) และสกัดหาสัตว์ขาปล้องขนาดเล็กโดยใช้ Berlese-Tullgren funnel และรักษาสภาพใน 70 % เอธิลแอลกอฮอล์ เพื่อบันทึกจำนวนและวินิจฉัยทางอนุกรมวิธาน หลังจากเก็บเกี่ยวจึงเปรียบเทียบผลผลิตในรูปของ ปริมาณใบที่ถูกศัตรูพืชทำลาย รวมทั้งค่าน้ำหนักสดและน้ำหนักแห้งระหว่างกลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลอง ทำการทดลอง ทั้งหมด 3 ซ้ำ พบว่าจำนวนอันดับ วงศ์ และชนิดของสัตว์ขาปล้องขนาดเล็กในแปลงที่ไม่ใช้เพอร์มีทรินมีจำนวนสูงกว่า แปลงที่ใช้สารอย่างมีนัยสำคัญในทั้ง 2 ช่วงการทดลอง (ค่า Shannon-Weiner index = 2.840 และ 1.681 ตามลำดับ) แมลง หางดีดและไรเป็นกลุ่มที่พบมากที่สุดทั้งแปลงควบคุมและแปลงที่ใช้สาร โดยแมลงหางดีดมีความหนาแน่นสูงสุดในช่วง เดือนเมษายนถึงมิถุนายน ซึ่งดินมีความชื้นสูง โดยมีวงศ์ Isotomidae มีความหนาแน่นมากที่สุด (160400 ตัว / ม2) กลุ่มสัตว์ ขาปล้องที่มีความหนาแน่นลดลงอย่างมีนัยสำคัญหลังจากใช้เพอร์มีทรินในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน ได้แก่ แมลงหางดีด วงศ์ Entomobryidae ไรวงศ์ Dermenyssidae และ Macronyssidae และตะขาบฝอยในคลาส Symphyla ส่วนในช่วงเดือน ตุลาคม-ธันวาคม ได้แก่ แมลงหางดีดวงศ์ Isotomidae และไรวงศ์ Pseudocheylidae ผลที่ได้แตกต่างกันใน 2 ช่วงการ ทดลองนี้อาจเนื่องจากอิทธิพลของอุณหภูมิและความชื้นในดินที่ต่างกัน นอกจากนี้แก๊สโครมาโทรแกรมยังแสดงให้เห็นว่า สารเพอร์มีทรินตกค้างในดิน 1 วันหลังจากการฉีดพ่น มีปริมาณสูงกว่า 14 วันต่อมาอย่างมีนัยสำคัญ แสดงว่ามีการสลายตัว ของสารและน่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้พบว่าความหนาแน่นและความหลากหลายของสัตว์ขาปล้องในดินที่เก็บหลังจากฉีด พ่น 1 วันสูงกว่าในดินที่เก็บ 14 วันต่อมา ส่วนผลผลิตของคะน้าเมื่อพิจารณาจากน้ำหนักสดและน้ำหนักแห้งทำให้สรุปได้ ว่าเพอร์มีทรินน่าจะมีส่วนช่วยกำจัดศัตรูพืช เพราะผลผลิตในแปลงที่ใช้สารสูงกว่าในแปลงที่ไม่ใช้สาร และยังพบว่า ผลผลิตในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคมสูงกว่าในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายนอย่างมีนัยสำคัญ ผลของงานวิจัยนี้แสดงให้เห็น แนวโน้มว่าเพอร์มีทรินมีผลให้ความหนาแน่นและความหลากหลายของประชากรสัตว์ขาปล้องในดินลดลง แต่ภายใน ช่วงเวลาประมาณ 2 สัปดาห์เมื่อสารสลายตัวไปส่วนหนึ่ง สัตว์เหล่านี้ก็สามารถค่อยๆฟื้นตัวได้ ถ้าไม่มีการฉีดพ่นซ้ำ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ผลกระทบของเพอร์มีทรินต่อสัตว์ขาปล้องขนาดเล็กในดินเกษตร
Nantaporn Sumanothum
มหาวิทยาลัยมหิดล
2550
ความหลากหลายของสัตว์ขาปล้องขนาดเล็กในดินในพื้นที่ป่าธรรมชาติและป่าที่ถูกรบกวน แบคทีเรีย Wolbachia ของกลุ่มสัตว์ขาปล้อง : ความสัมพันธ์ทางวิวัฒนาการ ปริมาณความหนาแน่นสัมพัทธ์และผลกระทบต่อสัตว์ให้อาศัย สถานภาพ, ความหลากหลายและความชุกชุมสัมพัทธ์ของสัตว์กินเนื้อขนาดเล็กและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่น ๆ สัตว์ทะเลหน้าดินขนาดใหญ่บริเวณป่าชายเลนบ้านคลองโคน จังหวัดสมุทรสงคราม การใช้สารฆ่าศัตรูพืชและสัตว์ในการผลิตกะหล่ำปลีและผลกระทบที่มีต่อดินและเกษตรกร ปัญหาและอุปสรรคในการประกอบธุรกิจของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดเล็กในจังหวัดชลบุรี ความคาดหวังของสมาชิกในบริการทางธุรกิจของสหกรณ์การเกษตร : ศึกษากรณีสหกรณ์การเกษตรขนาดใหญ่มาก ขนาดใหญ่ในจังหวัดฉะเชิงเทรา ประสิทธิผลของกลุ่มการเงินขนาดเล็กในการสนับสนุนการผลิตและความเป็นอยู่ของครัวเรือนเกษตรในภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย การประเมินผลโครงการชลประทานขนาดเล็ก จังหวัดจันทบุรี สังคมสัตว์ทะเลหน้าดินขนาดใหญ่บนหาดทรายบริเวณภาคตะวันออกของประเทศไทย
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก