สืบค้นงานวิจัย
สภาพการผลิตการตลาดบัวหลวงตัดดอกในจังหวัดนนทบุรี
ภูริพันธุ์ สุวรรณเมฆ - กรมส่งเสริมการเกษตร
ชื่อเรื่อง: สภาพการผลิตการตลาดบัวหลวงตัดดอกในจังหวัดนนทบุรี
ผู้แต่ง / หัวหน้าโครงการ: ภูริพันธุ์ สุวรรณเมฆ
บทคัดย่อ: บัวหลวงเป็นพืชที่ใช้ประโยชน์ได้จากทุกส่วนของลำต้น ในส่วนของดอก เนื่องจากประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ ดอกบัวจึงเป็นไม้ดอกที่มีความนิยมมากในเทศกาลทำบุญต่างๆ และ เป็นที่ต้องการสูงในวันโกนก่อนวันพระ ส่งผลให้ดอกบัวมีความสำคัญไม่แพ้ไม้ดอกชนิดอื่นๆ ดังนั้น งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาสภาพการผลิต การตลาด บัวหลวงตัดดอกในจังหวัดนนทบุรี ตลอดจนปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะที่เกี่ยวกับการผลิตบัวหลวงตัดดอกในจังหวัดดังกล่าว เพื่อเป็นข้อมูลในการจัดทำแนวทางการพัฒนาส่งเสริมการผลิตบัวหลวงตัดดอกของจังหวัดนนทบุรีและจังหวัดอื่นที่มีศักยภาพต่อไป การวิจัยนี้ดำเนินการสำรวจเกษตรกรผู้ปลูกบัวหลวงตัดดอกในอำเภอบางใหญ่ บางกรวย ปากเกร็ด บางบัวทอง จำนวน 49 ราย ผลการศึกษาพบว่า เกษตรกรร้อยละ 66.3 เป็นเพศชาย มีอายุเฉลี่ย 49.5 ปี จบการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และทำนาบัวเป็นอาชีพหลัก เกษตรกรนอกจากจะปลูกบัวเพื่อตัดดอกแล้วยังจำหน่ายส่วนอื่นๆ ของบัวด้วย เช่น ฝัก ใบ ไหล และเมล็ด เกษตรกรมีขั้นตอนในการเตรียมแปลง คือ ยกคันดิน ไถแปลง โรยปูนขาว ตากแปลง ใส่ปุ๋ยส่วนใหญ่เป็นปุ๋ยเคมีและปล่อยน้ำเข้าแปลง สูง 10-20 เซนติเมตร พันธุ์บัวที่ใช้ปลูก ได้แก่ บัวหลวงชมพู บัวหลวงขาวซ้อน และบัวหลวงชมพูซ้อน เกษตรกรปลูกบัวโดยวิธีใช้ดินหมกที่ระยะ 2X2 เมตร หลังจากนั้น 1 เดือน ในช่วงแรกจะปล่อยน้ำเข้าแปลงลึก 30 เซนติเมตร ต่อมาอีก 2 อาทิตย์ ปล่อยน้ำเข้าแปลงในช่วงที่สองลึก 50 เซนติเมตร และหว่านปุ๋ยในนาบัวอีกครั้งหลังปลูก 2 อาทิตย์ เพลี้ยและไรเป็นศัตรูบัวที่สำคัญ และป้องกันกำจัดโดยใช้อะบาเมคตินฉีดพ่น เกษตรกรฉีดพ่นสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูบัว 2 ครั้งต่ออาทิตย์ เกษตรกรจะเก็บดอกขายหลังปลูก 71 วัน ผลผลิตที่ได้เฉลี่ย 335 ดอกต่อไร่ต่อวัน เมื่อต้นโทรมเกษตรกรจะทุบบัว หลังจากนั้นจะใส่ปุ๋ย ยูเรีย และเริ่มเก็บเกี่ยวดอกบัวหลังทุบบัวเฉลี่ย 5.7 อาทิตย์ ด้านการจำหน่ายเกษตรกรจะมีวิธีการจำหน่ายดอกบัวต่างกัน เช่น มีผู้มารับซื้อถึงบ้าน ส่งให้ผู้รวบรวม ส่งให้พ่อค้า และจำหน่ายเอง นอกจากนี้ยังมีการส่งไปจำหน่ายยังต่างประเทศ เช่น ประเทศสิงคโปร์ เป็นต้น สำหรับต้นทุนการผลิตบัวหลวงตัดดอกในการปลูกจนเก็บผลผลิตครั้งแรกของเกษตรกรซึ่งเป็นระยะเวลา 6 เดือน เป็นเงินเฉลี่ย 11,111.4 บาทต่อไร่ ขณะที่เกษตรกรมีรายได้เฉลี่ย 16,415.0 บาทต่อไร่ เกษตรกรจะมีรายได้สุทธิ 5,303.6 บาทต่อไร่ต่อ 6 เดือน และเมื่อทุบบัวแล้วเก็บผลผลิต เกษตรกรจะมีรายได้เพิ่มขึ้นเนื่องจากจะไม่มีค่าใช้จ่ายในการยกคันดิน ค่าต้นพันธุ์และค่าแรงงานปลูก
บทคัดย่อ: ไม่พบข้อมูลจากหน่วยงานต้นทาง
ภาษา (EN): th
เผยแพร่โดย: กรมส่งเสริมการเกษตร
คำสำคัญ: บัว
หมวดหมู่:
หมวดหมู่ AGRIS:
เจ้าของลิขสิทธิ์: กรมส่งเสริมการเกษตร
หากไม่พบเอกสารฉบับเต็ม (Full Text) โปรดติดต่อหน่วยงานเจ้าของข้อมูล

การอ้างอิง


TARR Wordcloud:
สภาพการผลิตการตลาดบัวหลวงตัดดอกในจังหวัดนนทบุรี
กรมส่งเสริมการเกษตร
2548
การศึกษาสภาพการผลิตและการตลาดผักพื้นบ้าน สภาพการผลิตและการตลาดข้าวนาปรังของเกษตรกรจังหวัดนนทบุรี บทบาทของเอทิลีน สภาพเครียดจากการขาดน้ำและความชื้นสัมพัทธ์ต่อการเสื่อมสภาพของบัวหลวงตัดดอก การศึกษาหาสายพันธุ์บัวหลวงที่เหมาะสมสำหรับการผลิตรากบัว สภาพการผลิตและการตลาดขมิ้นชัน การศึกษาหาสายพันธุ์บัวหลวงที่เหมาะสมสำหรับการผลิตรากบัว ศึกษาการผลิตและการตลาดพริก การวิเคราะห์ศักยภาพด้านการตลาดและการผลิตของผู้ผลิตผักอินทรีย์ในกลุ่มเกษตรอินทรีย์บ้านต้นเฮือด ตำบลบ้านแหวน อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ สภาพการผลิตและการตลาดข้าวขาวดอกมะลิ 105 ในจังหวัดพิจิตร การผลิตและการตลาดส้มเขียวหวาน อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย
คัดลอก URL
กระทู้ของฉัน
ผลการสืบค้นทั้งหมด โพสต์     เรียงลำดับจาก