สืบค้นงานวิจัย
การพัฒนาการทำนาข้าวอินทรีย์ชุมชนตำบลโคกโคเฒ่า อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี
ยุธยา อยู่เย็น - มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
ชื่อเรื่อง: การพัฒนาการทำนาข้าวอินทรีย์ชุมชนตำบลโคกโคเฒ่า อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี
ชื่อเรื่อง (EN): Development of Organic Rice Agriculture in Khokkhotao Subdistrict Community, Muang District, Suphanburi Province
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: ยุธยา อยู่เย็น
บทคัดย่อ: การศึกษาค้นคว้าในครั้งนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหาและความต้องการใน การพัฒนาการทำนาข้าวอินทรีย์ของชุมชนโคกโคเฒ่า อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี และเพื่อพัฒนา กระบวนการในการทำนาข้าวอินทรีย์ในพื้นที่ตำบลโคกโคเฒ่า ตามกระบวนการทำนาข้าวอินทรีย์ 3 ขั้นตอนคือ ขั้นตอนที่ 1 การปลูกข้าว การจัดการดินและน้ำ ขั้นตอนที่ 2 การป้องกันและจำกัด ศัตรูพืช และขั้นตอนที่ 3 การเก็บเกี่ยวและการจัดการหลังการเก็บเกี่ยว โดยใช้หลักการวิจัยเชิง ปฏิบัติการซึ่งประกอบด้วย 4 ขั้นตอนที่สำคัญคือ การวางแผน (P) การปฏิบัติการ (A) การสังเกต (O) และการสะท้อนผล (R โดยแบ่งกลยุทธ์ในการพัฒนาออกเป็น 2วงรอบ คือ วงรอบที่ 1 ได้แก่ การศึกษาดูงานและการนิเทศติดตาม วงรอบที่ 2 ได้แก่ การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ การมอบหมาย งานและการนิเทศติดตาม ผู้เกี่ยวข้องในโครงการวิจัยประกอบด้วย 3 กลุ่มดังนี้ กลุ่มที่ 1 กลุ่มผู้วิจัย ได้แก่ หัวหน้าโครงการและทีมวิจัย จำนวน 8 คน กลุ่มที่ 2 กลุ่มผู้ร่วมวิจัย ได้แก่ เกษตรกรในพื้นที่ ตำบลโคกโคเฒ่า จำนวน 43 คน และกลุ่มที่ 3คือ กลุ่มผู้ห้ข้อมูลเพิ่มเติม ได้แก่ วิทยากรและ เกษตรกรผู้ประสบความสำเร็จในการทำนาข้าวอินทรีย์ (The best practice) จำนวน 2 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลมี 5 ประเภท ได้แก่ แบบทดสอบ แบบประเมิน แบบสังเกต แบบสัมภาษณ์และแบบสอบถามความพึงพอใจ ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลจากการดำเนินกิจกรรม แล้วนำข้อมูลมาตรวจสอบโดยใช้หลักการสามเส้า (Triangulation) จากนั้นเสนอผลการวิเคราะห์ ข้อมูลโดยวิธีการพรรณนา ผลการศึกษาค้นคว้าพบว่า รูปแบบการทำนาในปัจจุบันของเกษตรกรในชุมชนตำบลโคกโค เฒ่า ส่วนใหญ่เป็นการทำนาโดยใช้สารเคมีเพื่อบำรุงดินและป้องกันกำจัดศัตรูพืชเป็นหลัก ส่งผลให้ เกิดปัญหาทางด้านสุขภาพ สิ่งแวดล้อมและเพิ่มต้นทุนในการผลิต ซึ่งกลุ่มผู้ร่วมวิจัยทุกคนมีความ ตระหนักถึงปัญหาและต้องการที่จะให้มีการพัฒนาการทำนาข้าวอินทรีย์ในชุมชนของตนเอง แต่ยังไม่ มีความมั่นใจที่จะลงมือปฏิบัติจริง เนื่องจากมีความกังวลเรื่องปัญหาการคุมหญ้า แมลงศัตรูพืช และ ความไม่มั่นใจเรื่องผลผลิตที่จะได้รับ ก่อนดำเนินการพัฒนาการทำนาข้าวอินทรีย์ชุมชนตำบลโคกโค เฒ่า อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี กลุ่มผู้ร่วมวิจัยส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ความเข้าใจและไม่สามารถ ทำนาข้าวอินทรีย์ได้ กลุ่มผู้วิจัยจึงได้ดำเนินการพัฒนาในวงรอบที่ 1 โดยใช้กลยุทธ์ในการพัฒนาคือ การศึกษาดูงานและการนิเทศติดตาม ผลจากการดำเนินงานในวงรอบที่ 1 พบว่า กลุ่มผู้ร่วมวิจัยเกิด ความตื่นตัวในการทำนาข้าวอินทรีย์ และมีแนวคิดที่จะทำนาข้าวอินทรีย์ แต่ยังมีประเด็นปัญหาคือ กลุ่มผู้ร่วมวิจัยส่วนใหญ่ยังไม่เคยมีความรู้และประสบกรณ์ในการทำนาข้าวอินทรีย์มาก่อน และไม่มี ผู้ให้คำแนะนำ จึงทำให้ขาดความมั่นใจในการลงมือปฏิบัติ เนื่องจากมีความกังวลว่าทำแล้วจะได้ ผลผลิตน้อยหรือไม่ หากต้องการจะทำนาข้าวอินทรีย์ต้องเริ่มต้นจากขั้นตอนใดก่อนหลัง จากปัญหา ดังกล่าวจึงได้ดำเนินการพัฒนาในวงรอบที่ 2โดยใช้กลยุทธ์ในการพัฒนาคือ การฝึกอบรมเชิง ปฏิบัติการ การมอบหมายงานและการนิเทศติดตาม ผลจากการดำเนินการพัฒนาในวงรอบที่ 2 พบว่า กลุ่มผู้ร่วมวิจัยมีความรู้ความสามารถในการทำนาข้าวอินทรีย์ในแต่ละขั้นตอนได้เป็นอย่างดี สามารถ ทำนาข้าวอินทรีย์ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมและมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น กล่าวโดยสรุป การพัฒนาการทำนาข้าวอินทรีย์ชุมชนตำบลโคกโคเฒ่า อำเภอเมือง จังหวัด สุพรรณบุรี โดยใช้กลยุทธ์ในการพัฒนา 2 วงรอบ คือ วงรอบที่ 1 ได้แก่ การศึกษาดูงานและการนิเทศ ติดตาม วงรอบที่ 2 ได้แก่ กรฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ การมอบหมายงานและการนิเทศติดตาม พบว่าเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสม เนื่องจากสามารถช่วยพัฒนากลุ่มผู้ร่วมวิจัยให้มีความรู้ความเข้าใจใน การทำนาข้าวอินทรีย์มากยิ่งขึ้น สามารถนำความรู้ที่ได้ไปปฏิบัติได้ด้วยตนเอง มีความมั่นใจในทำนา ข้าวอินทรีย์มากยิ่งขึ้น ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงควรทำการส่งเสริมให้มีการพัฒนาการทำนาข้าว อินทรีย์ชุมชนตำบลโคกโคเฒ่ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกษตรกรสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปพัฒนาการ ทำนาข้าวอินทรีย์ของชุมชนและใช้แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับการนาข้าวอินทรีย์ของตัวเองหรือเพื่อน เกษตรกรในชุมชนต่อไป
บทคัดย่อ (EN): The aims of this study were to study the current conditions, problems and needs to develop the organic rice agriculture in Khokkhotao Subdistrict, Muang District, Suphanburi province and to develop processes for organic rice agriculture in Khokkhotao Subdistrict, which following 3 steps of organic rice agriculture process that is: step 1: rice cultivation, soil and water management. Step 2: rice protection and pest eradication and step 3: harvest and post harvest management. This study used an action research, which consists of 4 major steps i.e. Planning (P), Action (A), Observation (O) and Reflection (R). There were many strategies in 2 development cycle i.e. the strategies of the first cycle were to educational training and follow-up supervision and the strategies of the second cycle were to workshop, delegation and follow-up supervision. Involved in the study consisted of 3 groups as follows: group 1 is the research team (8 people), group 2 is the farmers in Khokkhotao Subdistrict (43 people) and group 3 is 1 lecturer and 2 best practice farmers in organic rice agriculture. There were 5 instrument used in data collection i.e. test, evaluation form, observation form, interview form and satisfaction questionnaires. Data were collected from the activities and the information was verified by using the triangular principle. Data were analyzed and presented by descriptive data. The study found that most farmers in Khokkhotao Subdistrict use chemicals to soil and pesticides, which cause health problems, environment problems and increase the cost of production as well. The farmers in Khokkhotao Subdistrict are aware of the problem and would like to make the development of organic rice agriculture in their communities but has no confidence to implement because they concerns about the problem of insect pest control, grass control and productivity gain. Before development of organic rice agriculture in Khokkhotao Subdistrict, the farmers are not well understood and cannot be made organic rice agriculture. Therefore, the research team was developed in the first cycle by using educational training and follow-up supervision strategies. The result showed that the farmers were very interested in organic rice agriculture but do not has the knowledge and experience in organic rice agriculture before and they also has no counselor. Thus, they has no confidence to implement because of them concerns that it would have little or no productivity and they do not know how to make organic rice agriculture. From the problem in the first cycle, the research team was developed in the second cycle by using workshop, delegation and follow-up supervision strategies. The result showed that the famers has expertise in organic rice agriculture in each step, they can be made properly and also has confidence even more. In conclusion, the development of organic rice agriculture in Khokkhotao Subdistrict by using many strategies in 2 development cycles we found that there are the suitable strategies because of those strategies can develop the farmer to more understand about organic rice agriculture. In addition, they can practice on their own and also has confidence to made organic rice agriculture even more. So, relevant organizations should be continuously encouraged to develop of organic rice agriculture in Khokkhotao Subdistrict because the farmers can apply their knowledge to develop organic rice agriculture in their community and will can used their knowledge to solve the problems on their own or will can solve the problems in their community as well.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
คำสำคัญ: จังหวัดสุพรรณบุรี
คำสำคัญ (EN): Suphanburi
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
การพัฒนาการทำนาข้าวอินทรีย์ชุมชนตำบลโคกโคเฒ่า อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี
มหาวิทยาลัยสวนดุสิต
30 กันยายน 2554
ข้าวให้พลังงานผสานคุณค่าอาหาร การวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมเพื่อบูรณาการ การเพิ่มประสิทธิภาพการปลูกข้าวอินทรีย์ของกลุ่มผู้ปลูกข้าวอินทรีย์จังหวัดบุรีรัมย์ กลยุทธ์การพัฒนาวิสาหกิจชุมชนเพื่อการพึ่งตนเอง กรณีศึกษา : วิสาหกิจชุมชนส่งเสริมผลิตข้าวพันธุ์ดีบ้านห้วยหมาก ตำบลโพธิ์พระยา อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี แนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปผักตบชวาของวิสาหกิจชุมชนกลุ่มโครงการเศรษฐกิจชุมชน หมู่ที่ 4 ตำบลกฤษณา อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี อิทธิพลของสินเชื่อเพื่อการเกษตรต่อการยอมรับนวกรรมของเกษตรกรทำกินในที่ดินขนาดเล็กตำบลบ้านโพธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี การศึกษาพฤติกรรมการใช้สารเคมีป้องกันและกำจัดศัตรูพืชของเกษตรกรที่ทำนาข้าวในพื้นที่ลุ่มน้ำท่าจีน (จังหวัดชัยนาทและจังหวัดสุพรรณบุรี) โครงการย่อยที่2 การพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตปุ๋ยหมักจากกากมันสำปะหลังเพื่อเพิ่มคุณภาพผลผลิตข้าวแบบอินทรีย์ ในกลุ่มเกษตรกร รายย่อยของอําเภอปะคำ จังหวัดบุรีรัมย์ การศึกษาถึงการแสวงหาความรู้ทางการเกษตร เพื่อประกอบอาชีพของเกษตรกร ตำบลตลิ่งชัน อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี การศึกษารอยเท้าน้ำของข้าวใน 3 จังหวัด ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี การวิจัยและพัฒนาอุปกรณ์ตรวจวัดอัตราการขัดสีข้าว
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก