สืบค้นงานวิจัย
การปนเปื้อนของไนเตรทในแหล่งน้ำบาดาล พื้นที่ภาคตะวันตก และการประเมินความเสี่ยง
อรรถศิษฐ์ วงศ์มณีโรจน์ - มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ชื่อเรื่อง: การปนเปื้อนของไนเตรทในแหล่งน้ำบาดาล พื้นที่ภาคตะวันตก และการประเมินความเสี่ยง
ชื่อเรื่อง (EN): Nitrate in Groundwater of the Western THAILAND-Assessing the Risk
บทคัดย่อ: ปัจจุบันมีรายงานการปนเปื้อนของไนเตรทในแหล่งน้ำบาดาลหลายภูมิภาคทั่วโลก แต่พบว่าข้อมูลด้านนี้ของประเทศไทยยังมีจำกัด และด้วยเหตุที่การบริโภคน้ำที่ปนเปื้อนไนเตรทมีความเกี่ยวข้องโดยตรงต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน อีกทั้งครัวเรือนในชนบทยังคงมีการใช้น้ำบาดาลและน้ำบ่อตื้นเป็นแหล่งน้ำสำคัญเพื่อการอุปโภคบริโภค การเป็นแหล่งน้ำดิบเพื่อการผลิตประปา และการใช้เพื่อการเกษตรกรรม เป็นต้น ดังนั้น โครงการนี้จึงทำการศึกษาคุณภาพน้ำบาดาลและประเมินการปนเปื้อนของไนเตรทในแหล่งน้ำบาดาลพื้นที่ภาคตะวันตก โดยเลือกจังหวัดนครปฐมและสุพรรณบุรี เป็นพื้นที่ดำเนินการ ในการศึกษา ทำการเก็บตัวอย่างน้ำโดยวิธีสุ่มจากบ่อบาดาลที่กระจายตัวอยู่ในทุกตำบลของพื้นที่ อย่างน้อยตำบลละ 1 บ่อ เพื่อตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำ ทั้งนี้ใช้เครื่องรับสัญญาณดาวเทียมเพื่อบอกพิกัดของจุดเก็บตัวอย่างและเพื่อการแสดงระดับของการปนเปื้อนไนเตรทในแผนที่ภูมิศาสตร์ ผลการประเมินคุณภาพน้ำจากบ่อบาดาลจำนวนทั้งสิ้น 105 บ่อ ในจังหวัดนครปฐม และจำนวน 158 บ่อ ในจังหวัดสุพรรณบุรี พบว่ามีจำนวนบ่อบาดาลที่คุณภาพน้ำไม่เหมาะสมสำหรับการบริโภค คิดเป็นร้อยละ 36 และร้อยละ 72 ตามลำดับ โดยปริมาณไนเตรทสูงสุดที่พบในจังหวัดนครปฐม คือ 10.8 มิลลิกรัม/ลิตร ซึ่งไม่เกินค่ามาตรฐานน้ำบาดาลที่ใช้เพื่อการบริโภค (45 มิลลิกรัม/ลิตร) ขณะที่บ่อบาดาลในจังหวัดสุพรรณบุรีมีปริมาณไนเตรทเกินค่ามาตรฐานฯ ถึงร้อยละ 9 โดยพบการปนเปื้อนไนเตรทสูงสุดที่อำเภอด่านช้าง (163.5 มิลลิกรัม/ลิตร) และอำเภออู่ทอง (159.7 มิลลิกรัม/ลิตร) ตามลำดับ เมื่อประมวลผลจากการสำรวจพื้นที่และแบบสอบถามพบว่าตัวอย่างน้ำที่มีการปนเปื้อนของไนเตรทสูงส่วนมากจะเป็นตัวอย่างน้ำจากบ่อที่มีความลึกไม่เกิน 20 เมตร และตั้งอยู่ในพื้นทำการเกษตร เช่น ไร่อ้อย ข้าวโพด และนาข้าว ซึ่งสอดคล้องกับผลการประเมินปริมาณไนโตรเจนจากภาคการเกษตรที่ปล่อยออกสู่สิ่งแวดล้อมในพื้นที่ โดยคิดเป็นปริมาณมากกว่าร้อยละ 90 จากปริมาณไนโตรเจนทั้งหมด ผลการประเมินความเสี่ยงของไนเตรทในน้ำบาดาล พบว่าจังหวัดนครปฐมมีค่าความเสี่ยง(Hazard Quotient; HQ) 1 ซึ่งค่าความเสี่ยงมากกว่า 1 บ่งชี้ถึงความไม่ปลอดภัยในการใช้น้ำเพื่อการบริโภค ในกรณีนี้ ควรมีมาตรการเพื่อการติดตามและเฝ้าระวังการใช้น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด และควรให้ความรู้รวมถึงคำแนะนำด้านผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยที่ประชาชนอาจจะได้รับหากมีการใช้น้ำเพื่อการบริโภค ปัจจุบันมีรายงานการปนเปื้อนของไนเตรทในแหล่งน้ำบาดาลหลายภูมิภาคทั่วโลก แต่พบว่าข้อมูลด้านนี้ของประเทศไทยยังมีจำกัด และด้วยเหตุที่การบริโภคน้ำที่ปนเปื้อนไนเตรทมีความเกี่ยวข้องโดยตรงต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน อีกทั้งครัวเรือนในชนบทยังคงมีการใช้น้ำบาดาลและน้ำบ่อตื้นเป็นแหล่งน้ำสำคัญเพื่อการอุปโภคบริโภค การเป็นแหล่งน้ำดิบเพื่อการผลิตประปา และการใช้เพื่อการเกษตรกรรม เป็นต้น ดังนั้น โครงการนี้จึงทำการศึกษาคุณภาพน้ำบาดาลและประเมินการปนเปื้อนของไนเตรทในแหล่งน้ำบาดาลพื้นที่ภาคตะวันตก โดยเลือกจังหวัดนครปฐมและสุพรรณบุรี เป็นพื้นที่ดำเนินการ ในการศึกษา ทำการเก็บตัวอย่างน้ำโดยวิธีสุ่มจากบ่อบาดาลที่กระจายตัวอยู่ในทุกตำบลของพื้นที่ อย่างน้อยตำบลละ 1 บ่อ เพื่อตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำ ทั้งนี้ใช้เครื่องรับสัญญาณดาวเทียมเพื่อบอกพิกัดของจุดเก็บตัวอย่างและเพื่อการแสดงระดับของการปนเปื้อนไนเตรทในแผนที่ภูมิศาสตร์ ผลการประเมินคุณภาพน้ำจากบ่อบาดาลจำนวนทั้งสิ้น 105 บ่อ ในจังหวัดนครปฐม และจำนวน 158 บ่อ ในจังหวัดสุพรรณบุรี พบว่ามีจำนวนบ่อบาดาลที่คุณภาพน้ำไม่เหมาะสมสำหรับการบริโภค คิดเป็นร้อยละ 36 และร้อยละ 72 ตามลำดับ โดยปริมาณไนเตรทสูงสุดที่พบในจังหวัดนครปฐม คือ 10.8 มิลลิกรัม/ลิตร ซึ่งไม่เกินค่ามาตรฐานน้ำบาดาลที่ใช้เพื่อการบริโภค (45 มิลลิกรัม/ลิตร) ขณะที่บ่อบาดาลในจังหวัดสุพรรณบุรีมีปริมาณไนเตรทเกินค่ามาตรฐานฯ ถึงร้อยละ 9 โดยพบการปนเปื้อนไนเตรทสูงสุดที่อำเภอด่านช้าง (163.5 มิลลิกรัม/ลิตร) และอำเภออู่ทอง (159.7 มิลลิกรัม/ลิตร) ตามลำดับ เมื่อประมวลผลจากการสำรวจพื้นที่และแบบสอบถามพบว่าตัวอย่างน้ำที่มีการปนเปื้อนของไนเตรทสูงส่วนมากจะเป็นตัวอย่างน้ำจากบ่อที่มีความลึกไม่เกิน 20 เมตร และตั้งอยู่ในพื้นทำการเกษตร เช่น ไร่อ้อย ข้าวโพด และนาข้าว ซึ่งสอดคล้องกับผลการประเมินปริมาณไนโตรเจนจากภาคการเกษตรที่ปล่อยออกสู่สิ่งแวดล้อมในพื้นที่ โดยคิดเป็นปริมาณมากกว่าร้อยละ 90 จากปริมาณไนโตรเจนทั้งหมด ผลการประเมินความเสี่ยงของไนเตรทในน้ำบาดาล พบว่าจังหวัดนครปฐมมีค่าความเสี่ยง(Hazard Quotient; HQ) 1 ซึ่งค่าความเสี่ยงมากกว่า 1 บ่งชี้ถึงความไม่ปลอดภัยในการใช้น้ำเพื่อการบริโภค ในกรณีนี้ ควรมีมาตรการเพื่อการติดตามและเฝ้าระวังการใช้น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด และควรให้ความรู้รวมถึงคำแนะนำด้านผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยที่ประชาชนอาจจะได้รับหากมีการใช้น้ำเพื่อการบริโภค
บทคัดย่อ (EN): While there are many recent studies reporting on nitrate pollution in the ground water of many regions, there is very limited information on this matter with respect to Thailand as high nitrate consumption is directly related to public health hazards. In addition, the rural households of the country still use groundwater as a major source of water in particular for consumption, water supply and agriculture purposes. Therefore, this study focused on assessment of nitrate contamination and its distribution in groundwater at the Western Thailand where Nakhon Pathom and Suphanburi province is the study area. In this study, groundwater was opted by random sampling at least one artesian well per sub-district to analyze water characteristics. The Global Position System (GPS) receiver was used for providing the accurate locations which were utilized for nitrate distribution map. The results of groundwater analysis revealed that 36% and 72% of the total samples of 105 and 158 wells in Nakhon Pathom and Suphanburi had the water quality above the suitable criteria of groundwater for consumption, respectively. The maximum nitrate concentration was 10.8 mg/L which below the maximum acceptable concentrations (MACs) of 45 mg/L in Nakhon Pathom. Among the sampling in Suphanburi, 9% of the artesian wells had nitrate above the MAC. The highest nitrate contents presented to be 163.5 and 159.7mg/L in the districts of Dan Chang and U Thong, respectively. From survey and questionnaire information, it was obviously showed that the elevated nitrates mostly found in shallow artesian wells situated in agricultural areas i.e. sugarcane, corn and paddy fields. This correlated well with the assessment that 90% of total nitrate discharged into the environment come from agricultural sector. Nitrate risk assessment showed the hazard quotient (HQ) in Nakhon Pathom less than 1 while HQ in Suphanburi was more than 1. For interpretation, the HQ of more than 1 indicated that the water was not safe for drinking purpose. Thus the related agency should call for immediate monitoring and surveillance. In addition, recommendations related to health matters are also very important to be considered, subject to the consumptions of water having high nitrate contents. While there are many recent studies reporting on nitrate pollution in the ground water of many regions, there is very limited information on this matter with respect to Thailand as high nitrate consumption is directly related to public health hazards. In addition, the rural households of the country still use groundwater as a major source of water in particular for consumption, water supply and agriculture purposes. Therefore, this study focused on assessment of nitrate contamination and its distribution in groundwater at the Western Thailand where Nakhon Pathom and Suphanburi province is the study area. In this study, groundwater was opted by random sampling at least one artesian well per sub-district to analyze water characteristics. The Global Position System (GPS) receiver was used for providing the accurate locations which were utilized for nitrate distribution map. The results of groundwater analysis revealed that 36% and 72% of the total samples of 105 and 158 wells in Nakhon Pathom and Suphanburi had the water quality above the suitable criteria of groundwater for consumption, respectively. The maximum nitrate concentration was 10.8 mg/L which below the maximum acceptable concentrations (MACs) of 45 mg/L in Nakhon Pathom. Among the sampling in Suphanburi, 9% of the artesian wells had nitrate above the MAC. The highest nitrate contents presented to be 163.5 and 159.7mg/L in the districts of Dan Chang and U Thong, respectively. From survey and questionnaire information, it was obviously showed that the elevated nitrates mostly found in shallow artesian wells situated in agricultural areas i.e. sugarcane, corn and paddy fields. This correlated well with the assessment that 90% of total nitrate discharged into the environment come from agricultural sector. Nitrate risk assessment showed the hazard quotient (HQ) in Nakhon Pathom less than 1 while HQ in Suphanburi was more than 1. For interpretation, the HQ of more than 1 indicated that the water was not safe for drinking purpose. Thus the related agency should call for immediate monitoring and surveillance. In addition, recommendations related to health matters are also very important to be considered, subject to the consumptions of water having high nitrate contents.
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
คำสำคัญ: การประเมินความเสี่ยง
คำสำคัญ (EN): Nitrate
เจ้าของลิขสิทธิ์: สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง

อรรถศิษฐ์ วงศ์มณีโรจน์. "การปนเปื้อนของไนเตรทในแหล่งน้ำบาดาล พื้นที่ภาคตะวันตก และการประเมินความเสี่ยงNitrate in Groundwater of the Western THAILAND-Assessing the Risk". มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. 2552

อรรถศิษฐ์ วงศ์มณีโรจน์. "การปนเปื้อนของไนเตรทในแหล่งน้ำบาดาล พื้นที่ภาคตะวันตก และการประเมินความเสี่ยงNitrate in Groundwater of the Western THAILAND-Assessing the Risk". มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. 2552. Print.



TARR Wordcloud:
การปนเปื้อนของไนเตรทในแหล่งน้ำบาดาล พื้นที่ภาคตะวันตก และการประเมินความเสี่ยง
อรรถศิษฐ์ วงศ์มณีโรจน์
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
30 กันยายน 2552
ความเสี่ยงของการสะสมไนเตรท ในผักสด การจัดการเพื่อลดการปนเปื้อนสารหนูในการผลิตข้าวที่ผลิตจากพื้นที่เสี่ยง การจัดการเพื่อลดการปนเปื้อนสารหนูในการผลิตข้าวที่ผลิตจากพื้นที่เสี่ยง (ปีที่ 2) การจัดการเพื่อลดการปนเปื้อนสารหนูในการผลิตข้าวที่ผลิตจากพื้นที่เสี่ยง (ปีที่ 2) การประเมินลักษณะเชื้อพันธุกรรมข้าวในพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออกและภาคตะวันตก ปี 2551 การประเมินลักษณะเชื้อพันธุกรรมข้าวในพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก ปี 2553 การประเมินลักษณะเชื้อพันธุกรรมข้าวในพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก ปี 2555 การแก้ไขปัญหาจากการปนเปื้อนของสารแคดเมียมในพื้นที่ลุ่มน้ำใน อ.แม่สอด จ.ตาก ประเมินผลกระบวนการเรียนรู้จากการปฏิบัติเพื่อการพัฒนาบุคลากรในพื้นที่ภาคตะวันตก การประเมินลักษณะเชื้อพันธุกรรมข้าวในพื้นที่ภาคกลาง ตะวันออก และตะวันตก ปี 2556
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก
พัฒนาระบบโดยศูนย์ความรู้เฉพาะด้านวิศวกรรมความรู้และวิศวกรรมภาษาDeveloped by Center of Excellence for Unified Knowledge and Language Engineering
สนับสนุนโดยสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)Supported by the Agricultural Research Development Agency (Public Organization)
แบบสำรวจความพึงพอใจQuestionair