สืบค้นงานวิจัย
ผลของสารฆ่าราบางชนิดต่อการยับยั้งการเจริญของเชื้อ Colletotrichum gloeosporioides สาเหตุโรคหอมเลื้อย
จรรยาภรณ์ ภูคัง - มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ชื่อเรื่อง: ผลของสารฆ่าราบางชนิดต่อการยับยั้งการเจริญของเชื้อ Colletotrichum gloeosporioides สาเหตุโรคหอมเลื้อย
ชื่อเรื่อง (EN): Effects of some Fungicides on Growth Inhibition of Colletotrichum gloeosporioides, Causal Agent of Onion Twister Disease
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: จรรยาภรณ์ ภูคัง
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ (EN): Janyaporn Phukang
บทคัดย่อ: จากการเก็บตัวอย่างโรคหอมเลื้อยของหอมแดง และหอมหัวใหญ่ จากพื้นที่เพาะปลูกในจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดลำพูน จำนวน 5 พื้นที่ มาแยกเชื้อสาเหตุด้วยวิธีการแยกเชื้อจากชิ้นพืช พบเชื้อรา Colletotrichum gloeosporioides จำนวน 5 ไอโซเลท มีลักษณะโคโลนีสีขาวจนถึงสีเทา สร้างกลุ่มสปอร์สีส้มอ่อนตรงกลางโคโลนีเป็นวงซ้อนกันหลายชั้น หลังเลี้ยงบนอาหาร potato dextrose agar (PDA) เป็นเวลา 7-9 วัน เส้นใยใสไม่มีสี มีผนังกั้น conidia เป็นรูปทรงกระบอก หัวและท้ายมน มีเซลล์เดียว เมื่อทดสอบความสามารถในการก่อให้เกิดโรค พบว่า ต้นกล้าหอมแดงที่ผ่านการปลูกเชื้อทั้ง 5 ไอโซเลท เกิดแผลที่ใบและแสดงอาการใบเลื้อยเป็นจำนวนมาก เมื่อเปรียบเทียบกับชุดควบคุม โดยไอโซเลท 2, 3 และ 4 แสดงอาการของโรครุนแรงที่สุด เมื่อทดสอบประสิทธิภาพของสารฆ่าราจำนวน 6 ชนิด คือ carbendazim, azoxystrobin, difenoconazole, azoxystrobin ผสม difenoconazole, maneb และ mancozeb ด้วยวิธีผสมลงในอาหารเลี้ยงเชื้อ PDA ที่ระดับความเข้มข้นต่าง ๆ ได้แก่ ความเข้มข้นตามอัตราแนะนำ, 1 ใน 2 ของอัตราแนะนำ, 1 ใน 4 ของอัตราแนะนำ และ 1 ใน 8 ของอัตราแนะนำ พบว่า สารฆ่ารา carbendazim ที่ทุกความเข้มข้น มีประสิทธิภาพสูงสุดในการยับยั้งการเจริญของเชื้อรา โดยมีเปอร์เซ็นต์การยับยั้งเท่ากับ 100%, ในทุกระดับความเข้มข้น ซึ่งแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเมื่อเปรียบเทียบกับสารฆ่าราที่มีประสิทธิภาพต่ำสุดในการยับยั้งการเจริญของเชื้อรา คือ mancozeb โดยมีเปอร์เซ็นต์การยับยั้งเท่ากับ 19.33, 18.56, 14.33 และ 12.67% ตามลำดับ และจากการทดสอบประสิทธิภาพของสารฆ่าราทั้ง 6 ชนิด ที่ระดับความเข้มข้นข้างต้น โดยแช่ก้อนเชื้อรา C. gloeosporioides ในสารฆ่ารา พบว่า สาร carbendazim ทุกความเข้มข้น มีประสิทธิภาพสูงสุดในการยับยั้งการเจริญของเชื้อราเช่นกัน โดยมีเปอร์เซ็นต์การยับยั้งเฉลี่ยเท่ากับ 100.00, 100.00, 100.00 และ 90.00 % ตามลำดับ ซึ่งแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเมื่อเปรียบเทียบกับสารฆ่าราที่มีประสิทธิภาพต่ำสุดในการยับยั้งการเจริญของเชื้อรา คือ maneb โดยมีเปอร์เซ็นต์การยับยั้งเฉลี่ยที่ 2.78, 1.39, 1.39 และ 0.00% ตามลำดับ
บทคัดย่อ (EN): Leaf twister diseased of shallot and onion were collected from 5 plantation areas in Chiang Mai and Lamphun provinces. The causative pathogen was isolated by tissue transplanting technique. Five isolates of Colletotrichum gloeosporioides exhibited white to gray colony color and light orange color of spore mass were found as concentric ring in the middle of the colonies after cultured on potato dextrose agar (PDA) for 7-9 days. Slide cultures of the fungal morphological studies revealed hyaline-septate hyphae and conidia were cylindrical with both rounded apices and single cell. The pathogenicity tests conducted on shallot seedlings showed severe symptoms of more lesions and twisted leaves numbers after inoculation with the isolates 2, 3 and 4 when comparing with the control trials. Six fungicides including carbendazim, azoxystrobin, difenoconazole, azoxystrobin mixed with difenoconazole, maneb and mancozeb were used in testing of fungicide efficacy. Each fungicide was mixed into PDA medium at different concentrations, including the concentration of the recommended rate, 1/2 of recommended rate, 1/4 of recommended rate and 1/8 of recommended rate. The results showed that carbendazim, at all concentrations, exhibited the most effective in inhibiting the growth of fungi at 100% inhibition. The inhibition was statistically significant different in all concentrations when compared to mancozeb, with the lowest efficiency in inhibiting the growth of the fungus at inhibition percentages of 19.33, 18.56, 14.33 and 12.67, respectively. In addition, the result of the soaking C. gloeosporioides culture disc in each fungicides at different concentrations showed that all concentrations of carbendazim inhibited the growth of the fungus with the inhibition percentages of 100.00, 100.00, 100.00 and 90.00, respectively, and the differences were statistically significant when compared to maneb, the fungicide with the lowest efficiency in inhibiting the growth of fungi at inhibition percentages of 2.78, 1.39, 1.39 and 0.00, respectively.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เอกสารแนบ: https://li01.tci-thaijo.org/index.php/joacmu/article/view/245558/167867
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
คำสำคัญ: สารฆ่ารา
คำสำคัญ (EN): fungicid
เจ้าของลิขสิทธิ์: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
ผลของสารฆ่าราบางชนิดต่อการยับยั้งการเจริญของเชื้อ Colletotrichum gloeosporioides สาเหตุโรคหอมเลื้อย
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
2559
Colletotrichum gloeosporioides สาเหตุของโรคหอมเลื้อย การติดตามตรวจสอบสารกลุ่มโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอนในอากาศริมถนนโดยใช้ใบไม้ในเขตจังหวัดนนทบุรี 003 ลักษณะของเชื้อรา Colletotrichum gloeosporioides ที่ต้านทานสารคาร์เบนดาซิม 004 ประสิทธิภาพของน้ำส้มควันไม้จากต้นยูคาลิปตัสและสะเดาในการควบคุมเชื้อรา Colletotrichum gloeosporioides สารสกัดจากเห็ดและประสิทธิภาพในการยับยั้งการเจริญของเชื้อราสาเหตุโรคพืชและแบคทีเรียบางชนิด ประสิทธิภาพของน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ สารละลายกรด lauric สาร monolaurin และกรด lactic ต่อการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อ Listeria monocytogenes บนเนื้อสุกรสด เชื้อราเอนโดไฟท์จากพื้นที่ชายฝั่ง อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี: กิจกรรมการควบคุมการเจริญของเชื้อราที่สร้างสารไมโคทอกซิน ผลของเชื้อแอกติโนไมซีสจากดินต่อการเจริญของเชื้อรา Colletotrichum gloeosporioides สาเหตุโรคแอนแทรคโนสของสตรอว์เบอร์รีที่ต้านทานต่อคาร์เบนดาซิม ยีสต์สปีชีส์ใหม่จากหญ้าแฝกและความสามารถในการยับยั้งราสาเหตุโรคพืชเศรษฐกิจของยสต์ที่แยกจากหญ้าแฝก ผลของรา วี-เอ ไมโคไรซ่าต่อการเจริญเติบโตของหน่อไม้ฝรั่ง
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก